คนตาดีหัวใส ใช้ ´บอด´ หากิน

ไทยรัฐ

เรื่องราวเกี่ยวกับขบวนการหากินบนความพิการของมนุษย์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สมาคมคนพิการ จ้างคนตาบอดร้องเพลงขอทาน เปิดเผยขึ้นเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านทางแถบภาคอีสานหลายราย โดยเฉพาะ จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ให้ตรวจสอบกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่สมาคมคนพิการ ส่งคนตระเวนไปตามหมู่บ้านแถบภาคอีสาน ติดต่อชักชวนหาคนพิการทางสายตาเพียงอย่างเดียว เพื่อเข้าโครงการ สานฝันคนพิการฝึกอาชีพเป็นนักร้อง มีรายได้ประจำ มีที่พักอาศัยฟรี รวมทั้งผู้ดูแลและยานพาหนะรับส่งระหว่างไปทำการแสดงพร้อมทุกอย่าง โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น จากผลสำรวจพบว่า มีคนพิการทางสายตาหลงเชื่อสมัครใจเข้าร่วมโครงการ จำนวนไม่น้อยกว่า 200-300 คน โดยสถานที่ตั้งของสมาคมดังกล่าว อยู่ในชุมชน สุขสวัสดิ์ ย่านฝั่งธนบุรี

จากหนังสือร้องเรียนยังระบุอีกว่า

กลุ่มคนที่อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่สมาคมคนพิการ ได้นำคนตาบอดไปเร่ร่อนร้องเพลงขอทานตามแหล่งชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยต้องออกไปร้องเพลงตามร้านอาหาร ตลาดนัด ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพื่อหาเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรง ไปให้กับกลุ่มคนดังกล่าว โดยอ้างว่าเพื่อเป็นสวัสดิการของทุกคน

เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า สมาคมดังกล่าวไม่มีตัวตน เป็นเพียงกลุ่มคนที่เล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะได้จากการนำคนพิการไปหากินเป็นกอบเป็นกำ และช่องว่างของกฎหมายเอื้ออำนวย รวมทั้งคนพิการสมัครใจเอง เนื่องจากเงินที่ได้จากการสงเคราะห์คนพิการไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ อีกทั้งรายได้ที่หามานั้น สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ คนทั้งหมดจะไปพักอาศัยอยู่รวมกันเป็นร้อยๆคน มีทั้งคนตาดีและคนตาบอด แบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ คนตาดีจะทำหน้าที่จูงคนตาบอด ตระเวนไปหาเงินตามร้านข้าวต้ม ร้านอาหารอีสาน และคาเฟ่ ส่วนยานพาหนะที่ใช้ จะว่าจ้างรถแท็กซี่และรถสามล้อพาตระเวนไปตามที่ต่างๆ พบเห็นได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่นในกรุงเทพฯ จะหากินอยู่ในย่านห้วยขวาง พระราม 9 อาร์ซีเอ ถนนข้าวสาร ตลาดบางแค ปิ่นเกล้า ปริมณฑลเช่นเมืองพัทยา พระประแดง สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี รังสิต เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ตั้งของสมาคมคนพิการ ตามที่ระบุ

