คดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวเกาะเต่า รอ การพิสูจน์

คดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวเกาะเต่า รอ การพิสูจน์

กว่าสองสัปดาห์แล้ว คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนชายหาดเกาะเต่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้  ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีได้มีการตรวจสอบดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม รวมทั้งสอบปากคำผู้ที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ

ความคืบหน้าทางด้านคดี พล.ต.ท. ปัญญา มาเม่น เปิดเผยว่า ล่าสุดได้มีการสอบปากคำและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน หลังทราบเบาะแสว่าทั้ง 2 คน ได้เดินทางออกจากเกาะเต่าหลังเกิดเหตุ แต่จากการสอบปากคำไม่พบพิรุธแต่อย่างใด จึงปล่อยตัวไปชั่วคราว อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการสอบปากคำพยานบุคคลแวดล้อมไปกว่า 20 ปาก ทำให้ เราสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์เข้ากับวัตถุพยานที่มีอยู่ โดยเป็นประโยชน์ต่อการติดตามเป้าหมาย ทำให้ตอนนี้เรามั่นใจว่ามีโอกาสเจอตัวคนร้ายสูงมาก โดยตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 3 คน โดย 2 ใน 3 เป็นผู้ลงมือข่มขืนและฆ่า ส่วนอีกคนรู้เห็นและอยู่ในเหตุการณ์ ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 200 ตัว รวมทั้งบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ หรือมีการเข้า-ออกเกาะ พร้อมยืนยันว่า ตำรวจมาถูกทางแล้ว ซึ่งจากเก็บพยานหลักฐาน เชื่อว่าแน่นหนาพอที่จะชี้ตัวคนร้าย แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่มีมากกว่า 2 คน ให้ช่วยเข้าให้ข้อมูล ขณะเดียวกัน มีการตั้งทีมขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อรับฟังข้อมูลจากหลายด้าน

พล.ต.ท. ปัญญา ระบุต่อว่า ตนไม่หนักใจเกี่ยวกับคดี เพราะเรารู้ดีว่าคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่ปัญหาคือเราต้องทำตามหลักนิติวิทยา ศาสตร์ และหลักการสืบสวนเพราะปัจจุบันสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญระดับสากล ยิ่งกลุ่มผู้ต้องสงสัยอาจเป็นชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศเราด้วย ยิ่งต้องมีการระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนี้ความก้าวหน้าทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการทำงาน ล่าสุดได้แต่งตั้งชุดรองรับตรวจสอบประเด็นข่าวลือและการแจ้งเบาะแส ทุกประเด็นต้องเคลียร์ทันทีเมื่อได้รับข้อมูล ขณะที่ชาวเกาะเต่ายังคงรอความหวังในการคลี่คลายคดี


พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ก็ยังคงเดินหน้าแกะรอยบ้านพักคนงานแรงงานข้ามชาติในเกาะเต่า โดยเฉพาะแรงงานพม่า จำนวน 20 ห้อง แรงงานพม่า 50 คน ที่อยู่ในรัศมี 600 เมตร ช่วงระหว่างเวลา 02.00 น.-04.00 น.ของวันที่ 15 ก.ย.57 ซึ่งเป็นเวลาที่เชื่อมโยงกับเวลาเกิดเหตุและปรากฏในภาพวงจรปิด พร้อมเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอไปตรวจสอบ ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงค้นหาเบาะแสชายที่ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขา 5 ส่วนวิ่งไปมาดังที่มีภาพปรากฏในช่วงเวลา 03.44 น. - 04.48 น. ของวันเกิดเหตุ ลักษณะคล้ายกับมีอาการตระหนกตกใจกับเหตุการณ์อะไรซักอย่าง และชายคนนี้ก็หายตัวไปจากเกาะเต่ายังตามหาตัวไม่พบ โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะต้องเชื่อมโยงหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าภาพวงจรปิดบางช่วงบางตอนจะไม่ค่อยชัดก็ตาม แต่เมื่อตรวจสอบกับผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในเกาะเต่าไม่มีสิ่งบ่งบอกว่าเชื่อมโยง จึงได้ปล่อยตัวไปเพียงแต่เก็บดีเอ็นเอ.ไว้เพียง 20 คน และคัดกรองเหลือ 7 คน พร้อมระงับออกจากเกาะเต่าในช่วงนี้


