ครูขืนใจดญ.13 ในห้องน้ำวัด

จำคุก9ปี-ครูดีเด่น อนาจารศิษย์ดญ.11



แม่พาลูกสาวป.6 วัย 13 เข้าร้องเรียน"กษมา วรวรรณฯ"ถูกครูสอนศิลปะพาไปข่มขืนในห้องน้ำภายในวัดขณะพาไปเรียนศิลปะนอกสถานที่

เผยช่วงเกิดเหตุมีบรรดาเด็กๆ แอบดูหน้าห้องน้ำด้วย

ร้องเรียนผอ.เจ้าตัวขอเจรจาจ่ายค่าเสียหาย 1 แสนสุดท้ายไม่ยอมให้สักบาท ด้านเลขาฯ กพฐ.สั่งตั้งกรรมการสอบ-สั่งพักราชการทันที อีกคดีศาลนครศรีธรรมราชพิพากษาจำคุก 9 ปี ครูดีเด่นแห่งชาติปี 2548 คดีอนาจารลูกศิษย์หญิงวัย 11 ขวบ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 พ.ค. ที่กระทรวงศึกษา ธิการ (ศธ.)

นางลีนา จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่า จัง ได้นำมารดา อายุ 33 ปี พร้อมด้วย ด.ญ.เอ (นามสมมติ) บุตรสาว อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เข้าร้องเรียนคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)

กรณีอาจารย์สอนวิชาศิลปะ ข่มขืนกระทำชำเรา

ในห้องน้ำภายในวัด ขณะที่ออกไปเรียนศิลปะนอกสถานที่ โดยมีนักเรียนคนอื่นๆ ในห้องมายืนมุงดูอยู่หน้าห้องน้ำด้วย

มารดาของเหยื่อกล่าวว่า เมื่อประมาณวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา

ด.ญ.เอ ได้แจ้งว่า ถูกครูสอนศิลปะข่มขืนในห้องน้ำภายในวัดพร้อมทั้งข่มขู่ว่าไม่ให้ไปแจ้งความหรือไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย ระหว่างนั้นมีเพื่อนนักเรียนในห้องมามุงดูอยู่หน้าห้องน้ำด้วย อย่างไรก็ตาม



ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยมาเล่าให้ฟังว่า

อาจารย์คนดังกล่าวมีพฤติกรรมชอบเข้ามากอดจูบลูกสาวและเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนเคยร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว แต่ไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

มารดาของด.ญ.วัย 13 กล่าวอีกว่า

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้อำนวยการโรงเรียน และทางผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เรียนตนไปไกล่เกลี่ยให้ยอมความ โดยรับปากว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้จำนวน 1 แสนบาท แต่ต่อมาก็ขอต่อรองเป็น 4 หมื่นบาท และขอลดลงอีกเหลือ 1 หมื่นบาท

แต่ครูที่ก่อเหตุก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด

โดยอ้างว่ายังไม่มีเงิน ดังนั้น เมื่อตกลงกันไม่ได้ตนจึงได้นำบุตรสาวเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นอกจากนั้น ตนได้เคยไปร้องเรียนผู้อำนวยการเพื่อให้ดำเนินการทางวินัยกับอาจารย์คนดังกล่าวด้วย แต่จนถึงขณะนี้ก็ทราบเพียงว่าอยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวน

แต่ผ่านไปกว่า 3 เดือนแล้ว ผลการสอบก็ยังไม่คืบหน้า

จึงอยากเรียกร้องให้เลขาธิการ กพฐ. สั่งการไปยังโรงเรียน ให้ไล่อาจารย์ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ออกจากโรงเรียน เพราะไม่อยากให้ไปก่อเหตุกับนักเรียนหญิงคนอื่นอีก

