จ๊อย ทีเค สุดเศร้า โดนเพิ่มโทษ จำคุกตลอดชีวิต ปรับเงิน 1.2 ล้านบ.

6 กรกฎาคม 2550 14:43 น.

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษ จ๊อย ทีเค ค้ายาบ้า 8 ปี 1 เดือน เป็นจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1.2 ล้านแต่คำให้การมีประโยชน์ ปรานีลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 8 แสน ชี้จำเลยครอบครองยาบ้ากว่า 4 พันเม็ด ต้องรับโทษเท่าแฟนหนุ่มฐานร่วมกระทำผิด

(6กค.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.พรพรรณ รัตนเมธานนท์ หรือ จ๊อย ที เค อายุ 26 ปี อดีตนักร้องสาววง “ไทร์อัมคิงส์ดอม” ค่ายเบเกอรี่มิวสิค
นายจิตพัฒน์ หรือโต้ง สังฆ สุวรรณ แฟนหนุ่มอายุ 27 ปี และ นายนิมิตร เป็งศิริ อายุ 29 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความ ผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 48 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 47 ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.2 จับกุมผู้ต่องหารายอื่นได้ที่หน้าบริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัสภายในปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถ.พหลโยธิ น และที่ลานจอดรถชั้น 2 อาคารทีวีซีคอนโดมิเนียม ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวงเขตสายไหมจากการสอบสวนขยายผลผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากจำเลยที่ 1 และ 2 จึงวางแผนล่อซื้อยาบ้าจำนวน 300 เม็ด เมื่อจำเลยนำยาบ้ามาส่งที่ ซ.ยิ้มประกอบ ถ.งามวงศวาน ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จึงจับกุมแจ้งข้อหาดำเนินคดี จากนั้นได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักพักจำเลยที่ 2 พบยาบ้าจำนวน 3,740 เม็ดซุกซ่อนไว้ด้วย

ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 และ 2ให้การรับสารภาพ แต่ให้การปฏิเสธสู้คดีในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 3 ซึ่งถูกจับกุมตัวภายหลังให้การปฎิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด



คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.48 ให้ลงโทษจำคุก น.ส.พรพรรณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี 1 เดือน ปรับ 340,000 บาท


ส่วนนายจิตพัฒน์ จำเลยที่ 2 จำคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 800,000 บาทส่วนนายนิมิตร จำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์


โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 และให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ขณะที่ที่จำเลยที่ 1 และ 2 ยื่น อุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษสถานเบาด้วย


ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 และ 2 อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่าคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนั้น สามารถบอกรายละเอียดต่าง ๆ การจับกุม รวมทั้งการซุกซ่อนยาบ้าภายในบ้านของจำเลยที่ 2 ได้อย่างเป็นขั้นตอนประกอบการการจับกุมขยายผลจากคดีก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาใกล้เคียงกัน


ศาลอุทรณ์ชี้ไม่มีเหตุให้ลงโทษสถานเบา


ส่วนที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองยาบ้าเพียง 440 เม็ด ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปค้นบ้านพักของจำเลยที่ 2 บอกแหล่งที่ซุกซ่อนยาบ้าภายในบ้าน พร้อมให้ข้อมูลในการจับกุมจำเลยที่ 3 เห็นว่า จำเลยที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกันกระทำผิดฐานมียาบ้า จำนวน 4,040 เม็ดไว้ใน ครอบครองเพื่อจำหน่าย อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นส่วนที่จำเลยที่ 1 ขอให้ลงโทษสถานเบาศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่มีเหตุให้ลงโทษสถานเบา



คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งมีความสัมพันธ์ กับจำเลยที่ 1 และ 2 และเป็นผู้ที่นำยาบ้าไปส่งให้แก่จำเลยที่ 1 และ 2 ตามคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 เห็นว่า เป็นเพียงคำให้การซัดทอดของจำเลยที่ 1-2 เท่านั้น ที่กระทำผิดร่วมกันคำให้การไม่มีน้ำหนักรับ รับฟังได้น้อย ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3 นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1.2 ล้านบาท คำให้การมีประโยชน์ต่อการพิจารณาเห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 33 ปี 4 เดือน ปรับ 8 แสนบาท และ ให้รับโทษต่อจากคดีแดงที่ 3624/2547 ที่ศาลแขวงพระโขนงจำคุก 1 เดือน คดีขับรถขณะเมาสุรา รวมคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 33 ปี 5 เดือน ปรับ 8 แสนบาท ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือนปรับ 8 แสนบาท ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์