ครบขวบปีคาร์บอมบ์คดีลอบสังหารอันลือลั่น!?!

ครบขวบปี"คาร์บอมบ์"คดีลอบสังหารอันลือลั่น!?!



าว 09.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค. พ.ต.อ.บุญเพ็ญ มั่งคั่ง ผู้กำกับการ สน.บางพลัด รับแจ้งพบรถต้องสงสัยจอดอยู่บริเวณถนนสิรินธร ห่างแยกบางพลัดประมาณ 300 เมตร มุ่งหน้าสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ช่วงคู่ขนานข้ามแยกใต้สะพาน ห่างจากบ้านพักพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ประมาณ 400 เมตร บริเวณที่เกิดเหตุ ตำรวจพบรถยนต์ยี่ห้อแดวู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฐฉ-3085 จอดอยู่ในเลนขวา เปิดฝากระโปรงท้ายไว้โดยไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่กันพื้นที่เป็น 2 ชั้น ชั้นแรกประมาณ 15-20 เมตร ชั้นสอง 150 เมตรไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้ และปิดการจราจรจากแยกบางพลัดฝั่งธน มุ่งหน้าฝั่งพระนคร โดยสิ้นเชิง
       
       นี่คือจุดเริ่มต้นของคดีคาร์บอมบ์-คาร์บ๊อง ที่เชื่อกันว่า ผู้มีอำนาจในขณะนั้นเสกสรร ปั้นแต่งขึ้น แม้กาลเวลาผ่านพ้นไปจนครบขวบปี ข้อเท็จจริงในการลอบสังหารก็ยังไม่ปรากฏ แต่ทว่า ความเชื่อในข้อเท็จจริงได้ปรากฏขึ้นมาเนินนานแล้ว โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า ใครคิดการใหญ่ที่จะสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เรืองอำนาจในขณะนั้น ?
       

       ข่าวการลอบสังหารด้วยระเบิด"คาร์บอมบ์" อย่างที่ผู้ก่อการร้ายในต่างประเทศนิยมทำกันนั้น กลายเป็นข่าวใหญ่ต่อเนื่องกันเป็นหลายสัปดาห์ และหลังจากที่ ตำรวจทำการเก็บกู้ระเบิดภายในรถยนต์แดวู ในที่เกิดเหตุเสร็จเรียบร้อย ในตอนบ่าย พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.ในขณะนั้นแถลงข่าวทันทีว่า ระเบิดที่พบเป็นระเบิด ซีโฟร์ น้ำหนัก 3.5 ปอนด์ ทีเอ็นที รวม 10.75 กิโลกรัม เชื้อปะทุไฟฟ้าทางทหาร M8 จำนวน 2 ดอก วงจรรีโมตคอนโทรล 1 ชุด สายฝักแค ระเบิด DEPCORD ยาวประมาณ 12.22 เมตร เชื้อปะทุชนวนจำนวน 4 ดอก เชื้อปะทุไฟฟ้า ทางทหาร ANFO AMMONIUM NITRATE FUEL OIL หนัก 17.33 กิโลกรัม กระสอบทรายจำนวน 4 กระสอบ มีรัศมีทำลายล้างไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร วิกฤตระยะใกล้ประมาณ 30-50 เมตร จะพินาศราพเป็นหน้ากอง ทั้งระเบิดดังกล้าวพร้อมที่จะทำงาน!
       
       ฟังพล.ต.ท.วิโรจน์แถลงในครั้งนั้นแล้วยังขนลุกซู่ ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คงตายกันเป็นเบื่อ และในที่สุด มีการจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชนะ ผู้ขับรถคันดังกล่าว รวมทั้ง กองปราบปรามในยุคของพล.ต.ต.วินัย ทองสอง เป็นผู้เข้าไปควบคุมและคลี่คลายคดี ภายใต้การควบคุมดูแลของพล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รองผบช.ก.ในขณะนั้น
       
       อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมร.ท.ธวัชชัยได้ภายในค่ายทหารแล้ว แต่สังคมกลับยังกังขาว่า "คาร์บอมบ์"หรือ"คาร์บ๊อง"กันแน่ ถึงคราวนั้น แม้เหตุการณ์จะผ่านไปยังไม่ทันข้ามคืน พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) ในฐานะโฆษก ตร. เดินทางไปยังกองปราบปราม และออกมาแถลงข่าวกลางดึก โดยย้ำชัดว่า ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนว่า รถขนระเบิด ขับออกมาจาก กอ.รมน.ไม่ใช่ไปรับจ้างขับรถให้เพื่อนตามที่ร.ท.ธวัชชัย อ้าง หลังจากนั้นอีกหลายครั้งหลายคราที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ ออกมาแถลงข่าวย้ำซ้ำให้ประชาชนเข้าใจไปในทำนองที่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ตัวอย่างเช่น วันรุ่งขึ้น ก็มีการนำผู้เชียวชาญด้านวัตถุระเบิดมาแถลงข่าวด้วย แม้แต่พล.ต.ท.อชิรวิทย์ยังระบุด้วยตนเองว่า "ขอเรียนว่า ตรงจุดดังกล่าวเป็นจุดผ่านของขบวนนายกรัฐมนตรีในทุกเช้า เป็นไปตามช่วงเวลาที่ปรากฏตามข่าว ฉะนั้น การที่รถคันดังกล่าวไปอยู่ตรงจุดนั้น และที่มีการเชื่อมโยงกับหน่วย รปภ.ที่สังเกตเห็นนั้น ภาษากฎหมายเรียกว่า เจือสม ที่คนร้ายหวังต้องการมุ่งร้ายหมายขวัญกับนายกรัฐมนตรี และประชาชน" ต่อมาวันที่ 26 ส.ค.ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ตร.ทำตามพยานหลักฐานนายกฯทักษิณ ไม่ได้ชี้นำ
       
       ต่อมา ตำรวจมีการแถลงข่าว โดยนำภาพวิดีทัศน์ที่บันทึกไว้ระหว่างสอบปากคำ ร.ท.ธวัชชัย มาเปิดให้สื่อมวลชนดู โดย ทางตำรวจบอกว่า ร.ท.ธวัชชัย ยอมรับว่า เป็นคนขับรถคันที่เกิดเหตุจริง และรู้สึกสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำไป รวมทั้งขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรับว่า ได้ขับรถคันที่ก่อเหตุ ไม่เฉพาะวันที่ 22-23-24 อันเป็นวันที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวันที่ 9-10 ที่มีเหตุการณ์รถขบวนของนายรัฐมนตรี ประสบอุบัติเหตุ ชนกับรถประชาชนในสนามบิน บน.6 ของกองทัพอากาศ ทว่าญาติของ ร.ท.ธวัชชัย กลับทำหนังสือร้องถึง พล.ต.อ.โกวิท ว่า วันที่มีการบันทึกวิดีทัศน์นั้น ร.ท.ธวัชชัย รู้ว่าจะมีการพูดคุยกันกับตำรวจ ไม่ได้จะยอมรับสารภาพ และ ยอมรับเพียงแค่ขึ้นไปนั่งบนรถ ส่วนที่เหลือนั้นตำรวจเพ้อเจ้อ ไปเอง!!!
       
       ความคืบหน้าของคดีก็มีความเข้มงวดขึ้นไปอีก เมื่อมีการบุกค้นค้นห้องเลขที่ 13/07 6/805 ภายในอาคารที่พักอาศัย ไพลินสแควร์ 3 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม หรืออาคาร ที 3 เมืองทองธานี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นที่กบดานของ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ ผู้ร่วมขบวนการ ที่เป็นคนขับรถชี้เป้าให้ หมวดธวัชชัย โดยตำรวจได้ยึดรถ ปิกอัพนิสสัน สีฟ้า ทะเบียน บก.9162 สระแก้ว รถชี้เป้าคันดังกล่าวมาตรวจสอบด้วย ทำให้มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตัว และการสอบสวนสาวไปถึงตัวผู้บงการ-ทีมสังหาร ยังดำเนินต่อไป
       
       หลังจากนั้นในวันที่ 4 ก.ย. ทางตำรวจแถลงข่าวว่า รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ ตลอดจนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้สามารถเชื่อมโยงถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เพิ่มเติมนอกเหนือจาก ร.ท.ธวัชชัย ได้แล้ว โดยมีหนังสือไปถึงต้นสังกัดให้ส่ง พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุขประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ โดยทั้งหมดช่วยราชการ กอ.รมน.ให้มาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และในที่สุด ตำรวจได้นำตัว พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ นายทหารช่วยราชการ กอ.รมน.รายแรกมาสอบปากคำ พร้อมแจ้ง 6 ข้อหาคือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.ร่วมมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนญาต 5.ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และ 6.ซ่องโจร เช่นเดียวกับ ร.ท.ธวัชชัย ที่ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มไปอีก 5 ข้อหา จากนั้นค่ำวันที่ 6 ก.ย.จ่ายักษ์ หรือ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ ก็ดอดเข้ามอบตัวที่กองปราบปราม ต่อด้วย พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ และพ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ ที่ตามมามอบตัวสู้คดีในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ ถูกแจ้งข้อหาฉกรรจ์ถึง 6 ข้อหาเช่นเดียวกับ 2 คนแรก
       
