คดีโยนลงน้ำดับ พลิกเป็นตายเอง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดี ปภ. ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เป็นประธานแถลงข่าวสถิติผู้เสียชีวิต บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ซึ่งสถิติประจำวันที่ 15 เม.ย. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 588 ครั้ง

มากกว่าปีก่อน 3 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 47 ราย มากกว่าปีก่อน 10 ราย ผู้บาดเจ็บ 677 ราย มากกว่าปีก่อน 27 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเกิดจากเมาสุรา ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนถนนใน อบต. หมู่บ้าน รองลงมาได้แก่ ถนนกรมทางหลวง จุดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ทางตรง สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงพลบค่ำ เวลา 16.01-20.00 น.

นายอนุชากล่าวต่อว่า

ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ มีอายุระหว่าง 15-19 ปี คิดเป็นร้อยละ 18.78 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก 25 ครั้ง จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุมี 5 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาฬสินธุ์ ยโสธร สตูล สมุทรปราการ จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก จำนวน 5 ราย รองลงมา ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก ร้อยเอ็ด สระบุรี จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 47 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุด ได้แก่ พิษณุโลก จำนวน 24 ราย รองลงมา ได้แก่ เชียงราย นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ จังหวัดละ 23 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บมี 6 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาฬสินธุ์ ชุมพร ยโสธร สตูล สมุทรปราการ ทั้งนี้ ทั่วประเทศมีการจัดตั้งจุดตรวจ รวม 3,054 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 782,234 คัน พบผู้กระทำผิด รวม 45,594 คน ส่วนใหญ่ พบไม่มีใบขับขี่ ตามด้วยไม่สวมหมวกนิรภัย

อธิบดี ปภ. กล่าวอีกว่า

อุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-15 เม.ย. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น รวม 3,537 ครั้ง มากกว่าปีก่อน 131 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 276 ราย มากกว่าปีก่อน 3 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,992 ราย มากกว่าปีก่อน 160 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก 15 ราย รองลงมา ได้แก่ เพชรบูรณ์ 11 ราย จังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 9 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 159 ราย รองลงมา ได้แก่ เพชรบูรณ์ 157 ราย

นายอนุชากล่าวว่า

ในวันสุดท้ายของวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ศปถ.ได้ประสานจุดตรวจ ด่านตรวจ บนถนนสายหลัก ให้เข้มงวดการตรวจจับตามมาตรการ 3 ม. 2 ข. 1 ร. และขอแนะนำให้ประชาชนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ อย่าซื้อตั๋วผีอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจมีผู้ประกอบการนำรถที่ไม่มีใบอนุญาตเดินรถ และไม่ได้รับการตรวจสอบสภาพตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ตลอดจนให้ระวังมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ ระหว่างรอการเดินทางบริเวณสถานีขนส่ง หรือสถานีรถไฟ เช่น การล้วงกระเป๋า การรับฝากของจากคนแปลกหน้า ซึ่งอาจเป็นสิ่งของที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น

ด้านนายปรีชา ชูทรัพย์ ที่ปรึกษาสำนักนโยบายและแผนการขนส่งจราจร กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า

ขอให้ประชาชนที่เดินทางด้วยรถประจำทางเมื่อเจอตั๋วผี ให้รีบแจ้งมายัง บขส.ทุกแห่ง กรมการขนส่งทางบก หรือจะเป็นกระทรวงคมนาคม ว่าทะเบียนรถนั้นเลขอะไร หรือเป็นช่องขายตั๋วช่องไหน เพราะการขายตั๋วผีมีโทษปรับใบละ 1 หมื่นบาท และอาจต้องมีการยึดรถ โดยอาศัยกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ฐานฟอกทรัพย์ ตรงนี้การซื้อตั๋วผีควรหลีกเลี่ยง เพราะการฟ้องร้องค่าเสียหายคืนจะทำได้ยาก นอกจากนี้ หากมีการตรวจพบแอลกอฮอล์ ในพนักงานขับรถ บขส. ทางหน่วยงานจะให้ออกจากการทำหน้าที่ทันที

