คุก20ปีซี7กระทู้ รับสินบนที่ดิน

เงิน7ล้านเข้าบัญชี"เมียน้อย"


ศาลสั่งจำคุก 20 ปีที่ดินซี 7 อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทำผิดกฎหมายฟอกเงิน ฐานเรียกรับสินบนจากประชาชนที่มาขอออกโฉนด ก่อนใช้เงินกว่า 7 ล้านบาทแปลงเป็นที่ดินในภูเก็ตและห้องชุดกลางกรุง ขณะที่เมียยังไม่รู้ว่าผัวซื้อที่ดินไว้ ส่วนลูกน้องสาวคนสนิทติดคุก 7 ปีด้วย ศาลชี้เงินเดือนแค่ 5 พัน แต่มีทรัพย์สินอื้อ อ้างเล่นการพนัน ขายที่ดิน และปล่อยเงินกู้

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายบุญชู หลิมรักษาสิน อายุ 51 ปี อดีตเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน 7 สำนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ จ.ภูเก็ต และนางมีนา กาลรา อายุ 34 ปี อดีตลูกจ้างชั่วคราว สำนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ จำเลยที่ 1-2 ในความผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

"ฟอกเงิน นำเงินซื้อที่ดิน อสังหาริมทรัพย์"


คำพิพากษาใจความว่า โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ 21 ธ.ค.2544 ถึง 8 มิ.ย.2546 จำเลยทั้งสองร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้มาขอเอกสารสิทธิที่ดิน จำนวน 10 ครั้ง เป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน โดยเปลี่ยนสภาพเงินที่ได้รับจากการกระทำความผิดไปซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โดยจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ที่ท่าเรืออันดามัน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ส่วนจำเลยที่ 2 เข้ามอบตัวในเวลาต่อมา

ในทางนำสืบของโจทก์โดยพ.ต.ต.อุเทน นุ้ยพิน พนักงานสอบสวน กองปราบปราม ชุดจับกุมเบิกความว่า จำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว เมื่อปี 2545 จำเลยที่ 1 เรียกรับเงินจำนวน 3 ล้านบาท จากนายปราโมทย์ อยู่เย็น เพื่อออกหนังสือในการรับรองการทำประโยชน์ หรือน.ส.3 ก. ในปีเดียวกัน จำเลยที่ 1 ได้รับการติดต่อจากนายสุนทร ฉลองกุล นายหน้าค้าที่ดินของนางดวงใจ หลักบ้าน เพื่อให้ช่วยเหลือในการออกเอกสารสิทธิที่ดินในการทำประโยชน์ หรือน.ส.3 ก. โดยจำเลยที่ 1 ไปพบกับนางดวงใจ เพื่อยืนยันว่าสามารถช่วยเหลือให้ออกเอกสารสิทธิในโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ โดยนางดวงใจเสียค่าดำเนินการไป 3,400,000 บาท ต่อมาในเดือนม.ค.2546 เมื่อสำนักงานที่ดินออกเอกสารสิทธิให้ได้สำเร็จ นายสุนทรได้นำเงินใส่กล่องของขวัญไปมอบให้แก่จำเลยที่ 1 อีกจำนวน 2,000,000 บาท

"ให้การปฏิเสธ ไม่มีความสัมพันธ์ทางชู้สาว และไม่เคยฝากเงินเข้าบัญชีจำเลยที่2"


พยานโจทก์ปากนี้เบิกความด้วยว่า หลังจากจำเลยที่ 1 นำเงินฝากเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนเจ้าฟ้า จำนวน 10,948,000 บาท และเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาป่าตอง จำนวน 7,067,966 บาท นอกจากนี้ยังนำเงินสดไปซื้อและรับจำนองที่ดินภายในจ.ภูเก็ต อีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 7,445,000 บาท และนำเงินไปซื้อห้องชุดที่พญาไทพลาซ่า แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ราคา 2,136,000 บาทอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการปกปิด ซุกซ่อนเงินที่ได้จากการกระทำทุจริต

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธอ้างว่า ไม่เคยเรียกรับเงินตามที่ถูกฟ้องและไม่มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับจำเลยที่ 2 และไม่เคยฝากเงินเข้าบัญชีจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด ด้านจำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าทรัพย์สินที่มีนั้นได้มาจากการเล่นการพนันที่ประเทศพม่า ค้าขายที่ดินและปล่อยเงินกู้ ทำให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวและไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1

"ศาลเชื่อกระทำผิดร่วมกัน"


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 ให้การต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่า ผู้ที่มาติดต่อขอเอกสารสิทธิจะให้เงินรายละ 30,000-40,000 บาท หากที่ดินมีจำนวนมากจะได้รับเงินมากถึง 300,000-400,000 บาท ถือว่าเป็นการสารภาพในการรับเงินที่มาจากการออกเอกสารสิทธิ นอกจากนี้นางจินดา หลิมรักษาสิน ภรรยาของจำเลยที่ 1 ยังไม่ทราบถึงราคาของที่ดินที่จำเลยที่ 1 ซื้อไว้ ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เชื่อว่าจำเลยที่ 1 นำเงินที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปซื้อที่ดินเพื่อปกปิดซุกซ่อนที่มาของทรัพย์สิน จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลเห็นว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เนื่องจากจำเลยที่ 2 เป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราว มีรายได้เพียงเดือนละ 5,000 บาท แต่มีทรัพย์สินและเงินสดจำนวนมาก ซึ่งเกินกว่าความสามารถ เชื่อว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมาตรา 3 (5), 5, 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 โดยจำเลยที่ 1 ต้องได้รับโทษเป็นสองเท่าตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 40 วรรค 1 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 2 ปี 10 กระทง รวมจำคุก 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุกกระทงละ 1 ปี 7 กระทง รวมจำคุก 7 ปี


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์