       นายทหารทั้ง 5 นายนั้น 4 ใน 5 คือ ร.ท.ธวัชชัย ,พ.ท.มนัส ,พ.อ.สุรพล และพล.ต.ไพโรจน์ นั้น ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มีเพียงจ่ายักษ์อยู่คนเดียวที่ให้การรับสารภาพหมดไส้หมดพุงซัดทอดนายทหารอีก 4 คนว่า เป็นผู้ร่วมขบวนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด ตัวจ่ายักษ์เองรับสารภาพว่า ได้รับคำสั่งให้เป็นคนคอยขับรถกระบะสีฟ้า คอยชี้เป้าให้รถขนระเบิดที่ขับโดย ร.ท.ธวัชชัย ไล่ตั้งแต่วันที่วันที่ 9-10 ส.ค.ที่มีเหตุการณ์รถขบวนของนายรัฐมนตรี ประสบอุบัติเหตุ ชนกับรถประชาชนในสนามบิน บน.6 ของกองทัพอากาศ แผนลอบสังหารจึงต้องล้มเลิกไปอย่างกระทันหัน ส่วนวันที่ 24 ส.ค.นั้น จ่ายักษ์บอกว่า ไม่ได้ไปร่วมด้วย
       
       นอกจากนี้จ่ายักษ์ยังรับสารภาพอีกว่า มีทีมสังหารที่เตรียมอาวุธสงครามจำนวนมากใส่รถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อนิสสัน ฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนตรากงจักร ไว้คอยถล่มซ้ำด้วย ในกรณีที่ลอบวางระเบิดพลาด ตำรวจจึงนำตัว จ่ายักษ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างละเอียดยิบ ถึงเหตุการณ์ในวันที่ 9-10 ส.ค.
       
       หลังจากนั้นการทำงานของตำรวจก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มีการส่งระเบิดทั้งหมดไปให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์วงจรและอานุภาพ เพื่อนำมาประกอบสำนวน แต่ในท้ายที่สุดก็มีข่าวว่า การทดสอบระเบิดนั้นไม่ทำงาน นอกจากนี้ตำรวจก็ยังประชุมกันต่อเพื่อตรวจสอบคำพูดจ่ายักษ์ว่าพูดจริงหรือเท็จ แต่แล้วคดีก็ต้องมาสะดุดลงทันทีที่มีการทำรัฐประหารในคืนวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา คดีหยุดชะงัก พนักงานสอบสวนแทบจะไม่ได้ทำงานกันต่อเพราะต้องรอดูท่าทีของผู้ใหญ่ รวมไปถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งตอนนั้นเข้าไปร่วมอยู่ในคณะปฏิรูปฯด้วย แม้พล.ต.ท.อชิรวิทย์ โฆษก ตร.เอง ยังเปลี่ยนทีท่าหลังจากที่ตอนแรกออกมายืนยันเสียงแข็งว่า มีพยานหลักฐานยืนยันว่ากลุ่มผู้ต้องหามีความพยายามสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ภายหลังกลับบอกว่า ไม่ยืนยันหลักฐานสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จนในที่สุด พล.ต.ท.อชิรวิทย์ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟออกมาแถลงซ้ำย้ำว่า ตัวเองไม่ได้พลิกลิ้นตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับบอกว่า ตำรวจต้องทำคดีต่อไป หยุดไม่ได้
       
       จนท้ายที่สุดตำรวจก็ประชุมสรุปสำนวนคดีนี้ แล้วส่งต่อไปให้ พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.เป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งผลปรากฏว่า พล.ต.อ.โกวิท ตัดสินใจเซ็นต์สำนวนส่งฟ้อง พล.ต.ไพโรจน์ ธีรภาพ, พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์, พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ใน 6 ข้อหาข้างต้น ส่วนจ่ายักษ์ หรือ จ.ส.อ.ชาคริต นั้นพนักงานงานสอบสวนกันไว้เป็นพยาน ขณะนี้ คดีอยู่ในศาลทหาร
       
