คลั่งรักดวลปืนพ่อสาว-ยิงดับ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 ก.ค. พ.ต.ท..สมพร ธิมาชัย พงส. (สบ 2) สภ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งเหตุยิงกัน

ที่หน้าบ้านเลขที่ 147 หมู่ 4 บ้านสำราญ ต.อาจสามารถ จึงนำกำลังไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดา แสงเดือน ผกก.สภ.อาจสามารถ พบเพียงปืนแก๊ปและกองเลือดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ส่วนผู้บาดเจ็บพลเมืองดีนำตัวส่งร.พ.อาจสามารถก่อนหน้านั้นแล้ว ทราบชื่อคือ นายสนอง พันธุ์ทองคำ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่กลางหลัง 1 นัด เหนือราวนมซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายพณิช ศรีกุลวงศ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/7 ถ.ราชการดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ถูกยิงด้วยปืนแก๊ปเข้าที่หน้าอก 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ ทะเบียน กงย 865 มุกดาหาร หลบหนีไป จึงแจ้งวิทยุสกัดทุกเส้นทาง

สอบสวนทราบว่า นายพณิช ผู้ก่อเหตุ หลงรักน.ส.สไบแพร หรืออ้อม พันธุ์ทองคำ อายุ 28 ปี บุตรสาวนายสนอง ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพ 5

ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ตึกศัลยกรรมกระดูก ร.พ.ร้อยเอ็ด และพยายามตามตื๊อน.ส.สไบแพรอย่างหนักทุกวิถีทาง แต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา นายพณิชเคยบุกไปที่ร.พ.ใช้มีดจี้คอน.ส.สไบแพร เพื่อบังคับให้ฝ่ายหญิงกินยาฆ่าแมลง หลังจากที่ตนกินไปแล้วก่อนหน้านั้น เพื่อหวังฆ่าตัวตายด้วยกัน ท่ามกลางความหวาดผวาของคนไข้ ญาติคนไข้ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนับร้อยคน แต่ตำรวจสามารถบุกเข้าชาร์จควบคุมตัวไว้ได้

จากนั้นด้วยความหวดกลัว น.ส.สไบแพรจึงขอย้ายตัวเองไปอยู่ที่สถานีอนามัยบ้านแคนโหรา ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เพื่อหนีปัญหา

แต่นายพณิชไม่ยอมลดละความพยายาม ยังคงตามตื๊อถึงบ้านและที่ทำงาน จนบิดามารดาฝ่ายหญิงไม่พอใจ และห้ามไม่ให้มาที่บ้านอีก ในวันเดียวกันนี้ ก่อนเกิดเหตุนายพณิชขี่รถจักรยานยนต์ไปหาน.ส.สไบแพรที่บ้าน เมื่อนายสนองเห็นเช่นนั้นจึงออกมายืนขวางหน้าบ้าน นายพณิชจึงชักปืนที่เตรียมมายิงขึ้นฟ้า 1 นัด แล้วกล่าวท้าทายว่าจะเอายังไง ทำให้นายสนองโมโหสุดขีด จึงวิ่งขึ้นไปหยิบเอาปืนแก๊ปบนบ้านลงมายิงใส่นายพณิช ขณะที่นายพณิชก็ยิงสวนไปด้วยปืนพกถูกนายสนอง 2 นัดล้มคว่ำ ก่อนที่นายพณิชจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนนายสนองเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปผ่าชันสูตรที่ร.พ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น และส่งกำลังออกติดตามนายพณิช โดยมุ่งไปที่สถานพยาบาลต่างๆ เพราะคาดว่าจะไปรักษาตัว แต่ยังไม่พบแต่อย่างใด