จูงลูกให้ผัวข่มขืนอนาถแม่แท้ ๆ นั่งดูตา-ยายโร่แจ้งจับ

ลูกสาววัย 14 ปี ถูกแม่แท้ๆ พาไปให้พ่อเลี้ยงข่มขืนในม่านรูด

ฝากตา-ยายเลี้ยงดูที่ชัยภูมิ แต่พอวันศุกร์มารับไปสังเวยกามถึงสระบุรี เตรียมพาไปอยู่ด้วยจนเด็กซึมเศร้า คาดคั้นจนรู้ความจริง เผยบางครั้งแม่นั่งดูอยู่ด้วย ด้านตำรวจเตรียมประสานพื้นที่เกิดเหตุ ส่งแพทย์ตรวจพบร่องรอยถูกข่มขืนจริง


เรื่องราวความเสื่อมโทรมของสังคมรายนี้ 

เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม  เวลา 08.00น. น.ส.สุลัดดา สำราญ อาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนแห่งหนึ่งของ จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย นางมี และนายสม ราษฎร อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้นำ ด.ญ.เอ๋  (นามสมมติ) หลานสาว อายุ 14 ปี  นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.บัญชา โสชารี ร้อยเวร สภ.อ.เมืองชัยภูมิ ให้ดำเนินคดีกับนางวัน อายุ 30 ปี และนายหนูรักษ์ พัฒน์ประดิษฐ์ พ่อเลี้ยง อายุ 40 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.สุราษฎร์ธานี 

โดยกล่าวหาว่าถูกนายหนูรักษ์ ข่มขืนต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน

โดยมีนางวัน ผู้เป็นแม่รู้เห็นเป็นใจด้วย  นางมี และนายสม ระบุว่า นางวัน ลูกสาวได้เลิกกับสามีเก่า โดยมีบุตรสาว 1 คนคือ  ด.ญ.เอ๋  ต่อมาได้อยู่กินกับนายหนูรักษ์ และไปทำงานที่ จ.สระบุรี จึงพา ด.ญ.เอ๋ มาให้ตายายเลี้ยงดูที่ จ.ชัยภูมิ ต่อมาในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา นางวันได้เดินทางมาทุกวันศุกร์เพื่อรับตัวบุตรสาวไปเที่ยวที่ จ.สระบุรี หลังจากกลับมามักมีอาการเซื่องซึม เก็บตัวไม่พูดจา ทั้งที่ปกติเป็นคนร่าเริงแต่กลับมีพฤติกรรมเปลี่ยนเป็นเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด


นางมี เล่าว่า เมื่อครูมาแจ้งให้ทราบ จึงพยายามสอบถาม

กระทั่งทราบว่า ทุกครั้งที่แม่พาไป จ.สระบุรี มักพาไปให้พ่อเลี้ยงข่มขืนที่โรงแรมม่านรูดหรือที่ห้องเช่า  ล่าสุดเพิ่งถูกกักขังข่มขืนนานติดต่อกัน 2 วัน 2 คืน โดยมีนางวัน ผู้เป็นแม่นั่งดูอยู่ และหลังกลับมาอยู่บ้านกับตายาย ก็มีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อแม่จะมารับตัว ล่าสุด ทั้งแม่และนายหนูรักษ์ได้เดินทางมาที่บ้านอีก แต่เมื่อถูกสอบถามมากเข้า จึงขึ้นรถกลับไปทันที


 หลังรับแจ้ง ตำรวจได้ส่งตัว ด.ญ.เอ๋ ไปให้โรงพยาบาลชัยภูมิ ตรวจหาร่องรอยข่มขืน

พบว่า มีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำผลการตรวจของแพทย์ ส่งประสานกับตำรวจจังหวัดสระบุรี ท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีต่อไป
 

 ครูฝ่ายปกครอง กล่าวว่า หลังครอบครัวแตกแยก ด.ญ.เอ๋ ต้องอาศัยอยู่กับตายาย

ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว โดยระยะแรกมารดาเด็กไม่ได้ให้ความสนใจ แต่มาระยะหลังกลับมารับตัวไปทุกวันศุกร์ และจะพากลับมาให้ตายายในวันอาทิตย์ ทำเช่นนี้ทุกสัปดาห์  บางครั้งก็ให้เด็กขาดเรียน 2-3 วัน และล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มาติดต่อโรงเรียนอ้างว่า จะนำลูกไปเลี้ยงที่ จ.สระบุรี แทน เพราะตายายที่บ้านแก่แล้วอาจจะเลี้ยงดูลูกไม่ไหว แต่เด็กก็หนีกลับมาหาตายาย


น.ส.สุลัดดา กล่าวว่า เมื่อช่วง 4 วันที่ผ่านมาสังเกตเห็นว่า ด.ญ.เอ๋ ที่เคยเป็นเด็กร่าเริง กลับมีอาการซึมเศร้าผิดปกติ

จึงสอบถามจนทราบว่า ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน เมื่อแม่ทราบก็ไม่ได้ว่าอะไร จึงถูกข่มขืนมาตลอด ระยะหลังบางครั้งก็มีแม่นั่งดูอยู่ในห้องด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ทำให้สองตายายเครียดจัด เพราะเกรงว่าหลานสาวจะถูกนำตัวไปข่มขืนอีก

เบื้องต้นได้ช่วยเหลือด้วยการพาเข้าแจ้งความและได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณาฯ แล้ว


 ด้าน พ.ต.อ.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผกก.ศูนย์สวัสดิภาพเด็ก เยาวชน และสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า หากเด็กถูกผู้ปกครองล่วงละเมิดทางเพศ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก หน่วยงานด้านประชาสงเคราะห์สามารถรับเด็กไปดูแลในสถานที่ปลอดภัยได้ทันที
 
ส่วนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าให้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่เป็นผู้สืบสันดาน จากโทษเดิม 1 ใน 3 เช่น กรณีที่ศาลตัดสินให้จำคุกจำเลยที่ก่อคดีข่มขืนเด็ก 20 ปี หากจำเลยผู้นั้นเป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือครูอาจารย์ ก็จะมีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดนั้นเป็น 27 ปี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์