จับทันควันจี้แบงก์ อ้างป่วยเป็นมะเร็ง หาเงินให้ลูกเรียน

กรณีคนร้ายควงปืนบุกเดี่ยวเข้าไปในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า

ชิงเงินสด 8 แสนบาทเศษ หลบหนีไปอย่างลอยนวล เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 มี.ค. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. เดินทางไปที่ สน.บางยี่ขัน เรียกประชุมนายตำรวจผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก. สส.บก.น.7 ทีมสืบสวน กก.สส.บก.น.7 และฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและติดตามล่าตัวคนร้าย

หลังการประชุมที่ใช้เวลานานกว่า 1 ชม. พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง เปิดเผยว่า

ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.7 และของ สน.บางยี่ขัน ได้เบาะแสของคนร้ายแล้ว ตอนนี้แบ่งกำลังกันไปเฝ้าตามจุด 5-6 แห่ง ที่คาดว่าจะไป หลบซ่อนตัว อย่างเช่น บ้านญาติ บ้านเพื่อน น่าจะมีความคืบหน้าเข้ามาบ้าง จากนั้น พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ นำภาพถ่ายของนายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 99 หมู่ 7 ซอยกานต์ประภา แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ออกมาแจกจ่ายผู้สื่อข่าว พร้อมเปิดเผยว่า คนร้ายรายนี้ดูตามประวัติและพฤติการณ์ แล้ว เชื่อว่าทำงานคนเดียว และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก พนักงานแบงก์รวมทั้งพนักงานภายในห้างที่เกิดเหตุไม่น่าเกี่ยวข้องด้วย ส่วนที่เลือกเวลาลงมือตอนใกล้ห้างปิดนั้น เพราะง่ายต่อการก่อเหตุ ระหว่างนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายเร็วๆนี้


นายไพบูลย์เรียนจบจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ หรือเอแบค เคยทำงานแผนกจัดซื้อบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง

ระยะหลังเดินเข้าออกบ่อนการพนันบ่อยครั้ง จนได้ฉายาว่า “แป๊ะบ้า” หลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาลเจ้าพระยา แล้วประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ รถจักรยานยนต์คว่ำ ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่สาหัส หลังจากเจรจากับคู่กรณีแล้ว นายไพบูลย์ ขี่รถจักรยานยนต์ไปทิ้งในลานจอดรถโรงพยาบาลเจ้าพระยา แล้วขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป ตำรวจกำลังติดตามตัวอย่างกระชั้นชิด พร้อมส่งรูปถ่ายไปตามด่าน ตม.ต่างๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้หนีออกนอกประเทศ คาดว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ใน กทม. 



ด้าน พ.ต.ท.จุมพล เงินกอบทอง พงส. (สบ 3) สน.บางยี่ขัน เจ้าของคดี เปิดเผยว่า

ได้เชิญพนักงานแบงก์ ที่ทำงานอยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุมาสอบปากคำ 4 คน เมื่อนำภาพถ่ายนายไพบูลย์มาให้ดูแล้ว ทั้งหมดยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับเย็นวันเดียวกันศาลจังหวัดตลิ่งชัน อนุมัติหมายจับที่ จ 423/2551 ลงวันที่ 3 มี.ค.2551 ให้จับกุมตัวนายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี ข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน 


ต่อมาเวลา 20.30 น. พล.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผกก. กก.สส.บก.น.7 พ.ต.ต.วีระเดช กีรติพสุวัฒน์ สว.กก.สส. บก.น.7 พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน

นำหมายจับเข้าจับกุมตัวนายไพบูลย์ ที่ห้องเลขที่ 320 ชั้น 3 วิภาวัณย์ อพาร์ตเม้นต์ เลขที่ 201 ถนนสิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. พร้อมของกลางเงินสด 6 แสนบาทเศษ ปืน 9 มม. กระสุนเต็มแมกกาซีน สอบสวนเบื้องต้นนายไพบูลย์ให้การรับสารภาพ อ้างว่าที่บุกเข้าไปชิงเงินในธนาคารเพราะเห็นว่าภายในห้างกำลังวุ่นวาย และพนักงานแบงก์กำลังนับเงินอยู่ จึงใช้ปืนปลอมเข้าไปชิงทรัพย์ หลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี รถไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋ง ตนเองได้รับบาดเจ็บ จึงนำรถไปทิ้งในโรงพยาบาลเจ้าพระยาแล้วขึ้นแท็กซี่กลับบ้านย่านถนนตะนาว เขตพระนคร ก่อนออกไปเที่ยวเปิดโรงแรมในย่านซอยทองหล่อนอนค้างคืน บ่ายวันนี้นำเงินที่ชิงมาบางส่วนไปซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ ที่ร้านปรีชาธนยนต์ จำกัด ใกล้ห้างตั้งฮั่วเส็ง ราคา 165,000 บาท จากนั้นมาเปิดห้องที่วิภาวัณย์ อพาร์ตเม้นต์ อยู่ชั่วคราว กระทั่งถูกจับกุมตัวดังกล่าว 


นายไพบูลย์อ้างด้วยว่ามีโรครุมเร้าหลายโรคทั้งเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง คงอยู่ได้ไม่นาน

ขณะเดียวกันยังมีลูกสาววัย 7 ขวบ เป็นห่วงอยู่อีกคน จึงคิดจะชิงเงินมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูก หลังก่อเหตุกลับไปเอาปืนจริงมาจากบ้าน ตั้งใจว่าหากจวนตัวถูกตำรวจตามล่าจะฆ่าตัวตาย แต่กลับถูกรวบตัวเสียก่อน ขอยืนยันว่าทำงานครั้งนี้เพียงลำพังคนเดียว  ไม่มีคนอื่นเกี่ยวข้องแต่อย่างใด


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์