คนมีสีเอี่ยวฆ่า‘สมยศ’ ป.จับตา2-3กลุ่ม/ปมหนี้พนัน-วิ่งล้มคดี


ความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่

และอดีตนายกสมาคมผู้ประกอบการสถานบันเทิงแห่งประเทศไทยเสียชีวิต บริเวณลานจอดรถร้านอาหารเฮง หูฉลาม ย่านถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)มีการเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนติดตามคดียิงนายสมยศ โดยพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)เปิดเผยว่า การสืบสวนคดีคืบหน้าไปมากในทางที่เป็นผลดีต่อรูปคดี โดยพนักงานสอบสวนสอบปากคำภรรยาและบุตรสาวของผู้ตาย ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระดับหนึ่ง ทำให้ทราบถึงปัญหาขัดแย้งของผู้ตาย โดยตั้งประเด็นฆาตรกรรมมาจาก 3 เรื่องคือ ถูกโกงหนี้พนัน 4 ล้านบาท เงินวิ่งเต้นคดี 25 ล้านบาท โดยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่อยู่ระหว่างติดตามตัว และความขัดแย้งเรื่องที่ดินย่านพระราม 9

รปภ.ให้เบาะแส2คนร้ายก่อเหตุ

สำหรับแนวทางสืบสวนคดีพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า แบ่งชุดทำงานเป็น 2 ชุด คือชุดสืบสวนและชุดสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้าย ซึ่งลงพื้นที่ตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุ จากการสอบ รปภ.ของร้านอาหารที่เกิดเหตุ ซึ่งเห็นใบหน้าคนร้ายเป็นชาย 2 คนอายุประมาณ 30 ปี ผิวดำแดง สูงประมาณ 160-170 เซนติเมตร โดยมือปืนสวมใส่หมวกแก๊บ ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยเต็มใบ ขณะที่ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางใกล้จุดเกิดเหตุ พบมี 2 จุดคือ อาคารวิริยะประกันภัย และธนาคารออมสิน รัศมีห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตรจับภาพคนร้ายได้ เป็นชาย 2 คน สวมเสื้อแจ๊คเก็ตและหมวกอำพรางใบหน้า

กองปราบโดดร่วมสางคดีดัง
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) พร้อมพ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป.เรียกประชุมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.เร่งคลี่คลายคดียิงนายสมยศ หลังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านที่เกิดเหตุ ที่นายสมยศ สวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตนั่งรับประทานอาหารในร้านกับภรรยาเมื่อเวลา19.00 น. จากนั้นเวลา 19.28 น. นายสมยศเดินออกจากร้านมาขึ้นรถ ที่ลานจอดรถ ก่อนคนร้ายเข้ามาจ่อยิงนายสมยศเสียชีวิต

เมียสมยศแฉปมทวงเงินใบสั่งตาย
รายงานข่าวจาก บก.ป.แจ้งว่า ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ประสานตำรวจนครบาลแบ่งหน้าที่สืบหาเบาะแสคนร้าย ซึ่งชุดแรกแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ส่วนอีกชุดไปตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านเลขที่ 495 ซอยพระรามเก้า 49 แขวงและเขตสวนหลวง กทม.ของนายสมยศ ตรวจสอบเอกสารทั้งโฉนดที่ดิน บัญชีธนาคารและเอกสารธุรกรรมการเงิน นำไปประกอบคำให้การของนางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยาผู้ตาย ซึ่งระบุว่าผู้เสียชีวิตมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการกู้ยืมเงินจากผู้เสียชีวิต โดยมีการติดตามทวงถามหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับเงินคืน รวมทั้งปัญหาเรื่องที่ดินด้วย

คาดแก๊งคนมีสีอยู่เบื้องหลัง
ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวน บก.ป.ร่วมกับสืบสวน สน.คลองตันลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุ และบริเวณถนนพัฒนาการทั้งเส้น ตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายเข้าก่อเหตุและหลบหนี โดยประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครมาตรวจสอบในช่วงเวลาที่พยานแวดล้อมให้การว่า เห็นมือปืนมานั่งรอผู้เสียชีวิตที่ลานจอดรถตั้งแต่เวลา 14.00น.วันเกิดเหตุ

ซึ่งพยานแวดล้อมรายหนึ่งระบุ คนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 175 เซนติเมตร มานั่งรอที่ลานจอดรถของร้าน เมื่อพนักงานเข้าไปสอบถามก็ได้คำตอบว่ามารอนาย ทั้งนี้ จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังได้รายชื่อกลุ่มบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยอยู่เบื้องหลังการสังหารนายสมยศ 2-3 กลุ่ม หนึ่งในนั้นอาจมีคนมีสี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เมีย-ลูกรับศพบำเพ็ญกุศล
วันเดียวกัน นางรัศมี สุธางค์กูร อายุ 53 ปี พร้อมน.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร อายุ 25 ปี ภรรยาและลูกสาว พร้อมญาติไปรับศพนายสมยศที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพลีลา ศาลา 2 ก่อนทำพิธีฌาปนกิจวันที่ 5 กรกฎาคม ทั้งนี้ แพทย์นิติเวชระบุสาเหตุการเสียชีวิตของนายสมยศว่า มีบาดแผลเนื่องจากกระสุนปืนทำลายสมองและตับ

