ครอบครัวของด.ญ.วัย8ขวบวอนตำรวจปล่อยพ่อยืนยันไม่เคยรับสารภาพ

ครอบครัวของด.ญ.วัย8ขวบวอนตำรวจปล่อยพ่อยืนยันไม่เคยรับสารภาพ

แม่ของเด็กหญิง อายุ 8ขวบที่เสียชีวิตจากการถูกคนร้ายหลอกให้ดื่มน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมยาบ้า และลงมือข่มขืนจนเสียชีวิต  และเป็นภรรยาของพ่อเด็กหญิงผู้ตายซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวสามี เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานที่ปรากฎไม่เพียงพอที่จะกว่างหาว่าพ่อของเด็กเป็นคนลงมือ และยังไม่มีผลการตรวจดีเอ็นเอ ออกมา

นายยุทธศาสตร์ โทรัตน์ ทนายความ กล่าวว่า การทำงานของตำรวจเป็นระบบการกล่าวหา จึงต้องพยายามรวบรวมพยานหลักฐานว่า จะมีอะไรเกี่ยวข้องบ้างในการกระทำความผิดครั้งนี้ จึงขอชื่นชมการทำงานของตำรวจ แต่ประเด็นที่กระทบกับครอบครัว คือ การที่ตำรวจแถลงว่า พยานหลักฐานประมาณ 80% ที่ออกมามัดตัวพ่อ และไม่มีทางปฏิเสธ แต่ทางทนายความมองว่าพยานหลักฐานที่ตำรวจเอามาอ้างขณะนี้ เป็นหลักฐานพยานแวดล้อม เก็บได้จากบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งโดยลำพังพยานหลักฐานประเภทนี้ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่า พ่อเป็นผู้กระทำความผิด จะต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วย โดยเฉพาะคราบอสุจิ หรือดีเอ็นเอ ที่อยู่ในร่างกายเด็ก ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดในคดีล่วงละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้ ถ้าพ่อข่มขืนลูกจริง หรือมีคนอื่นข่มขืนลูก จะต้องพบคราบอสุจิในตัวเด็กอย่างแน่นอน และหากผลออกมาว่าพบดีเอ็นเอที่ได้จากคราบอสุจิของพ่อในตัวเด็ก ถึงตอนนั้นก็ขอเรียกร้องให้ตำรวจปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยรายอื่นทั้งหมดด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม หากปรากฏว่า คราบอสุจิที่พบเป็นของคนอื่น ไม่ใช่เป็นของพ่อ ก็อยากเรียกร้องให้ผลพิสูจน์ตรงนี้เป็นประโยชน์กับลูกความเพราะรูปการณ์ขณะนี้ไม่ว่าผลพิสูจน์จะออกมาเป็นอย่างไร พ่อของเด็กก็จะต้องโดนข้อหาอย่างแน่นอนว่า กระทำการคนเดียว หรือร่วมกระทำกับคนอื่นแน่นอน ดังนั้น จึงอยากให้ตำรวจตั้งประเด็นสอบสวนคดีให้ชัดเจนด้วย

ส่วนที่ตำรวจแถลงยืนยันพ่อเด็กรับสารภาพว่า พ่อเสพยาเข้าไป จึงควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วข่มขืนลูก จากการพูดคุยกับพ่อเด็กก่อนแถลงข่าว เขายืนยันว่าไม่เคยรับสารภาพอย่างนั้น อยากให้ตำรวจแสดงหลักฐานที่พ่อรับสารภาพด้วยว่า มีจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้พ่อเด็ก และครอบครัวได้รับความเสียหายไปแล้ว และจะไม่ส่งผลดีต่อการต่อสู้คดีความในชั้นศาล เพราะเท่ากับว่าพ่อเด็กมากลับคำให้การในภายหลัง ซึ่งมีพิรุธและสวนทางกับที่พ่อเด็กบอกว่าไม่เคยรับสารภาพใดๆ

ส่วนหลังจากนี้ก็จะต้องรอผลดีเอ็นเอที่เหลือเท่านั้น ซึ่งจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะตัดหลักฐานอื่นๆ ออกไปอย่างสิ้นเชิง และทางตำรวจก็ไม่ได้บอกมาชัดเจนว่า ผลจะออกมาเมื่อไหร่ แต่ก็เชื่อว่าจะต้องไม่เกินระยะเวลาผลัดฟ้อง หรือภายใน 84 วัน แน่นอน และถ้าไม่พบคราบอสุจ หรือดีเอ็นเอของใครในร่างกายเด็ก ตำรวจก็จะเอาหลักฐาน 80% มามัดตัวลูกความและส่งฟ้องศาลอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผบก.ภ.จว.ตรัง ออกมายืนยันก่อนหน้านี้แล้วว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ละเอียด หรือรอบคอบมากที่สุด


ที่มา : posttoday.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์