จับแล้วสาวคนสนิท-ฆ่าเผานายพล

จับแล้วสาวในภาพจากกล้องวงจรปิด มือมีดสังหาร"พล.ต.ต.ชูเกียรติ ภัยลี้"หนีไปกบดานถึงจ.เพชรบูรณ์ แต่ไม่รอด ชุดสืบสวนตามไปซิวพร้อมของกลางหลายรายการ โดยได้เบาะแสจากภาพที่แจกจ่ายไปทั่ว เผยเป็นสาวรุ่นอายุแค่ 24 ปี สารภาพอ้างลงมือเพียงลำพังและต้องการทรัพย์สินเท่านั้น เผยคำให้การรู้จักกันได้เดือนเดียวก่อนที่อดีตนายตำรวจใหญ่จะพามาที่บ้านหลายครั้ง เห็นว่ามีฐานะร่ำรวยจึงวางแผนร้ายอาศัยจังหวะเผลอใช้มีดแทง ก่อนต่อสู้กันเลยกระหน่ำไม่ยั้งตายคาที่ จากนั้นปลดทรัพย์สินและเผาบ้านอำพรางคดี แต่ตร.ยังไม่ปักใจเร่งขยายผลว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือมีคนอื่นร่วมสมคบคิดหรือไม่

จากเหตุการณ์ฆาตกรรมพล.ต.ต.ชูเกียรติ ภัยลี้ อายุ 69 ปี อดีตรองผบช.ภาค 7

ซึ่งคนร้ายใช้มีดแทงเสียชีวิตก่อนเผาบ้านอำพรางคดี เหตุเกิดภายในบ้านพักหมู่บ้านกฤษดานคร 10 อ.บาง ใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ชุดคลี่คลายคดีมุ่งไปยังคนใกล้ชิด เนื่องจากได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดห้างเทสโก้ โลตัส หลักสี่ จับภาพหญิงสาวคนหนึ่ง กดเอทีเอ็มเบิกเงินจากบัญชีผู้ตายในตู้ธนาคารกรุงไทยออกไป พร้อมกันนี้ตำรวจภาค 1 ตั้งรางวัลนำจับให้ผู้ชี้เบาะแสจำนวน 1 แสนบาท ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
 
ตำรวจภาค 1 สามารถติดตามจับกุมหญิงสาวต้องสงสัยได้แล้ว เบื้องต้นทราบชื่อคือน.ส. ภรณ์ภัสสรณ์ หรือจิราภรณ์ หรือ บ๋อม ศิริวงศ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167/133 ม.1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมของกลางที่ขโมยไปจากบ้านพล.ต.ต.ชูเกียรติ หลายรายการ โดยตำรวจตามเจอตัวขณะกบดานอยู่บ้านเพื่อนที่ ต.ดงมูลเหล็ก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ สอบสวนผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือสังหารพล.ต.ต.ชูเกียรติ เพราะต้องการทรัพย์สิน และอ้างว่าลงมือเพียงลำพัง

รายงานข่าวแจ้งว่า
 
การจับกุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาหลักสี่ ซึ่ง น.ส.ภรณ์ภัสสรณ์ นำบัตรเอทีเอ็มของพล.ต.ต. ชูเกียรติ ไปกดเงินสดออกจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ผ่านทางสื่อต่างๆ กระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.ภาค 1 ได้รับเบาะแสว่าพบหญิงสาวต้องสงสัยเป็นคนเดียวกับในภาพอยู่ที่จ.เพชรบูรณ์ จึงรายงานไปยังพล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภาค 1 รับทราบ

จากนั้นเรียกกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.ทรงวุฒิ ถวัลย์กิจดำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รองผบก.ศสส.ภาค 1, พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. และพ.ต.ท.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองผกก.กลุ่มงานสืบสวนภ.จว.นนทบุรี นำกำลังเดินทางไปประสานกับตำรวจท้องที่ จนสามารถรวบตัวไว้ได้ และพาเข้ากรุงเทพฯเพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนที่พล.ต.ท.ฉลอง จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 9 ก.ค.นี้

สอบสวนเบื้องต้นน.ส.ภรณ์ภัสสรณ์ สารภาพว่า

รู้จักสนิทสนมกับพล.ต.ต.ชูเกียรติ เมื่อ เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเจอกันในร้านอาหารย่านถ.ราชพฤกษ์ ที่ตนทำงานอยู่และเคยไปที่บ้านพล.ต.ต.ชูเกียรติ หลายครั้ง จนเห็นว่ามีฐานะร่ำรวย และมีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงเกิดความโลภ กระทั่งวันเกิดเหตุอยู่กับพล.ต.ต. ชูเกียรติ เพียงลำพัง อาศัยจังหวะเผลอใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ลำคอ ก่อนเกิดต่อสู้กันจึงกระหน่ำแทงเข้าตามร่างกายอีกหลายครั้งจนเสียชีวิต จากนั้นก็ขโมยทรัพย์สินและบัตรเอทีเอ็ม ก่อนวางเพลิงเผาบ้านเพื่ออำพรางคดี อย่างไรก็ตาม ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล เพราะยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมดว่าประสงค์ต่อทรัพย์สินและลงมือเพียงคนเดียว

ด้านพล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า
 
ขณะนี้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนหาความจริง เบื้องต้นให้การรับสารภาพเป็นผู้ลงมือเพียงคนเดียว โดยรู้จักกับพล.ต.ต.ชูเกียรติ ไม่นาน ระบุว่าผู้ตายมีบุญคุณเคยช่วยเหลือหลายเรื่อง ล่าสุดได้มาหาที่บ้านพัก ระหว่างที่พล.ต.ต.ชูเกียรติ เผลอนอนหลับนำมีดที่พกมาด้วยจ้วงแทงที่ก้านคอ ก่อนจะแทงซ้ำแต่ช่วงนั้นพล.ต.ต.ชูเกียรติ ฮึดสู้กอดปล้ำทำให้มีดบาดที่มือคนร้ายหลายแห่ง กระทั่งผู้ตายสิ้นใจลง จึงจุดไฟเผาผ้าปูที่นอนเพื่อทำลายหลักฐาน

พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า
 
สาเหตุที่ลงมืออ้างเพียงประสงค์ต่อทรัพย์และรับว่าทำเพียงคนเดียว เพราะหลังเกิดเหตุเดินทางไปให้แพทย์ที่ศิริราชพยาบาลรักษา โดยบอกกับแพทย์ว่าแย่งมีดคัตเตอร์กับเพื่อนจนถูกบาด ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบแล้วพบว่าตรงกัน ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุได้โยนทิ้งไปในห้องน้ำบ้านที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบว่ามีจริงจึงเก็บไว้เป็นของกลาง อย่างไรก็ตามคำให้การดังกล่าวอยู่ระหว่างพิเคราะห์ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะก่อเหตุเพียงคนเดียว จึงสั่งให้สอบเค้นอย่างละเอียดต่อไป สำหรับทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาได้ไป อาทิ สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท 1 เส้น นาฬิกา แหวนทอง