ฆ่าเผาผัวยุ่น-เมียไทยร่วมมือกิ๊กหนุ่ม

ฆ่าโหดชายชาวญี่ปุ่นวัย 75 เอาศพใส่รถเก๋งซีวิค ขับไปราดน้ำมัน จุดไฟเผาทิ้งทั้งรถทั้งคน ไหม้วอดจนเหลือแต่โครงกระดูก

สอบเมียคนไทยวัย 50 เจ้าของคาร์แคร์เมืองภูเก็ต ตอนแรกยอมรับแค่ทะเลาะกันเรื่องผัวยุ่นมาขอมีเมียน้อย แถมยังมาพาบ้าน ก่อนขับรถหายออกไป แต่พอถูกเค้นหนักเข้า เลยยอมเปิดปากรับสารภาพว่าคนร้ายคือ "กิ๊ก" หนุ่มของตนเอง อายุ 21 ปี เป็นคนลงมือใช้เหล็กตีเหยื่อจนตาย แล้วช่วยกันอุ้มศพขึ้นรถไปเผาพร้อมกันเพื่ออำพรางคดี

เมียคนไทยร่วมมือกิ๊กหนุ่มฆ่าเผาสามีชาวญี่ปุ่นครั้งนี้ เมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 25 พ.ย. ร.ต.ท.เชียรชัย ดวงสุวรรณ์ ร้อยเวร สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต

รับแจ้งเหตุรถเก๋งถูกเพลิงไหม้วอดทั้งคันและมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดที่ซอยกลุ่มยาง หมู่ 7 ต.ฉลอง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ. โกมล วัชตรากรณ์ รองผบก.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป. และพ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส. นำกำลังรุดไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบเพลิงกำลังโหมไหม้รถเก๋ง เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสกัดและเข้าตรวจสอบเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สภาพโหลดเตี้ย ถูกไฟเผาวอดทั้งคันจนไม่ทราบสีและทะเบียน ตรวจสอบภายในรถพบศพเหลือแต่โครงกระดูก ไม่สามารถระบุเพศ อายุ หรือสัญชาติได้ ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร พบเสื้อยืดเปื้อนเลือดคาดว่าเป็นของคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังเก็บโครงกระดูกที่เหลือจากการเผาไหม้บางส่วนมาตรวจสอบ พบฟันกราม 3 ซี่หลุดติดกัน คาดว่าผู้ตายน่าจะเคยอุดฟันมาก่อน

จากการสอบสวนนายชัยวิชิต มะพันธ์ อายุ 32 ปี พนักงานโรงแรมกะหลิมป่าตองเรสซิเด้นท์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ให้การว่า

ขณะนอนหลับอยู่ในแคมป์คนงานห่างจากที่เกิดเหตุ 10 เมตร ได้ยินเสียงรถยนต์ขับวิ่งผ่านหน้าบ้าน จึงเกิดความสงสัยเนื่องจากเป็นเส้นทางตัน คิดว่าคนขับน่าจะขับรถหลงทางเข้ามา จากนั้นเห็นรถถอยหลังผ่านหน้าบ้านอีกครั้ง ระหว่างนั้นได้ยินคนที่นั่งอยู่ในรถพูดว่าเป็นภาษาภาคกลาง ว่า "ทางตัน ไปไม่ได้" และพยายามถอยหลังออกจากซอยแต่รถเกิดติดหล่ม

นายชัยวิชิต ให้การต่อว่า ตนจึงออกมาจากบ้านมาช่วยเหลือจำได้ว่าเป็นรถฮอนด้า ซีวิค จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้

