จับมัดมือมัดเท้า ฆ่าอำมหิต เอ็นจีโอปากกล้า

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มี.ค. พ.ต.ท.อุทิศ ธรรมสมบัติ สารวัตรเวร สภ.เมืองระยอง

ได้รับแจ้งจากนายประสาน บุญยั่งยืน กำนันตำบลบ้านแลง ว่า มีชาวบ้านมาแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ลอยอืดอยู่ในสระน้ำ ภายในบริเวณวัดเขาพระบาท หมู่ 6 ต.บ้านแลง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.มนต์ชัย สีใส พ.ต.อ.ชาติชาย แตงเอี่ยม พ.ต.อ.ประสาน บุญเหมือน รอง ผบก.ภ.จ.ระยอง พ.ต.อ.สมนึก บุรมิ ผกก.สภ.เมืองระยอง นำกำลังตำรวจ พร้อมด้วยนายนภดล ศรีสุข นายอำเภอเมืองระยอง และแพทย์เวร รพ.ระยอง ไปตรวจสอบ 


ที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ แต่ละสระกว้างประมาณ 1 ไร่เศษ อยู่ห่างจากโบสถ์วัดประมาณ 100 เมตร

ที่สระแรกพบศพนายไสว เดชคุ้ม อายุ 45ปี เจ้าของร้านโชคกำชัยค้าของเก่า ไผ่ทิพย์เครื่องเสียง บริการเต็นท์เวทีให้เช่า เครื่องไฟฟ้าและภาพยนตร์กลางแปลง ตั้งอยู่เลขที่ 10/2 ถนนคลองน้ำหู ต.เนินพระ อ.เมือง ระยอง สภาพศพขึ้นอืดลอยอยู่ในน้ำ สวมเสื้อยืดสีเนื้อ มีเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำสวมทับด้านนอก นุ่งกางเกงขายาวสีเขียวขี้ม้า ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกไนลอนสีเขียว มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งบริเวณใต้คางจนกรามหัก

ส่วนผู้เสียชีวิตอีกศพลอยอืดอยู่ในสระน้ำอีกสระที่อยู่ห่างกันประมาณ 30 เมตร

ทราบชื่อนายคำพันธ์ ละยอง อายุ 46 ปี ลูกน้องคนสนิท และเป็นน้องชายอดีตภรรยาของนายไสว บ้านเดิมอยู่เลขที่ 65 หมู่ 10 ต.ร้องวัวแดง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ สภาพศพสวมเสื้อกล้ามสีดำ นุ่งกางเกงผ้าร่มสีดำ มีเชือกไนลอนมัดมือไพล่หลังและมัดแน่นที่ขาทั้ง 2 ข้าง ตามร่างกายถูกของแข็งทุบตีจนบอบช้ำทั่วตัว บริเวณใต้ต้นมะม่วงใกล้สระน้ำพบรองเท้าแตะสีเขียว 1 ข้าง ตาชั่งขนาด 60 กก. จำนวน 3 ตัว และเงิน 8 บาท วางอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้


สอบสวนนางชุลีพร พงษ์เทพ อายุ 33 ปี ภรรยาของนายไสว ให้การว่า

สามีเป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง ทั้งค้าของเก่า ภาพยนตร์กลางแปลง ให้เช่าเครื่องเสียง และเต็นท์บริการ แต่ส่วนใหญ่จะดูแลเพียงกิจการค้าของเก่า ส่วนที่เหลือให้ตนเป็นคนดูแล นอกจากนี้สามียังเป็นเอ็นจีโอในพื้นที่ ชอบเข้าร่วมกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม มีนิสัยเป็นคนขวานผ่าซาก พูดจาโผงผางไม่เกรงใจใคร ปกติตนจะนอนที่บ้านอีกหลัง ส่วนสามีและนายคำพันธ์ ลูกน้องคนสนิทจะนอนค้างที่ร้านด้วยกัน 2 คน เพราะชอบรับซื้อของเก่าในตอนกลางคืน ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 18 มี.ค. มีคนเห็นรถปิกอัพสีเทาขับเข้าไปในร้าน ก่อนที่สามีกับลูกน้องจะหายตัวไป รุ่งเช้าจึงไปแจ้งความตำรวจมาตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินหายไปหลายรายการ ประกอบด้วยลวดทองแดงน้ำหนักประมาณ 10 กก. แท่นสว่าน 3 ตัว ปั๊มลม 1 อัน และตู้เชื่อม 3 ลูก รวมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นบาท ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็นศพถูกฆ่าโหดดังกล่าว 


ตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3-4 คน บุกเข้าไปจี้จับตัวผู้ตายทั้งสองออกมาจากร้าน จับมัดมือมัดเท้าอุ้มขึ้นรถปิกอัพพาไปรุมซ้อมและทุบตีจนเสียชีวิต

จากนั้นนำศพไปโยนทิ้งสระน้ำเพื่ออำพรางคดี โดยคนร้ายพุ่งเป้าสังหารนายไสว แต่นายคำพันธ์อยู่ด้วยกันจึงถูกฆ่าปิดปากไปด้วย เบื้องต้นตั้งปมสังหารโหดไว้ 3 ประเด็น ประเด็นแรกน่าจะมาจากความขัดแย้งธุรกิจค้าของเก่า เนื่องจากนายไสวเป็นคนพูดจาโผงผางชอบด่าว่าผู้อื่น ก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ค้าของเก่ารายอื่นคนหนึ่ง เนื่องจากคู่กรณีมายืมเงินผู้ตายแต่ไม่ยอมใช้คืน เมื่อผู้ตายไปทวงถามและพยายามเอาของเก่าในร้านของคู่กรณีมาใช้หนี้แทนก็ไม่ยอม จึงมีการด่าว่ากันอย่างรุนแรง ประเด็นที่สองตามแนวทางสืบสวนทราบว่านายไสวมีปัญหาเรื่องมรดกกับญาติพี่น้อง เนื่องจากได้รับมรดกที่ดินมาจำนวนหนึ่ง แต่ยังแบ่งให้คนอื่นๆไม่หมด และประเด็นที่สามเรื่องที่ผู้ตายเข้าไปเป็นเอ็นจีโอตามพี่ชายคือนายเจริญ เดชคุ้ม ประธานชุมชนเกาะกกหนองแตเม เทศบาลเมืองมาบตาพุด อาจไปมีความขัดแย้งกับคนบางกลุ่มเข้า แต่ตำรวจให้น้ำหนัก 2 ประเด็นแรกมากกว่า เนื่องจากผู้ตายไม่ใช่เอ็นจีโอระดับแกนนำ จะได้เร่งสืบสวนหาเบาะแสคลี่คลายคดีต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์