ซี6โวยโดนยกเค้า โรงแรมไม่รับผิด แถมตร.เกียร์ว่าง

เมื่อเช้าวันที่ 26 พ.ค. นางสายชล ทับทิมเมือง อายุ 46 ปี ข้าราชการระดับ 6 สำนักส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้สื่อข่าว นสพ.ไทยรัฐ

ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ บางพลัด กทม. กรณีถูกคนร้ายย่องเข้าห้องพักขโมยทรัพย์สินกว่าสามแสนบาทว่า ก่อนเกิดเหตุได้เข้าอบรมสัมมนาโครงการสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชน ณ โรงแรมรอยัล ริเวอร์ ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค.2550

โดยเข้าพักห้องเลขที่ 847 โรงแรมดังกล่าว

ในวันที่ 24 พ.ค.เวลา 15.30 น. มีเจ้าหน้าที่โรงแรมนำสัมภาระมาส่งที่ห้อง พบว่าห้องพักเป็นระบบล็อกอัตโนมัติใช้คีย์การ์ดสแกนกับเครื่องที่ติดไว้หน้าประตูเวลาเปิดห้อง แต่ประตูห้องพักไม่สามารถล็อกได้ สนิทใช้มือดึงประตูออกได้ แต่ไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นโรงแรมชั้นดี กลางคืนเพื่อนรุ่นน้อง ซึ่งเคยจดรหัสบัตรเอทีเอ็มฝากกดเงิน นำขนมมาให้ก่อนออกไป ตนทำงานต่อเกือบเที่ยงคืนจึงเข้านอนหลับสนิท

ข้าราชการเคราะห์ร้ายลำดับเหตุการณ์ต่อว่า

วันรุ่งขึ้นตื่นเช้า ตนมองไม่เห็นกระเป๋าเอกสารที่วางไว้ ซึ่งภายในมีเงินสดประมาณ 1,000 บาท สมุดเงินฝากธนาคาร 3 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 3 ใบ บัตรเครดิต 4 ใบ เอกสาร กุญแจบ้าน

ก่อนพบกระเป๋าถูกวางทิ้งในห้องน้ำ

ทรัพย์สินภายในหายหมด พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมสมเด็จนางพญาเหลี่ยมทอง หนัก 2 สลึง มูลค่า 35,000 บาท โทรศัพท์มือถือ โนเกีย รุ่นเอ็น 93 ราคา 31,000 บาท ที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง จึงแจ้งทางโรงแรม มีหัวหน้ารักษาความปลอดภัย มาตรวจประตูห้องเกิดเหตุ

ก่อนบอกว่าไม่ใช่ความผิดทางโรงแรม

ตนจึงรีบไปธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนตะนาว เพื่อขออายัดบัตรเอทีเอ็ม และสมุดเงินฝาก ปรากฏว่าเงินในบัญชีออมทรัพย์ โดนกดถอนจากตู้เอทีเอ็มเหลือเพียง 164 บาท จากยอดเงิน 303,706 บาท โดยคนร้ายกดถอนครั้งละ 20,000 บาท คนร้ายยังได้นำบัตรเครดิตของธนาคารกรุงไทย กดถอนเงินสดไปอีก 15,000 บาท

นางสายชลกล่าวต่อว่า ต่อมาเวลา 10.00 น.

ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางพลัด ร้อยเวรสอบถามเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นใช้เวลากว่า 4 ช.ม. เมื่อกลับมาถึงปรากฏว่าเจ้าหน้าที่โรงแรมเข้ามาทำความสะอาดห้อง ทั้งที่มีการแจ้งห้ามทำความสะอาด ส่วนร้อยเวรมาถึงที่เกิดเหตุในเวลา 16.30 น.ได้บันทึกภาพ

แต่เมื่อตนขอดูเทปวงจนปิดร้อยเวรขอตัวกลับทันที

เจ้าหน้าโรงแรมก็บ่ายเบี่ยงไม่ให้ ดูเทปเวลาเกิดเหตุ จึงสงสัยว่าทำไมตำรวจมาเพียงคนเดียวและไม่ได้สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โรงแรมเลย ไม่ได้ ตรวจสอบลายนิ้วมือคนร้าย หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่โรงแรมไม่ให้ความร่วมมือทั้งโยนความผิดให้แขก การรับแจ้งความตำรวจล่าช้า การอายัดบัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต ไม่สามารถติดต่อได้รวดเร็ว

ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝ่ายใด

เชื่อว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพ เพราะบัตรเครดิตของธนาคารกรุงไทย คนร้ายไม่รู้รหัสยังสามารถกดเงินได้ จึงไม่สงสัยคนใกล้ชิด เชื่อว่าคนร้ายกดเงินช่วงหลังเที่ยงคืน ขณะนี้เดือดร้อนมากเพราะเงินก้อนดังกล่าวกู้สหกรณ์มา

เตรียมนำไปไถ่ถอนบ้านที่แม่มอบเป็นมรดกให้ลูกหลานรักษาไว้

แต่คิดว่าต้องอบรมหลายวันจึงพกเงินติดตัวไว้ ส่วนสร้อยทองคำก็นำมาคุ้มครองปกติไม่เคยห้อยติดตัว นางสายชล กล่าว

ต่อมาเวลา 10.30 น.วันเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวไปติดต่อบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โรงแรมรอยัล ริเวอร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมยอมให้ข้อมูล อย่างไรก็ตาม นายปราโมทย์ ผดุงพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายห้องพัก

ชี้แจงเป็นเอกสารสรุปว่า

จากการตรวจเรกคอร์ดของระบบกุญแจคอมพิวเตอร์ของห้อง 847 ในการเปิดเข้า-ออก ปรากฏว่าช่วงเวลาระหว่างผู้เสียหายเข้าพัก ไม่มีบันทึกว่าเจ้าหน้าที่ของโรงแรมใช้ คีย์การ์ดสแกนเข้าไปในห้องเกิดเหตุแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า

บัตรเอทีเอ็มที่ออกโดยธนาคารทั่วไปได้กำหนดวงเงินให้เบิกได้วันละ 30,000-50,000 บาท ใช้บัตรเอทีเอ็มถอนเงินสดได้ 3-5 ครั้งต่อวัน ปัจจุบันธนาคารได้ออกบัตรวีซ่าอิเล็กตรอน

เป็นบัตรเดบิตใช้ได้ทั้งเบิกเงินสดและใช้รูดซื้อสินค้า

เงื่อนไขของบัตรวีซ่าอิเล็กตรอน กำหนดวงเงินให้เบิกผ่านตู้เอทีเอ็มวันไว้ที่วันละ 100,000-400,000 บาท และสามารถกดได้แต่ละวันถึง 10-20 ครั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่าในระยะหลังธนาคารพยายามแนะนำให้ลูกค้าใช้บัตรวีซ่าอิเล็กตรอนมากกว่าบัตรเอทีเอ็ม

เพราะบัตรเอทีเอ็มเสียค่าธรรมเนียมรายปี เพียงปีละ 100 บาท

ส่วนบัตรวีซ่าอิเล็กตรอนเสียค่าธรรมเนียมรายปี ปีละ 200 บาท บางครั้งมักไม่บอกลูกค้าว่าบัตรที่ใช้อยู่เป็นบัตรวีซ่าอิเล็กตรอน ไม่ใช่บัตรเอทีเอ็มอย่างที่เข้าใจ ทำให้ลูกค้าไม่ทราบว่าบัตรที่ตนถืออยู่สามารถเบิกถอนได้วันละ 10-20 ครั้ง และกดเงินได้ 100,000-400,000 บาท ต่อวัน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