แต่ขณะนั้นเกิดปวด ปัสสาวะจึงไปหลังบ้าน ผ่านไปสักครู่กลับมาเห็นไฟลุกไหม้จากภายในตัวรถก่อนลุกลามไปทั้งคัน ระหว่างนั้นพยายามแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบก่อนนำรถดับเพลิงมาดับ แต่ไม่ทันการณ์ รถถูกเพลิงไหม้วอด หลังเพลิงสงบยังมีกลิ่นเหม็นน้ำมันเบนซิน เมื่อตรวจสอบภายในรถเห็นศพถูกไหม้เหลือแค่กระดูก พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก. สภ.ฉลอง กล่าวว่า สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และรู้จักกับผู้ตายดี โดยน่าจะนัดกันมาตกลงอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถตกลงกันได้จึงลงมือฆ่า จากพื้นที่อื่นแล้วหาที่เปลี่ยวเพื่อทิ้งศพอำพรางคดี แต่เนื่องจากคนร้ายเป็นคนนอกพื้นที่ไม่ชำนาญเส้นทาง พยายามขับรถออกจากจุดเกิดเหตุแต่รถเกิดติดหล่ม จึงตัดสินใจราดน้ำมันเบนซินที่เตรียมมาก่อนจุดไฟเผาแล้ววิ่งหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกระทั่งทราบว่ารถคันดังกล่าวทะเบียน กจ 333 ภูเก็ต เจ้าของรถคือ น.ส.ทับทิม แซ่หัก อายุ 50 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 63/376 ซอย 5/6 ถ.วิรัชหงส์หยก หมู่ 4 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นเจ้าของคาร์แคร์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ดังกล่าวพบเป็นที่ตั้งบริษัท วาย เอ็ม ดี ภูเก็ต จำกัด เป็นบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พบคราบเลือดที่ฝาผนัง และประตูตู้เย็น จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการเขต 44 ภูเก็ต เข้าตรวจสอบ พร้อมเชิญตัวน.ส.ทับทิมมาสอบปากคำ

น.ส.ทับทิม ให้การว่าอยู่กินกับนายยูกิโอะ ยามาดะ อายุ 75 ปี ชาวญี่ปุ่น มีอาชีพเปิดร้านขายเครื่องดนตรีที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โดยนายยูกิโอะจะมาอยู่ประเทศไทย 3 เดือน และกลับไปอยู่ญี่ปุ่น 3 เดือนสลับกันไปมา โดยตนเองแต่งงานกับนายยูกิโอะ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2551 แต่หลังจากอยู่กินกันมาได้ 4-5 เดือน ก็มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง กระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นายยูกิโอะมาขอมีแฟนเพิ่มอีกคนและยังพามาที่บ้าน ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา สามีนำรถไปใช้จากนั้นก็หายไปทั้งคืน กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้สอบปากคำนายคะชึชิ มิยาชิตะ นายกสมาคมชาวญี่ปุ่น จ.ภูเก็ต โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ได้นัดกับนายยูกิโอะ เพื่อจะไปเล่นกอล์ฟ

แต่เมื่อถึงเวลานัดนายยูกิโอะไม่มา โทรศัพท์ไปหาก็ไม่มีคนรับ ส่วนผลการสอบปากคำน.ส.ทับทิมนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ อีกทั้งยังไม่ยืนยันว่าศพในรถเก๋งเป็นนายยูกิโอะ เนื่องจากศพถูกไฟเผาแทบไม่เหลือซาก จึงต้องรอตรวจสอบดีเอ็นเอจากญาติชาวญี่ปุ่นที่ได้ติดต่อไปแล้วว่าตรงกับศพที่ถูกฆ่าเผาหรือไม่

ต่อมาเวลา 19.00 น. ที่สภ.ฉลอง พล.ต.ต. พิทักษ์ จารุสมบัติ รักษาราชการแทน ผบช.ภาค 8

พร้อมด้วยพล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รองผบช.ภาค 8 และพ.ต.อ.ชินรัตน์ นำตัว น.ส. ทับทิม มาแถลงระบุว่าหลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวน.ส.ทับทิม มาสอบสวนเพิ่มเติม น.ส.ทับทิม ให้การรับสารภาพว่านายสุวิทย์ หรือไก่ แม้นศรี อายุ 21 ปี เป็นคนใช้เหล็กตีนายยูกิโอะ สามีจนเสียชีวิต จากนั้นนำศพขึ้นรถไปเผาอำพราง ทางเจ้าหน้าที่จึงเตรียมออกหมายจับนายสุวิทย์ มาดำเนินคดีต่อไป ส่วนน.ส.ทับทิม ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นเอาไว้ก่อน พร้อมทั้งควบคุมตัวไว้สอบสวนเพิ่มเติม

รายงานในทางสืบสวนแจ้งว่า ก่อนที่นาย ยูกิโอะจะถูกฆ่าเผานั้น มีปากเสียงกับนายสุวิทย์ ที่คาร์แคร์ของผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว

โดยในระยะหลังผู้ตายไปมีสัมพันธ์กับหญิงไทยอีกคนถึงขนาดพาเข้าบ้าน อาจเป็นมูลเหตุที่ทำให้น.ส. ทับทิมไม่พอใจ ขณะเดียวกันน.ส.ทับทิม เองก็มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายสุวิทย์ ด้วยเช่นกัน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์