ฆ่าเศรษฐีสวนยางที่แท้ฝีมือลูกในใส้

"สลดคนร้าย คือลูกแท้ ๆ"


คดีฆ่าเสี่ยสวนยางเมืองคอน ชิงเงินกว่า 6 ก.ก.หนีลอยนวล แฉที่แท้คนร้ายเป็นลูกชายคนโตคนตายนั่นเอง สมคบกับน้องสาววางแผนสังหารพ่อ ตร.รวบตัวไว้แล้วทั้ง 2 คน เบื้องต้นยังปฏิเสธ แต่ตร.ยืนยันพยานหลักฐานหนักแน่น เผยลูกชายมีปัญหากับพ่อมาตลอด เคยชักปืนจะยิงพ่อเมื่อหลายปีก่อน กระทั่งมาก่อเหตุสลดในที่สุด เพราะไม่พอใจพ่อทวงเงินที่เหลือจากยืมไปซื้อเครื่องรีดยาง

จากกรณีคนร้ายบุกปล้นฆ่านายร่าน จันทร์แจ่มศรี อายุ 87 ปี เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 203 หมู่ 2 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนน.ส.ราตรี จันทร์แจ่มศรี อายุ 43 ปี ลูกสาว ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายนำเอาทรัพย์สินเป็นเงินสดธนบัตรใบละ 1,000 บาท น้ำหนักกว่า 6 กิโลกรัม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท รวมทั้งทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อ 18.30 น. วันที่ 5 ม.ค.เบื้องต้นทราบว่า มีคนร้าย 3 คนปีนขึ้นชั้น 2 จากนั้นได้งัดหน้าต่างบุกเข้ามาภายใน จับน.ส.ราตรีมัดมือมัดเท้าแล้วแก้ผ้าจนเนื้อตัวล่อนจ้อนก่อนจะทำร้ายทุบตีจนน.ส.ราตรีสลบและไม่รู้สึกตัวอีกเลย กระทั่งหลังเที่ยงคืนเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 6 ม.ค. น.ส.ราตรีฟื้นจากสลบเดินออกจากห้องไปพบนายร่านนอนเสียชีวิตอยู่ที่ประตูบ้าน

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. พ.ต.ท.นิติธร ตันเสรีสกุล รองผกก.สส.สภ.อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผลการสอบสวนตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้เรามีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และยืนยันอย่างแน่นหนา จึงสรุปผลการสอบสวนระบุถึงตัวคนร้ายก่อนจะไปขอหมายศาลจังหวัดทุ่งสง และศาลอนุมัติหมายจับกุม ลงวันที่ 16 ม.ค.50 จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่จึงนำหมายศาลจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 คน คือ นายสมหมาย จันทร์แจ่มศรี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 273 ม.2 ต.ปริก และน.ส.ราตรี จันทร์แจ่มศรี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 ม.2 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของนายร่าน ผู้เสียชีวิตนั่นเอง โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่บ้าน และแจ้งข้อหานายสมหมาย ในข้อหาฆ่าบุพการี ส่วนน.ส.ราตรีได้ตั้งข้อหา แจ้งความอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน การสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ ระบุว่าไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ตายของพ่อ แต่ทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานที่แน่นหนาและชัดเจนที่สุด สามารถดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสองได้แน่นอน

"ทะเลาะเงินทอน น้อยใจให้มรดกน้อยกว่าทุบพ่อดับ"


ทั้งนี้ การสอบสวนตั้งแต่คืนเกิดเหตุนั้นตำรวจตั้งข้อสังเกตว่า ระหว่างช่วงเกิดเหตุและช่วงเข้าแจ้งความนั้นทิ้งระยะห่างกันประมาณ 10 ชั่วโมง หลังจากนั้นส่งเจ้าหน้าที่กองวิทยาการมาตรวจลายนิ้วมือแฝงทั่วทั้งบ้าน ไม่พบร่องรอยของการต่อสู้หรือร่องรอยของคนร้ายเลย รู้ได้ทันทีว่าคดีนี้คนร้ายที่ฆ่านายร่านเป็นคนใกล้ชิด หลังก่อเหตุแล้วสร้างสถานการณ์ตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้หลงประเด็น แต่เมื่อสอบสวนสาวลึกลงไปปรากฏว่าคำให้การของ น.ส.ราตรีในช่วงแรกนั้นเป็นการให้การเท็จ ตำรวจจับพิรุธได้และสอบปากคำพยานแวดล้อมเพิ่มเติมจนได้หลักฐานชัดเจน

จากการประมวลเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นนายสมหมาย ลูกชายคนโตของนายร่านมาที่บ้านเพื่อขอยืมเงิน 3 หมื่นบาทไปซื้อเครื่องรีดยางพารา แต่นายร่านให้ยืมแค่ 1 หมื่น นายสมหมายซื้อเครื่องรัดยางเพียงราคา 8 พันบาทเท่านั้น นายร่านจึงทวงเงินทอนที่เหลือ 2 พันบาท ทำให้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ประกอบกับนายสมหมายยังน้อยใจเรื่องที่นายร่านมอบที่ดินสวนยางให้ตัวเองน้อยกว่าน้องๆ ทุกคนเป็นทุนเดิม จึงบันดาลโทสะใช้เหล็กแป๊บทุบตีนายร่านจนกรามหักและเสียชีวิตในที่สุด

การสอบสวนทราบด้วยว่า นายสมหมายกับนายร่านนั้นมักจะมีปัญหากันมาตลอด เมื่อหลายปีก่อนสองพ่อลูกคู่นี้เคยทะเลาะกันรุนแรงเรื่องมรดกที่ดิน และนายสมหมายได้ชักอาวุธปืนจะยิงนายร่าน แต่น้องๆ ห้ามเอาไว้ หลังจากนั้นนายร่านไปแจ้งความและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นจับกุมดำเนินคดีนายสมหมายก่อนตำรวจจะมาตรวจค้นจับกุมอาวุธปืนนายสมหมาย และถูกดำเนินคดีอาวุธปืนติดคุกประมาณ 1 ปี 6 เดือน หลังจากออกจากคุก สองพ่อลูกคู่นี้ก็มีปัญหากันเรื่อยมา และในคืนเกิดเหตุพบว่านายสมหมายมีปากเสียงกับนายร่านอีกครั้ง ก่อนจะมีการก่อเหตุฆ่าพ่อดังกล่าว ส่วนน.ส.ราตรีเป็นลูกคนที่ 4 ซึ่งก็รู้เห็นและอาจจะกลัวนายสมหมายข่มขู่จึงสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา เพื่อปกปิดเจ้าหน้าที่ว่าเป็นการปล้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไว้ในห้องขังสภ.อ.ทุ่งใหญ่ เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินคดีต่อไปแล้ว

"เงินหายไป คาดกว่า 3 ล้านบาท"


ส่วนเงินสดที่เป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท ที่ผู้เสียหายระบุว่าสูญหายไปกว่า 6 ก.ก.นั้น ตอนนี้ยังไม่มีการระบุจำนวน แต่เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท และยังไม่พบเงินส่วนนั้น อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่าเงินที่สูญหายไปนั้นนายร่านอาจจะนำไปฝังดินไว้ที่ใดที่หนึ่ง เพราะไม่อยากเก็บไว้ที่บ้าน เนื่องจากระยะหลังบรรดาลูกๆ มักจะมีปัญหาไม่ลงรอยกันในเรื่องเงิน นายร่านจึงนำเงินทั้งหมดไปฝังเก็บไว้เพื่อซ่อนลูกๆ แต่มาตายเสียก่อน โดยไม่มีใครทราบว่าเงินทั้งหมดของนายร่านฝังไว้ที่ใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายร่านเป็นเศรษฐีสวนยางพารารายใหญ่ในพื้นที่อ.ทุ่งใหญ่ หลังจากแบ่งมรดกให้ลูกๆ ทั้ง 5 คนแล้วยังเหลือสวนยางไว้ทำมาหากินอีกประมาณเกือบ 200 ไร่ มีคนงาน 7-8 คน มารับจ้างกรีดยางให้ ซึ่งแต่ละเช้าจะได้ยางแผ่นไม่ต่ำกว่า 100 แผ่น ส่วนเงินที่ขายยางได้ในแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท แต่นายร่านไม่ยอมนำเงินไปฝากธนาคาร เนื่องจากเคยถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกเอาเงินไปถึง 7-9 แสนบาท เมื่อปี 2543 ที่ผ่านมา

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์