ส่วนนายดำริ เฉลิมวงศ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า

ผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์สามารถได้รับสิทธิตาม พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 (การประกันภัยภาคบังคับ) โดยจะแบ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับสินไหมทดแทนไม่เกินรายละ 5,000 บาท พิการไม่เกินรายละ 8 หมื่นบาท และผู้เสียชีวิตรายละไม่เกิน 1 แสนบาท ทั้งนี้ค่าเสียหายส่วนเกินผู้เสียหายยังสามารถเรียกร้องได้จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้อีก ซึ่งทางหน่วยงานอัยการแต่ละจังหวัดจะเร่งประชาสัมพันธ์ในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป นอกจากนี้ หากประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย และต้องการทนายที่จะว่าความ ขอให้ไปปรึกษากับอัยการประจำจังหวัดทั่วประเทศ โดยสำนักอัยการจะว่าความให้ฟรี

ขณะที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า
 
การช่วยชีวิตประชาชนที่เจ็บป่วยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตลอดวันที่ 15 เม.ย. หน่วยแพทย์กู้ชีพได้ออกปฏิบัติการ 2,513 ครั้ง เฉลี่ยนาทีละเกือบ 2 ทีม ในจำนวนนี้ เป็นผู้บาดเจ็บเฉพาะจากอุบัติเหตุจราจร 1,026 ครั้ง ที่เหลือป่วยจากสาเหตุอื่น ได้แก่ โรคประจำตัว พลัดตกหกล้ม จมน้ำ ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายจากเหตุทะเลาะวิวาทกัน 192 ครั้ง โดยตลอดช่วง 5 วันมานี้ มีประชาชนโทร.แจ้งขอความช่วยเหลือตรงทางหมายเลข 1669 รวม 6,791 ครั้ง เฉลี่ยวันละ 1,358 สาย เพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่แล้วเกือบ 2 เท่าตัว
 

ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า
 
จากการลงพื้นที่ภาคกลางหลายจังหวัดพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มสุราแล้วขาดสติ จึงต้องแก้ไขด้วยการลดจำนวนเวลาการจำหน่ายให้น้อยที่สุดในช่วงเทศกาล โดยจะเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้เข้มงวดเรื่องการสวมใส่หมวกกันน็อกทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อนท้าย เพราะที่ผ่านมาละเลยเรื่องนี้กัน จำเป็นต้องสร้างวินัยให้ประชาชนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ จะหารือร่วมกับองค์กรเอกชนที่ขับเคลื่อนเรื่องเมาไม่ขับเพื่อร่วมสร้างกระแสให้ลดการขายสุรา แอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาล เพราะไม่อยากให้ทุกคนเสียชีวิต โดยจะจัดทำประชาพิจารณ์ถามประชาชนว่า ทางกระทรวงมหาดไทยจะรณรงค์ขับเคลื่อนเรื่องนี้ ชาวบ้านจะเอาด้วยหรือไม่ ถ้าเอาด้วยเราก็เดินต่อ โดยต้องหารือว่าจะออกมาเป็นกฎหมาย เพื่อควบคุมอย่างไร ต้องหารือภายในก่อน เพื่อรองรับในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงด้วย

“คนเป็น รมว.มหาดไทยต้องกล้าที่จะให้คนเกลียด แม้ต้องออกมาตรการควบคุมบางสิ่งบางอย่าง แม้วันนี้คนอาจไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็จำเป็นต้องผลักดันนโยบายออกมาใช้ให้ได้ โดยเฉพาะการสร้างวินัยให้คนในชาติ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