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเปิดเผยภายหลังเรียกผู้เกี่ยวข้องในคดีฆาตรกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้ารายงานความคืบหน้าว่า พอใจการทำงานของตำรวจที่พยายามหาพยานหลักฐานต่างๆ อย่างเต็มที่ จึงไม่จำเป็นต้องสั่งการเพิ่มเติม และมั่นใจ ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้และไม่มีมาเฟียในพื้นที่ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ เพราะต่างชาติกำลังจับตาและโจมตีการทำงานของตำรวจ

ขณะที่ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สัญญาบัตร 10 ระบุว่า การตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยของตำรวจในขณะนี้ ไม่ใช่การเหวี่ยงแห แต่หากพบมีจุดน่าสงสัย ก็จำเป็นจะต้องเก็บหลักฐานให้รอบด้าน ซึ่งดีเอ็นเอเป็นเพียงหลักฐานส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดถึงตัวคนร้าย เพราะต้องนำไปประกอบกับหลักฐานอื่น ๆ ด้วย และเชื่อว่า หลักฐานที่มีขณะนี้ จะสามารถพิสูจน์ตัวคนร้ายได้ ประเด็นในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก็คือการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งดีเอ็นเอที่ทำการตรวจสอบมีด้วยกันอยู่2ส่วน ที่เป็นพื้นฐานของการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งส่วนแรกก็คือคราบอสุจิ ที่พบในช่องคลอด กับทวารหนัก  และส่วนที่ 2 ก็คือบุหรี่ที่พบในที่เกิดเหตุ ผลการตรวจชันสูตรศพนายเดวิด วิลเลียม และ น.ส.ฮันนา วิคตอเรีย ในวันเกิดเหตุ โดยทางด้าน พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.ฮันนา พบบาดแผลที่ศีรษะ มีรองร่อยการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเสียชีวิต พบอสุจิทั้งในช่องคลอดและทวารหนัก แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าเป็นของใครบ้าง ส่วนนายเดวิดเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายที่ศีรษะและจมน้ำ เนื่องจากพบน้ำในปอด ไม่พบร่องรอยว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งต่อจากนี้จะต้องตรวจดีเอ็นเอ อสุจิที่พบทั้งหมดอย่างละเอียด ว่าเป็นดีเอ็นเอแบบไหน ชนิดใด มีการเจือปนของอสุจิของบุคคลมากกว่า 1 คนหรือไม่ จากนั้นจะนำผลตรวจทั้งหมดเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีกครั้ง นอกจากนี้จากการตรวจพบเส้นขน 1 เส้นในมือซ้ายของผู้หญิง ยังไม่สามารถชี้ได้ว่าเป็นผมหรือขนส่วนใด ที่สำคัญต้องนำเส้นขนชิ้นนี้ไปตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบหาเจ้าของ ขณะที่จากการตรวจศพฝ่ายชาย พบร่องรอยบาดแผลที่หลังมือทั้ง 2 ข้าง คาดว่ามีการต่อสู้ ชกต่อยกัน ส่วนศพฝ่ายหญิงยังไม่มีอะไรบ่งชี้ได้ว่ามีการต่อสู้ นอกจากนี้ที่ศพนายเดวิดมีรอยครูดเป็นทางที่ด้านหลัง ขณะเดียวกันกลุ่มงานตรวจชีววิทยาและดีเอ็นเอ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ดำเนินการสกัดหาดีเอ็นเอจากเส้นขนที่พบในมือของเหยื่อสาว แต่ปรากฏว่าไม่สามารถสกัดดีเอ็นเอได้ เนื่องจากเซลล์บริเวณรากขนเสื่อมสภาพ ทำให้ตำรวจต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากวัตถุพยานชิ้นอื่น ต่อมาจากการตรวจสอบเชื้ออสุจิที่พบในช่องคลอดและทวารของหญิงสาวที่เสียชีวิต พบดีเอ็นเอลักษณะผสม ซึ่งน่าจะเป็นของคน 2 คน ขณะเดียวกันจากการตรวจดีเอ็นเอ ที่พบในก้นบุหรี่ 3 มวน ที่ตกอยู่ห่างจากจุดที่พบศพ 50 เมตร พบว่า มวนแรกยี่ห้อมาร์ลโบโร มีรอยลิปสติกสีแดงติดอยู่ มวนที่สองพบดีเอ็นเอผสมของคน 2 คน และมวนที่สามพบดีเอ็นเอของชายอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนละคนกับที่พบในมวนที่ 2 ทั้งนี้ จากการตรวจเปรียบเทียบพบว่า ดีเอ็นเอในบุหรี่มวนที่สอง