จับทั้งยวง!ทวงเงินกู้โหดหน.แก๊งอายุแค่18 อดีตลูกน้องมาเฟียเมืองนนท์

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 กันยายน   ที่ สน.บางเขน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.
 
พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.สมศักดิ์ โปสัยะคุปต์ รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย สว.สส.สน.บางเขน พ.ต.ต.พงศ์สุรวัฒน์ วงษ์สารัมย์ สว.สส.สน.บางเขน ร่วมแถลงข่าวจับกุมตัวนายชุติเทพ สุโพธิ์ หรือกรีน อายุ18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1510/2556 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2556 นายอนันต์ บุญหล้า หรือมิตร อายุ 21 ปี นายปภพ กล่ำผ่องศรี หรือโกโก้ อายุ 21 ปี นายธนพล มาทา หรือโก้ อายุ 21 ปี นายมาโนชญ์ เจิมขุนทด หรือม้ง อายุ 20 ปี นายศรันย์ สนใจ หรืออั้น อายุ 25 ปี นายพงษ์พันธุ์ สังสีแก้ว หรือกว้าง อายุ18 ปี นายสมปอง จันทร์มา หรืออาท อายุ 22 ปี นายวีรยุทธ์ โพธิ์สังข์ หรือเฟก อายุ 25 ปี และนายสมยศ ชมหมี หรือมอส อายุ 28 ปี   ผู้ต้องหาแก๊งทวงหนี้โหด พร้อมของกลางรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ผบ1515 นครราชสีมา จยย.ยามาฮ่า สปาร์ค หมายเลขทะเบียน สพจ 636 กทม. ท่อนไม้จำนวน 2 ท่อน ขวดโซดา

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม  กลุ่มผู้ต้องหานำโดยนายชุติเทพ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง
 
ได้บุกรุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินภายในบ้านพักและทำร้ายร่างกายนางปารีฉัตร สายเกิด อายุ 50 ปี ลูกหนี้กลุ่มเงินกู้นอกระบบ ส่งผลให้นายฉัตรชัย คารีวงศ์ และนายสมชาย เกิดสาย ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้หลบหนีไป ต่อมานางปารีฉัตรได้ไปร้องเรียนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) และได้รับการช่วยเหลือในการพาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อช่วยติดตามคดีและติดตามจับกุมคนร้าย ต่อมาทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานและออกหมายจับนายชุติเทพ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กดดันจนกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดยอมเข้ามอบตัวในที่สุด 

พล.ต.ท.คำรณวิทย์  กล่าวว่า   พฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาจะปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยโหด
 
เช่น   เงินต้น 20,000 บาท จะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20  รวมเป็นเงินต้นพร้อมดอกเท่ากับ 24,000 บาท และเก็บเงินกับลูกหนี้วันละ 1,000 บาท หากลูกหนี้รายใดไม่มีเงินจ่ายก็จะข่มขู่และทำร้ายร่างกาย  ซึ่งหลังจากนี้จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบดูว่ามีผู้ต้องหารายอื่นอีกหรือไม่ เพื่อเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า จากการสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ เคยเป็นอดีตลูกน้องของนายโรจน์ นายทุนแก๊งเงินกู้รายใหญ่ ย่านนนทบุรี แต่ได้แยกตัวออกมาทำเอง ซึ่งขณะนี้ทราบว่า ยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่อีกประมาณ 5 คน คงต้องมีการขยายผลออกหมายจับเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายชุติเทพ 3ข้อหาคือ
 
ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน ,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ แจ้ง 2 ข้อหา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ด้านนายชุติเทพ ให้การว่า ตนเป็นเจ้าของเงินทุนที่นำมาปล่อยกู้ เคยรับจ้างทวงหนี้เงินกู้นอกระบบมาแล้วตอนอยู่ที่จ.ระยอง
 
โดยพยายามจดจำวิธีการทำมาจากลูกพี่ จากนั้นเมื่อเก็บเงินได้ประมาณ 80,000บาท   ก็มาอยู่ที่กทม. แล้วก็ลงมือปล่อยเงินกู้ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ซึ่งที่ผ่านมาเพิ่งปล่อยไปได้ประมาณ 4 เดือน แต่ว่าค่าดอกที่ลงทุนไปกลับสูญเปล่า เพราะนางปารีฉัตร จึงเกิดความโมโห ต่อมาไปนั่งดื่มเหล้ากับพวกที่ร่วมก่อเหตุ  ลูกชายของนางปารีฉัตรได้โทรศัพท์มาด่าตนว่าชอบไปทวงเงิน  จึงโมโหพาเพื่อนไปถล่มบ้าน

ด้านนางปารีฉัตร ผู้เสียหายกล่าวว่า  ตนกับนายชุติเทพก็ไม่ได้มีความแค้นกัน แต่ครั้งนี้ ทำกันหนักเกินไป หลังจากนี้ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายสมชาย เกิดสาย ซึ่งถูกกลุ่มผู้ต้องหาทำร้าย ได้เกิดความโมโห และเดินเข้ามาชี้ตัวผู้ต้องหาที่ทำร้าย   จากนั้นได้ใช้หลังมือขวาตบเข้าที่หลังศีรษะอย่างแรง 1 ครั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวนายสมชาย ออกไปจากการแถลงข่าวทันที

ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการปปส. ได้เดินทางมาที่ สน.บางเขน พร้อมกับนำอุปกรณ์การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาด้วย จากนั้นได้มีการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ต้องหาด้วย