       จวบจนวันนี้ เป็นวันครบรอบ 1 ปี คดีลอบสังหารอันลือลั่น ยังไม่มีใครรู้ว่า ศาลทหารจะพิพากษาออกมาอย่างไร ยังไม่มีใครรู้ว่า ใครเป็นผู้บงการวางแผนลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณขึ้น ยังไม่มีใครรู้ว่า จุดประสงค์ของการลอบสังหาร เพื่ออะไร และยังไม่ใครรู้ว่า การลอบสังหารในครั้งนั้น เป็นการจัดฉากขึ้นหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เราได้รับรู้กันแล้วว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ในซีกของผู้มีอำนาจในขณะนั้น ส่วนใหญ่ได้ถูกสังหารไปจากสังคมแล้ว และเราก็ได้รับรู้กันแล้วว่า หากจิตใจ และการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อบ้านเมือง และประชาชน เขาผู้นั้น แม้ไม่ต้องถูกลอบสังหารในครั้งนั้น แต่ในวันนี้ เขาผู้นั้น ก็ไม่มีแม้แต่กระพีกของแผ่นดินไทยที่จะยืนหยัดอยู่ได้ เพราะอะไร ทุกคนรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว?
       

       รายชื่อพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดคลี่คลายคดี
       
       1.พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
       2.พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
       3.พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
       
       พนักงานสืบสวนสอบสวนทั้งหมดประกอบด้วย
       4.พล.ต.ต.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองจเรตำรวจ
       5.พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.(ตำรวจกองปราบปราม)
       6.พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูล ผบก.ประจำสตช.
       7.พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตม.ทอช.(กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานแห่งชาติ)
       8.พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารัฉัตร ผบก.ส.3 (ตำรวจสันติบาล)
       9.พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง รอง ผบก.ป.
       10.พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป.
       11.พ.ต.อ.ฉลองชัย บุรีรัตน์ รอง ผบก.ป.
       12.พ.ต.อ.มนตรี โปรตระนันท์ รอง ผบก.ทล.(ตำรวจทางหลวง)
       13.พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก. หัวหน้าศูนย์สืบสวนบช.น.
       14.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบก.ป.
       15.พ.ต.อ.ประพนธ์ แกลโกศล รอง ผบก.น.9
       16.พ.ต.อ.ทรงพร สาระพานิช ผกก.ศสส.บช.น.(ศูนย์สืบสวนนครบาล)
       17.พ.ต.อ.สุทิน พ่วงทรัพย์ ผกก.3ป.
       18.พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปฏิบัติการพิเศษ บก.ป.
       19.พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ผกก.ฝอ.(ฝ่ายอำนวยการ) บก.ป.
       20.พ.ต.ท.พินิจ ศิริชัย รอง ผกก.ฝอ.บก.ป.
       21.พ.ต.ท.เชิดศักดิ์ อภินันทน์สถิต รอง ผกก.1ป.
       22.พ.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผกก.2 ป.
       23.พ.ต.ท.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผกก.2 ป.
       24.พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน รอง ผกก.4 ป.
       25.พ.ต.ท.ดำรงสิทธิ์ โมราฤทธิ์ รอง ผกก.4 ป.
       26.พ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศสส.บช.น.
       27.พ.ต.ท.วรลภย์ สุวรรณเกษการ รอง ผกก.(สส.)สน.บางขุนเทียน
       28.พ.ต.ท.ธนกฤต กนิษฐกุล สารวัตรศูนย์สืบสวน บช.น.
       29.พ.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ สารวัตรศูนย์สืบสวน บช.น.
       30.พ.ต.ต.อัครพล อมรเวช สารวัตรศูนย์สืบสวน บช.น.
       31.พ.ต.ท.สมภพ นพคุณ สว.ธร.(ธุรการ)สน.บางกอกใหญ่
       32.พ.ต.ท.กฤตยา เลาประสพวัฒนา สว.ธร.สน.ธรรมศาลา
       33.พ.ต.ท.มนตรี เทศขัน สว.กก.5 ป.
       34.พ.ต.ท.เขตขัณฑ์ บำรุงรัตน์ สว.กก.2 ป.
       35.พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ สว.กก.1ป.
       36.พ.ต.ท.วรพจน์ พืชผล พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวนบก.ป.
       37.พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวนบก.ป.
       38.พ.ต.ท.ทินกร สมวันดี พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.พญาไท
       39.พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.พญาไท
       40.พ.ต.ท.ชณาวิน พวงเพชร พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.มักกะสัน
       41.พ.ต.ต.ทัศน์พล บู้หลง พนักงานสอบสวน (สบ.2) บก.น.9
       42.พ.ต.ต.มาโนช จันทร์เที่ยง พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.หลักสอง
       43.ร.ต.อ.บุรินทร์ ยมจินดา พนักงานสอบสวน (สบ.1) กลุ่มงานสอบสวนบก.ป.
       44.ร.ต.ท.สิทธิศักดิ์ จันทร์สว่าง พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.หลักสอง

ที่มา ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์