ไม่ขัดแย้งกับดีเอ็นเอที่พบในอสุจิทั้ง 2 คน แต่จะยืนยันได้ว่า ดีเอ็นเอในตัวอสุจิกับมวนบุหรี่ เป็นคนเดียวกันหรือไม่ ต้องนำดีเอ็นเอของบุคคลนั้นมาตรวจเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจเปรียบเทียบกับ ดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดกับนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิต ยังคงไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัยรายใดเพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของดีเอ็นเอ เราจะไปทำความเข้าใจกัน ว่าคำว่าดีเอ็นเอคืออะไร DNA ย่อมาจาก Deoxyribo Nucleic Acid (ดีออกซิไรโบ นิวคลีอิค เอซิด) เป็นสารพันธุกรรมในนิวเคลียส ที่เรียงตัวในลักษณะเกลียวคู่อย่างมีระเบียบ คล้ายบันไดวนบิดตัวไปทางขวา ขาของราวบันไดแต่ละข้างคือการเรียงตัวของนิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า DNA จะทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ รวมทั้งมนุษย์อย่างเรา ๆ ด้วย ผ่านการบรรจุข้อมูลทางพันธุกรรม และถ่ายทอดข้อมูลไปยังลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป (Offspring) และสำหรับมนุษย์แล้ว DNA เปรียบเหมือนประวัติส่วนบุคคลที่ถูกกำหนดขึ้นมาตายตัว นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เราปฎิสนธิขึ้นในครรภ์มารดา เพราะ DNA ในแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากจะได้รับลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพ่อแม่อย่างละครึ่ง แล้วมารวมกันเป็น DNA เฉพาะตัวของลูกนั่นเอง แต่ก็ยังมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนพ่อแม่ปรากฎให้เห็นอยู่ เช่นนั้นแล้ว แม้จะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่รับรองว่า DNA ของพี่น้องไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ส่งผลให้มีรูปลักษณ์ หน้าตา สติปัญญา แตกต่างกันไป ยกเว้นแต่เป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ประโยชน์จาก DNA ในแวดวงต่าง ๆ หลายด้าน   เช่น  ด้านการแพทย์จะใช้ DNA ตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด โดยการนำเนื้อเยื่อหรือเลือดจากบุคคลมาสร้างเป็นลายพิมพ์ DNA แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน อย่างที่ทราบกันว่า DNA ของลูกจะได้มาจากพ่อแม่อย่างละครึ่ง ดังนั้นลายพิมพ์ DNA ของลูกจะต้องประกอบด้วยแถบ DNA ที่มาจากพ่อแม่เท่านั้น

ด้านนิติวิทยาศาสตร์ ถือว่า DNA มีประโยชน์อย่างมากในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพราะธรรมชาติของ DNA ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล จึงทำให้สามารถใช้ DNA มาระบุตัวบุคคล ตรวจสอบผู้กระทำ ผู้ต้องสงสัย ผู้เสียชีวิตที่ไม่ทราบชื่อ โดยนำเซลล์ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายมาใช้พิสูจน์ก็ได้ เพราะจะมี DNA รูปแบบเดียวกันทั้งร่างกาย เช่น คราบอสุจิ เส้นผม คราบเลือด ชิ้นเนื้อ ฟัน เป็นต้น และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในกระบวนการตรวจสอบดีเอ็นเอของไทยนะครับ เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาว่ากระบวนการในการตรวจสอบนั้นยังล้าหลังมากในเรื่องของความชัดเจน เรื่องนี้จะจริงเท็จหรือไม่ เราได้มีโอกาสในการสัมภาษณ์กับทาง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำหรับคดีฆ่ากรรม 2 นักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า ก็ยังคงต้องลุ้นและติดตามกันต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถนำตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้หรือไม่


ขอบคุณข่าวจาก TNEWS

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์