สำหรับบรรยากาศหลังจากเลิกเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ปรากฏว่าหลายแห่งมีการระดมเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาด เช็ดล้างกวาดถูพื้นถนนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแป้งและดินสอพอง ขณะเดียวกัน บางแห่งก็เพิ่งจะเริ่มเล่นสงกรานต์ เช่นที่ จ.นครปฐม ซึ่งมีการปิดถนนราชดำเนิน หรือถนนต้นสน ตั้งแต่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ไปจนถึงพระราชวังสนามจันทร์ ให้คนเข้าไปเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน
 

นอกจากนี้ เมื่อช่วงสายวันเดียวกัน พ.ต.ท.พิทักษ์ อดิศักดิ์ สว.สภ.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เปิดเผยกรณีข่าวระบุว่า
 
น.ส.ชิดชนก ช่างยา ถูกกลุ่มวัยรุ่นชายจับโยนลงคลองชลประทาน ใน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จนจมน้ำเสียชีวิตว่า เหตุดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะหลังจากเรียกพยานผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์มาสอบสวน ประกอบด้วย นางรสรินทร์ บุญมา น้าสาวของสามีผู้ตาย นายบุญลือ รอดประเสริฐ สามีของผู้ตาย และนางรัชนี ปั้นสุวรรณ์ พี่สาวผู้ตาย นายรัตติกร กรัดคร้าม และนายขวัญใจ สุขประโยชน์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มพยานต่างให้การยืนยันตรงกันว่าในช่วงที่เกิดเหตุ

ขณะที่ น.ส.ชิดชนก พร้อมเพื่อนเล่นสาดน้ำกันอยู่ริมถนน โดยมีรถปิกอัพขับมาจอด และมีกลุ่มวัยรุ่นลงมาสาดน้ำและประแป้งเล่นกันโดยไม่มีเหตุการณ์อะไร หลังจากที่คนในรถปิกอัพขับจากไปแล้ว น.ส.ชิดชนกเกิดอาการจุกแน่นท้อง มีอาการเกร็งตัวจนตัวงอล้มลงกับพื้น ตาเหลือก ญาติและเพื่อนจึงโบกรถให้ช่วยพาส่ง รพ.วิเศษชัยชาญ โดยมีพยานทั้งหมดนั่งมาด้วย ซึ่งพยานทั้งหมดยืนยันว่าไม่มีผู้ใดจับผู้ตายโยนลงน้ำหรือเข้ามาลวนลาม หยอกล้อเล่น รวมทั้งญาติและสามีของผู้ตายก็ไม่ติดใจสาเหตุการตาย เพราะเชื่อว่าผู้ตายมีอาการป่วยกำเริบจนหัวใจวายตายเอง แต่เชื่อว่าทางผู้สื่อข่าวอาจจะเข้าใจผิด เนื่องจากที่ถนนข้าวสุก ซึ่งอยู่ต่อเนื่องกันมีการจับคนโยนลงน้ำ จึงกลายเป็นข่าวครึกโครมดังกล่าว

จากนั้นในช่วงเย็น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดนางชำ ม.2 ต.คลองขนาก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง สถานที่ตั้งศพของ น.ส.ชิดชนก พบว่า

ญาติได้ทำพิธีรดน้ำศพ ก่อนตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด และนายบุญลือ รอดประเสริฐ อายุ 28 ปี สามีของผู้ตาย เปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า ในวันเกิดเหตุตนอนุญาตให้ผู้ตายพาลูกวัย 3 ขวบไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่บ้านญาติและระหว่างที่เล่นน้ำอยู่บนถนนที่เกิดเหตุ อาการป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษเกิดกำเริบขึ้น สาเหตุอาจจะเป็นเพราะเล่นน้ำมาตั้งแต่เวลาเที่ยงตลอดถึงเย็น จึงทำให้ภรรยาเป็นลมหมดสติวูบไป ญาติและเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบหามส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ แต่แพทย์บอกว่าภรรยาเสียชีวิตมาก่อนแล้ว ส่วนข่าวที่คลาดเคลื่อนไปว่า เมียตนถูกกลุ่มวัยรุ่นจับโยนลงไปในคลองจนเสียชีวิตนั้น คาดว่าน่าจะเป็นเพราะระหว่างที่ถูกนำส่ง รพ.นั้น ทราบว่ามีคนถูกจับโยนน้ำ ได้รับบาดเจ็บมาเช่นกัน แต่ไม่ได้เสียชีวิต รวมทั้งยังมีคนถูกทำร้าย และประสบอุบัติเหตุอีกหลายราย จนชุลมุนไปหมด จึงทำให้นักข่าวเข้าใจผิดไป ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว สำหรับศพของภรรยานั้น จะตั้งสวดพระอภิธรรม 3 คืน และจึงทำการฌาปนกิจต่อไป