พบว่าอยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ซอย 1 แยก 8 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ไม่ได้เป็นสมาคมคนพิการแต่อย่างใด เป็นเพียงบ้านเช่าของคนตาบอดไปอาศัยอยู่รวมกันนับร้อยๆชีวิต เป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านในย่านนั้นว่าคือ อาณาจักร วณิพก นายบุญมา ม่วงอ่อน อายุ 51 ปี พิการตาบอดสนิท 2 ข้าง บ้านเดิมอยู่เลขที่ 73 หมู่ 7 ต.ตรวจ กิ่งอ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า เคยถูกคนบ้านเดียวกัน อยู่ จ.สุรินทร์ หลอกพาไปนั่งร้องเพลงขอทานอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บอกว่าจะแบ่งให้คนละครึ่ง แต่ ปรากฏว่า หาได้เท่าไรไม่ได้ใช้ นั่งขอทานตั้งแต่ 7 โมงเช้ายัน 2 ทุ่มทุกวัน จนทนไม่ไหวแจ้งตำรวจให้ช่วยพากลับบ้าน ก่อนจะมีคนชวนมาเป็นวณิพกร้องเพลงได้ ประมาณ 1 ปีเศษ ดีกว่าอยู่ที่บ้าน รอเงินสงเคราะห์จากทางราชการ อ้างว่าจะให้เดือนละ 200 บาท ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่รู้เงินไปตกอยู่กับใคร สู้มาร้องเพลงหาเงินตามร้านอาหารดีกว่า

นายบุญมายังแจงอีกว่า มาเป็นวณิพกร้องเพลงแลกเศษเงิน มีรายได้คืนละ ไม่ต่ำกว่า 2,000-2,500 บาท แต่ต้องหักเป็นค่าจ้างคนจูง กับคนขับสามล้อเครื่องเท่าๆกัน ส่วนที่เหลือจะให้กับคนที่คอยเก็บค่าสวัสดิการ อาหารที่พัก แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ สมมติว่าคืนนี้ได้ 2,000 บาท หักค่าเช่ารถที่พาตระเวน 500 บาท เหลือ 1,500 บาท แบ่งกันคนละ 500 บาท สถานที่หาเงินแล้วแต่คนขับสามล้อจะพาไป ส่วนอุปกรณ์หากินพวกเครื่องขยายเสียง ไมโครโฟน มีคนนำมาให้เช่า เก็บรายวันวันละ 100 บาท ช่วงเวลาหาเงินตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน ตีสอง แล้วแต่ว่าหาได้มากน้อยแค่ไหน

ส่วนนายอ๊อด กันหา บ้านเดิมอยู่ เลขที่ 34 หมู่ 3 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี บอกว่า เคยเป็นกรรมกรก่อสร้าง มีคนบอกว่าให้มาทำงานเป็นคนจูงคนตาบอดไปขอทาน ได้ค่าจ้างวันละ 250-300 บาท มีบ้านพักและอาหารให้ฟรี ดีกว่าอาชีพเก่าหลายเท่า ถ้ารู้จักเก็บ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเหลือ เพราะเอาไปใช้ไม่ถูกทาง ซึ่งอยากฝากเตือนเพื่อนร่วมอาชีพ ที่ยังหลงผิดอีกหลายคน ทำเท่าไรก็ไม่เหลือ แถมต้องไปเป็นหนี้เป็นสิน กู้เงินเสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาทมาใช้จ่าย เพราะเป็นอย่างตน แต่ต้องขอบคุณคนตาบอด ที่ยังเป็นกำลังช่วยเหลือหาเลี้ยงคนตาดีที่มีโอกาสน้อยได้อีกหลายชีวิต ส่วนใหญ่แล้วที่คนที่ทำหน้าที่จูงคนตาบอดไม่ใช่ญาติพี่น้อง มารับจ้างกันทั้งนั้น

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า

เคยได้รับการร้องเรียนว่ามีคนพิการตาบอดบางคู่ ทะเลาะกันเพราะ แย่งลูกค้าตามร้านอาหาร จนสร้างความเดือดร้อนแก่คนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ เมื่อนำตัวไปซักถาม ทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน เพราะไม่เข้าข้อกฎหมาย หรือกฎหมายยกเว้น ตาม พ.ร.บ.ควบคุมขอทานฉบับใหม่ พ.ศ. 2484 มีข้อยกเว้นสำหรับขอทาน ที่เกิดจากคนพิการด้านสายตา หรือกลุ่มวณิพก ที่สามารถใช้เสียงร้องเพลงแลกเงินนั้นไม่ผิดกฎหมาย จึงต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้มงวดกวดขันกันไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์