ขณะที่ด.ญ.เอ กล่าวว่า ครูที่ก่อเหตุย้ายมาสอนที่โรงเรียน

ได้ประมาณ 3 ปีแล้ว มีพฤติกรรมชอบกอด และหอมนักเรียนหญิงบ่อยครั้ง ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุตนก็ไม่กล้าไปโรงเรียน ในช่วงสอบปลายภาคครูจึงได้นำข้อสอบมาให้สอบที่บ้านแทน



ด้านคุณหญิงกษมา กล่าวว่า

ทราบว่าขณะนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงครูคนดังกล่าวแล้ว และพบว่ามีมูล จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งพักราชการแล้ว

และหากพบว่ากระทำผิดจริงต้องถูกลงโทษ

ถึงขั้นไล่ออกจากราชการทันที เพราะเพียงแค่ครูเดินตามเด็กเข้าไปในห้องน้ำ ก็เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว นอกจากนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนมีส่วนในการปกป้อง ไม่ให้ความเป็นธรรม หรือเข้าไปไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองให้ยอมความ ไม่แจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์คนดังกล่าว ก็จะถือว่ามีความผิดวินัยเช่นเดียวกัน

อีกคดี เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน

ที่ห้องพิจารณาที่ 6 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายอัมพร สุริยะ อาจารย์ระดับ 7 ผู้สอนศิลปะการแสดงท้องถิ่น

โรงเรียนประถมศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช

เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์และกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ คดีนี้ผู้ปกครองของ ด.ญ.น้อย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม

คำฟ้องระบุว่า เหตุในคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2548

โดยนายอัมพร สุริยะ เจ้าของรางวัล "ครูดีเด่นแห่งชาติ" ในสาขา "ครูดีในดวงใจ ประจำปี 2548" ได้ล่อลวง ด.ญ.น้อย ซึ่งขณะนั้นอายุ 11 ขวบ ศึกษาอยู่ชั้นป.5 ไปยังบ้านพักของตัวเองและลงมือกระทำอนาจาร



ต่อมาผู้ปกครองเด็กทราบเรื่อง

เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัมพร ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง เสนอพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการมีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหา พร้อมยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อต้นปี 2549

ศาลได้สืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจนเสร็จสิ้น

และนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกันนี้ โดยศาลพิพากษานายอัมพร กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุก รวม 9 ปี หลังศาลตัดสินคดี บรรดาญาติและทนายความของจำเลยนำหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป

ด้านบิดาของเด็กผู้เสียหาย กล่าวว่า

ศาลได้ให้ความยุติธรรมกับบุตรสาวและครอบครัวของตนแล้ว หลังจากเกิดเหตุและแจ้งความแล้วนั้นบุตรสาวที่ยังต้องเรียนอยู่ในชั้นป.6 โรงเรียนแห่งนั้นต้องถูกกดดันอย่างหนักทั้งจากครูเองและจากเพื่อนๆ

ที่ถูกครูกล่าวให้ร้ายบุตรสาว พากันเกลียดชัง

แต่บุตรสาวของตนได้ต่อสู้มาตลอด 1 ปีจนจบป.6 ขณะนี้ไปเรียนอยู่ในชั้นม.2 อยู่ที่โรงเรียนอื่นแล้ว ซึ่งที่ผ่านมานั้นตนก็ถูกครูในโรงเรียนกดดันกล่าวร้ายมาตลอดทั้ง 3 ปีจนถึงคำพิพากษา เพราะตนไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมสูงเช่นจำเลยที่มีรางวัลครูดีเด่นการันตี

วันนี้เป็นวันที่ดีใจที่สุด และเมื่อสิ้นสุดคดี

ตนจะขอยื่นฟ้องพยานเท็จทุกคนที่เป็นพยานในศาลให้กับจำเลย คำพิพากษาในวันนี้เป็นเครื่องชี้ได้ว่าความยุติธรรมมีจริงและเป็นเครื่องยืนยันว่าครอบครัวและบุตรสาวเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเด็กที่ถูกกระทำในลักษณะนี้อีกหลายคน



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์