ส่วนกรณีมีคนร้องเรียนถึงการแต่งกายไม่เหมาะสมของ 4 นักร้องสาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่
 
ที่นุ่งสั้น โชว์ท่าเต้นยั่วยวนบนเวทีคอนเสิร์ตในถนนข้าวสาร เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งที่เพิ่งแต่งชุดไทย ร่วมแถลงข่าวรณรงค์ ประเพณีสงกรานต์ของกระทรวงวัฒนธรรมไปหมาดๆ ซึ่งในเรื่องนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ชี้แจงว่าในการแถลงข่าวรณรงค์ประเพณีสงกรานต์นั้น นักร้องสาวทั้ง 4 คน ไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์วันสงกรานต์ แต่อย่างใด เพียงแต่บริษัทอาร์เอส ต้นสังกัดของสี่สาว ขอให้ทั้งสี่คนมาร่วมงานด้วยเท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงก็แจ้งกลับไปว่าไม่ขัดข้อง แต่หากจะมาร่วมงานกรุณาแต่งชุดไทยแบบสุภาพมา เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทางกระทรวงก็ขอเรียกร้องให้บริษัทอาร์เอสออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วย รวมถึงอยากให้ตัวนักร้องเองรู้จักกาลเทศะ เพราะถือเป็นบุคคลสาธารณะ ที่จะต้องมีประชาชนตรวจสอบอยู่แล้ว และจะประสานให้มีการแถลงข่าวในวันที่ 17 เม.ย.นี้

ส่วนบรรยากาศคนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตลอดวันที่ 16 เม.ย.นั้น ปรากฏว่า

ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และขนส่งสายใต้ใหม่ รวมถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง มีผู้คนเดินทางมาถึงอย่างหนาตาตั้งแต่เช้ามืด โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าคนส่วนใหญ่นอกจากสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าพะรุงพะรังแล้ว ยังแบกข้าวสารอาหารแห้งติดมือกลับมาไว้บริโภคด้วย เนื่องจากขณะนี้ข้าวสารมีราคาแพง

จากนั้นในช่วงค่ำเป็นต้นมา สภาพการจราจรในถนนสายหลักที่มุ่งหน้าเข้าสู่ กทม.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน ถนนตลิ่งชัน สุพรรณบุรี และถนนเพชรเกษม ก็เริ่มหนาแน่นไปด้วยรถยนต์นานาชนิด เนื่องจากทุกคนต่างมีจุดประสงค์เดียวกันคือ หวังเดินทางกลับมาให้ทันวันเปิดทำงานตามปกติในวันที่ 17 เม.ย. ขณะเดียวกัน การจราจรบริเวณรอบสถานีขนส่งหมอชิต 2 ก็มีปัญหาติดขัด เนื่องจากมีรถแท็กซี่นับร้อยคันมาจอดรับผู้โดยสาร ซึ่งแม้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกยืนยันว่า มีรถแท็กซี่เพียงพอให้บริการ แต่ก็ยังพบปัญหาเมื่อแท็กซี่บางคันไม่ยอมรับผู้โดยสาร หากต้องการเดินทางระยะสั้นๆ