ฆ่ายัดถังน้ำมัน หนุ่มชาวสวน

"พบศพชายยัดอยู่ในถัง"


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ร.ต.อ.พูลศักดิ์ เสาโมก พงส. (สบ 1) สน.หนองแขม รับแจ้งพบศพยัดถังน้ำมันลอยอยู่ใน คลองตาปลั่ง ริมถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ หมู่ 6 แขวงและเขตหนองแขม ฝั่งธนฯ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ประสิทธิ์ อินทรประสิทธิ์ สว.สส.สน.หนองแขม พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.9 พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช

คลองดังกล่าว กว้างประมาณ 2 เมตรครึ่ง เชื่อมต่อกับคลองภาษีเจริญ ลัดเลาะผ่านร่องสวนของชาวบ้าน พบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร สภาพเก่าขึ้นสนิมเขรอะลอยอยู่ในคลอง ด้านปากถังจมน้ำ เมื่อลากขึ้นมาพบตาข่ายสีเขียวมัดคลุมปากถังไว้อย่างแน่นหนา ส่วนข้างในพบศพชายนอนคุดคู้ศีรษะยัดอยู่ก้นถัง ขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทราบชื่อภายหลังนายกระแส ทองสุข อายุ 40 ปี เป็นชาวสวนปลูกต้นจำปีขายอยู่ย่านบางบอน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ 11 แขวงและเขตบางบอน สวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวลายพราง สีเขียว มีบาดแผลถูกตีที่ขมับซ้ายและขวาอย่างแรงจนกะโหลกยุบ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ส่วนภายในถังที่ยัดศพ มีก้อนหินขนาดใหญ่ใช้สำหรับกั้นเขื่อน 2 ก้อน น้ำหนักรวมประมาณ 40-50 กิโลฯ ถ่วงอยู่ก้นถัง ภายหลังชันสูตรเบื้องตื้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ ที่ รพ.ศิริราช

ระแวงภรรยานอกใจ!!!!


นายมนัส สมพงศ์ อายุ 56 ปี พ่อค้าขายของเก่า ให้การว่า เมื่อ 2 วันที่แล้ว พบถังใบดังกล่าวลอยตุ๊บป่องอยู่บริเวณปากคลองภาษีเจริญซึ่งเชื่อมกับคลองตาปลั่งห่างจากจุดที่พบประมาณ 1 กม. แต่ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมีวัยรุ่นเห็นถังลอยมาอยากจะลากถังไปขาย แต่พบศพยัดอยู่ข้างในจึงแจ้งตำรวจ

ต่อมาได้มีนายชัยรัตน์ ด้วงชาวนา อายุ 40 ปี ญาติของผู้ตายไปดูศพ ให้การว่า นายกระแสผู้ตาย พักอยู่ย่านบางบอนซอย 4 เช่าที่ปลูกต้นจำปีเก็บดอกส่งขายปากคลองตลาด เมื่อประมาณ 2 ทุ่มวันที่ 24 มิ.ย. ผู้ตายออกจากบ้านไปเก็บดอกจำปีเพื่อส่งปากคลองตลาดในตอนเช้ามืด แล้วหายตัวไป จนกระทั่งมาพบกลายเป็นศพถูกฆ่ายัดถัง ส่วนสาเหตุเท่าที่ทราบ เมื่อเร็วๆนี้ ผู้ตายเคยมีปัญหาชกต่อยกับนายแจ๊ะ เพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงกัน เกี่ยวกับเรื่องหึงหวง โดยผู้ตายระแวงว่าภรรยาไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนายแจ๊ะ นอกจากนี้ ตาข่ายที่มัดปากถังน้ำมัน ก็คล้ายกับตาข่ายที่นายแจ๊ะใช้เป็นตาข่ายประตูโกลฟุตบอลแถวๆบ้านด้วย

ภายหลังทราบเบาะแส เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวนายแจ๊ะไปสอบสวน ทราบชื่อจริงนายสุบิน ทองอุไร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 11 ซอยโพธิ์เย็น ถนนบางบอน 4 แขวงและเขตบางบอน แต่เบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตาย อ้างว่าเคยรู้จักชอบพอกับภรรยาของผู้ตายจริง สมัยเป็นวัยรุ่นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ส่วนที่เห็นชกต่อยกับผู้ตาย เป็นแค่การกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันธรรมดาและเคลียร์กันไปแล้ว

เหล็กแป๊บฟาด !! กกหูจนฟุบ


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายแจ๊ะ เนื่องจากไปพบเรือหางยาวของนายแจ๊ะจอดอยู่ใต้สะพานข้ามคลองภาษีเจริญ ชาวบ้านระบุว่านายแจ๊ะไปจอดทิ้งไว้แล้วยกเครื่องยนต์เรือให้คนรู้จักแบบมีพิรุธ เพราะกราบเรือทั้ง 2 ข้างมีรอยแตกใหม่ๆ หนำซ้ำยังมีร่องรอยครูดถลอกมีเศษสนิมของถังน้ำมันติดอยู่ด้วย เมื่อสอบเค้นหนักเข้า ในที่สุดนายแจ๊ะจึงยอมรับสารภาพว่าลงมือสังหารนายกระแสจริง สาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัว เนื่องจากเคยเป็นคนรักเก่าของภรรยาผู้ตาย และแอบได้เสียกันอย่างลับๆเรื่อยมา กระทั่งเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ภรรยาของผู้ตายไปหาที่บ้านแล้วเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ทางฝ่ายหญิงโมโหนำเรื่องไปเล่าให้ผู้ตายฟัง ผู้ตายจึงไปท้าชกแล้วเกิดลงไม้ลงมือ และผิดใจกันตั้งแต่นั้นมา

ฆาตกรฆ่ายัดถังให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุ เดินไปซื้อของเจอกับผู้ตายกำลังออกไปเก็บดอกไม้ในสวนพอดี จึงเกิดการเขม่นและชกต่อยกัน ตนคว้าเหล็กแป๊บฟาดไปที่กกหูของผู้ตายจนฟุบแน่นิ่ง จากนั้นได้ลากร่างไปยัดถังน้ำมันหลังบ้าน ใส่หินถ่วงแล้วมัดปากถัง นำลงเรือไปโยนทิ้งในคลองภาษีเจริญบริเวณหลังวัดหลักสาม แต่ระหว่างทางเครื่องยนต์เกิดเสียและเรือแตก ต้องพายไปจอดทิ้งไว้ใต้สะพาน จากนั้นถอดเครื่องยนต์ไปให้คนรู้จักเพื่ออำพรางคดี เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พร้อมกับนำตัวไปชี้จุดที่เกิดเหตุท่ามกลางชาวบ้านไปมุงดูแน่นขนัด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์