เผยก่อนตายเครียดเรื่องทวงหนี้
นางรัศมี ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางสังหรณ์อะไร แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้นายสมยศ มาเล่าให้ฟังและปรึกษากันว่ามีปัญหาหลายเรื่อง และมีศัตรูที่ขัดแย้งรุนแรง ซึ่งตนได้เตือนให้ระวังตัว เนื่องจากมีปัญหาหนักๆคือ มีคนยืมเงินไป พอส่งคนไปทวงเงินคืนแต่ไม่ได้รับ แต่จะมีการข่มขู่หรือไม่ นายสมยศไม่เคยเล่าให้ฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเมื่อเวลา 13.00 น. นางรัศมีพร้อมญาติ นิมนต์พระสงฆ์จากวัดลาดพร้าว 2 รูป มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณนายสมยศ ที่ลานจอดรถด้านหลังร้านอาหารเฮงหูฉลาม จุดที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศเสียชีวิต

ตร.ตามเค้นสาวใหญ่คนสนิท

ต่อมาเวลา 15.30 น.ที่สน.คลองตัน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.นำตัวนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่ 10 ต.แม่เย็น อ.พานทอง จ.เชียงราย คนสนิทนายสมยศ เป็นผู้ประสานงานด้านคดีระหว่างนายสมยศกับลูกความ มาสอบปากคำกว่า 3 ชั่วโมง
โดยนางศุภนิดาให้การว่า รู้จักกับนายสมยศมากว่า 20 ปี มีความสนิทสนมไปมาหาสู่กันเสมอ โดยนายสมยศเปิดบริษัทเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายรับงานเคลียร์คดีมางานหนึ่ง โดยนำเงินจากลูกความที่รับเคลียร์คดีมาให้ตน เพื่อให้เป็นตัวแทนไปจัดการ ครั้งแรกนายสมยศให้เงินมา 1 ล้านบาทแต่ตนนำไปให้นายเล็ก สามีไปเล่นพนัน โดยที่นายสมยศไม่ทราบเรื่อง ต่อมานายสมยศจ่ายเงินให้ตนอีกก้อนหนึ่งจำนวน 10 ล้านบาท รวมเงินที่หลอกมาจากนายสมยศกว่า 11 ล้านบาท โดยที่ไม่เคยนำเงินไปจัดการเรื่องคดีตามที่ตกลงกันไว้เลย

เปิดปากหลอกรุมกินโต๊ะเสี่ยคนดัง
นางศุภนิดากล่าวต่อว่า จากนั้นนายเล็กวางแผนให้ตนชักชวนนายสมยศ ไปเล่นการพนันที่บ้านพรรคพวก ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยนัดแนะกันว่าจะเป็นการรุมกินโต๊ะนายสมยศ จนนายสมยศเสียพนันกว่า 3 ล้านบาท ภายหลังจึงยอมรับว่าที่ชักชวนไปเล่นพนันเป็นการรวมหัวกันโกงนายสมยศ หลังนายสมยศทราบเรื่องโกรธตนมาก และเริ่มทวงเงินที่เสียพนันคืน รวมถึงเงินที่จ่ายให้ไปวิ่งเต้นเคลียร์คดีด้วย

โยงผัวชื่อเล็ก-เสธ.ประเด็นทวงหนี้
นางศุภนิดากล่าวอีกว่า จากนั้นนายสมยศให้ตนทวงเงินกับนายเล็ก 28 ล้านบาท ซึ่งนายเล็ก อ้างว่าไม่ได้เป็นหนี้มากขนาดนั้น จึงปฏิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว นายสมยศจึงติดต่อ เสธ.คนหนึ่ง ให้ไปทวงเงินกับนายเล็ก จนเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา เสธ.คนดังกล่าวนัดนายเล็กมาพบเพื่อไกล่เกลี่ยหนี้ แต่นายเล็กไม่ไป กระทั่งวันที่ 26-27 มิถุนายน นายสมยศบอกตนว่าจะให้เสธ.ไปอุ้มนายเล็ก หากยังไม่ยอมคืนเงินให้ ซึ่งระยะหลังตนก็ไม่ได้พบนายเล็ก ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ที่ผ่านมาทราบเพียงว่ นายเล็กอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านฟลอร่า วิลล์ ย่านสุวินทวงศ์ ก่อนหน้านี้ตนเคยซื้อที่ดิน 2 แปลงในจ.ชุมพร เพื่อสร้างบ้าน แต่เมื่อนายสมยศมาทวงหนี้ จึงตัดสินใจนำที่ดินดังกล่าวมอบให้นายสมยศแทนเงิน แต่ยังไม่ได้เซ็นโอนให้ ก็มาเกิดเรื่องขึ้นก่อน

ตัดชนวนฆ่าเหลือหนี้พนัน-ล้มคดี"
ขณะที่พล.ต.ท.เรืองศักดิ์เผยว่า จากการประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)สรุปแนวทางสืบสวน โดยบีบประเด็นให้เหลือ 2 ประเด็นคือ หนี้พนันไพ่ 4 ล้านบาท และเงินวิ่งเต้นคดีจำนวน 25 ล้านบาท ส่วนความขัดแย้งการซื้อ-ขายที่ดินพระราม 9 คาเฟ่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ อย่างไรก็ดี จากแนวทางสืบสวนคดีคืบหน้าไปมาก หลังสอบปากคำพยานในเหตุการณ์ ทำให้สเก็ตช์ภาพใบหน้าคนร้ายได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ

มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ ดำรงตำแหน่ง ผบก.ป.มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับนายสมยศ หลังมีปัญหาเรื่องรับวิ่งเต้นคดีความ ซึ่งจะสอดคล้องกับเรื่องการรับเคลียร์คดีเป็นเงิน 25 ล้านบาท ซึ่งประเด็นนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียดด้วย


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์