ควาญช้างเลือดร้อน ! ใช้ตะขอทำร้ายนักท่องเที่ยว เพราะสาเหตุนี้

ควาญช้างเลือดร้อน ! ใช้ตะขอทำร้ายนักท่องเที่ยว เพราะสาเหตุนี้

กลุ่มคนเลี้ยงช้างทำร้าย 2 นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียบาดเจ็บ ไม่พอใจที่ไม่ซื้ออ้อยเลี้ยงช้าง ตำรวจติดตามจับกุมได้ 3 คนพร้อมช้างพลายวัย 4 ปี

เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. เกิดเหตุคนเลี้ยงช้างทำร้ายร่างกาย2นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่บริเวณสี่แยกราโด้ ถนนนิพัทธิ์อุทิศ3 เป็นย่านท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับบาดเจ็บ คือ นายชูอวนชวน อายุ 44 ปี ถูกตีด้วยตะขอบังคับช้างเข้าที่ศีรษะเย็บ 7 เข็ม และนายโฮ เซ แท๊ก อายุ 50 ปี มีแผลถลอกที่บริเวณขา ตำรวจท่องเที่ยวหาดใหญ่นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ และแพทย์ต้องให้นอนดูอาการ 1 คืน ส่วนกลุ่มคนเลี้ยงช้างรวมทั้งควานช้างหลังก่อเหตุได้แยกย้ายกันหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามและอส.อำเภอหาดใหญ่ ติดตามจนจับกุมได้ 3 คน ขณะกำลังพาช้างเดินอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ประกอบด้วย นายทองสุข อุดมทรัพย์ อายุ 47 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นควาญช้างพร้อมลูกน้องซึ่งเป็นเยาวชนอีก 2 คน รวมทั้งพลายโพธิ์เงิน อายุ 4 ปี แต่ทั้ง 3 คนปฏิเสธบอกว่าผู้ที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวเป็นเด็กเลี้ยงช้างอีก 1 คน ซึ่งได้แยกหลบหนีไปอีกทาง ส่วนสาเหตุที่เนื่องจากไม่พอใจที่ทั้งสองคนไม่ยอมซื้ออ้อยเลี้ยงช้างหลังจากมาเล่นและถ่ายรูปกับช้าง ทำให้เด็กเลี้ยงช้างซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในอาการมึนเมาใช้ตะขอควบคุมช้างตีและเตะต่อยนักท่องเที่ยวทั้งสองคน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาควาญช้างและลูกน้องทั้งสองคนฐานจูงขี่หรือไล่ต้อนสัตว์หรือสัตว์เลี้ยงบนทางจราจรหรือไหล่ทางโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ ส่วนคนเลี้ยงช้างอีกคนเจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุม

หลังเกิดเหตุ นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายอำเภอหาดใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอหาดใหญ่ได้เดินทางมารับพลายโพธิ์เงินนำไปดูแลชั่วคราว เตรียมส่งกลับภูมิลำเนา และในวันพรุ่งนี้ตำรวจท่องเที่ยวจะนำชาวมาเลเซียทั้ง2คนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ สำหรับกลุ่มคนเลี้ยงช้างกลุ่มนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายชาวบ้านจนสลบมาแล้วครั้งหนึ่งที่บริเวณหน้ามูลนิธิอานาถาหาดใหญ่ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 เนื่องจากไม่พอใจที่ขับรถชนช้าง แต่ได้พากันหลบหนีไปได้กระทั่งมาก่อเหตุซ้ำอีก.

ขอบคุณข่าวสำนักข่าวไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์