งมหาเจอแล้ว 5ศพอ่างสียัด

จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือล่มบริเวณอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนสียัด ขณะที่นางพยอม นพโสภณ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 19 หมู่ 10 ต.ท่าบุญมี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

พาครอบครัวรวม
11 คน นั่งเรือหางยาวกลับจากทำบุญที่สำนักสงฆ์บ้านเขาตลาด หมู่ 9 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยระหว่างนั่งเรือหางยาวข้ามฟากเรือเกิดล่มทำให้นางพยอมกับญาติๆจมลงไปในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนระดับน้ำลึกกว่า 10 เมตร ระหว่างดำผุดดำโผล่มีเรือหาปลาของชาวบ้านผ่านมาประสบเหตุช่วยเหลือเอาไว้ได้ 6 คน ส่วนที่เหลือรวมทั้งนางพยอมจมหายไปกับกระแสน้ำแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ม.ค. นักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิพนมสารคาม มูลนิธิร่วมกตัญญู และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) กว่า 200 นาย ระดมกันออกค้นหาอีกครั้ง โดยมีนายวรกิตติ ศรีทิพากร นายอำเภอท่าตะเกียบ พ.ต.อ.สนั่น บัวเผื่อน ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ คอยอำนวยความสะดวก การค้นหาเป็นไปอย่างทุลักทุเลเนื่องจากน้ำในอ่างมีระดับลึกกว่า 10 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ย่อท้อ ผลัดเปลี่ยนกำลังกันออกค้นหาตลอดทั้งวัน

จนกระทั่งเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่พบศพผู้สูญหายเป็นรายแรกทราบชื่อ ด.ช.นพรัตน์ เอี่ยมมีทรัพย์ อายุ 7 ขวบ

ศพจมอยู่ก้นอ่าง ห่างจากจุดเรือล่มประมาณ
100 เมตร ในสภาพศพซีดขาว เลือดไหลออกปากจมูก ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่พบในเวลาไล่เลี่ยกัน ประกอบด้วยศพของนางธนาภร นพโสภณ อายุ 22 ปี ศพนายสมควร นพโสภณ อายุ 27 ปี ศพนางพยอม นพโสภณ อายุ 51 ปี เป็นแม่ ของนางธนาภรและนายสมควร ทั้งหมดอยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 10 ต.ท่าบุญมี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และศพสุดท้ายเป็นศพของนายศิริโรจน์ กำเกด อายุ 25 ปี คนขับเรือหางยาว โดยแต่ละศพจมอยู่ก้นอ่าง กระจายห่างจากจุดเกิดเหตุราว 100 เมตร แต่ละศพมีสภาพซีดขาว เลือดไหลออกปากจมูก ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติพี่น้องที่มารอดูการค้นหา เจ้าหน้าที่จึงได้ลำเลียงศพขึ้นจากอ่างนำส่ง รพ.ท่าตะเกียบ เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายวินัย นพโสภณ อายุ
49
ปี สามีนางพยอม เปิดเผยระหว่างมารอรับศพภรรยาและลูกๆว่า มีอาชีพเป็นช่างทำสีรถยนต์

เปิดเป็นอู่เล็กๆไม่มีชื่อหาเลี้ยงครอบครัว วันเกิดเหตุนางพยอม ภรรยา และลูกๆรวมทั้ง ญาติพี่น้องรวม
11 คน ชักชวนกันไปทำบุญเลี้ยงพระที่สำนักสงฆ์เขาตลาด เนื่องจากหลานชายบวชอยู่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 การเดินทางจะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปกลับ เป็นเรือของทางวัดใช้สำหรับพระออกบิณฑบาต ครั้งนี้ตนไม่ได้ไปด้วย กระทั่งมาทราบอีกทีว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น รู้สึกเสียใจเพราะเสียภรรยาและลูกชายหญิงรวม 3 คน ในขณะที่ น.ส.นุสรา นิยม อายุ 22 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุช่วงขาไปทางวัดจัดเรือหางยาวมารับ 2 รอบ เนื่องจากมีข้าวของจำนวนมาก แต่ขากลับ เห็นว่าไม่มีข้าวของจึงนั่งรวมกันมา หลังเรือแล่นออกจากท่าน้ำหน้าวัดไปประมาณ 200 เมตร เรือเกิดรั่ว นายศิริโรจน์ คนขับพยายามนำเรือกลับเข้าฝั่งแต่ไม่สำเร็จ เรือล่มลงในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน คนในเรือจมหายไปทีละคน ตนและพวกอีก 6 คน ต้องลอยคอในน้ำอยู่นานกว่าจะมีชาวบ้านขับเรือผ่านมาพบและช่วยเหลือเอาไว้ได้ทัน

ด้าน พ.ต.อ.สนั่น บัวเผื่อน ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้รอดชีวิตทราบว่าสาเหตุของการเกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้

คาดว่าคงเกิดจากความประมาทรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนายศิริโรจน์ คนขับเรือ ประกอบกับเรือมีสภาพเก่า และรับน้ำหนักไม่ไหว โดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่ของสำนักสงฆ์คอยขับเรือรับส่งผู้ไปทำบุญ แต่ครั้งนี้นายศิริโรจน์ซึ่งมากับคณะของนางพยอมอาสาขับเรือเอง ทำให้เกิดความสูญเสียดังกล่าวขึ้น

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์