ข่มขวัญหมอตุลย์ แขวนระเบิดกระจกรถ

ขอบคุณภาพจากเดลินิวส์ขอบคุณภาพจากเดลินิวส์

ผงะมือมืดบุกลานจอดรถโรงพยาบาลจุฬาฯ แขวนระเบิดสังหารชนิด เอ็มเคทู กระจกมองข้างรถ "หมอตุลย์ สิทธิสมวงษ์" แกนนำเสื้อหลากสี

วันนี้ (27 ส.ค.) ร.ต.อ.หญิงคนึงนุช ทศไพรินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยภายในโรงพยาบาลจุฬาฯ ถนนพระรามที่ 4 แขวงและเขตปทุมวัน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.สรกานต์ ดำกระบี่ สว.สส. และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ บก.สปพ.บช.น. ที่เกิดเหตุอยู่บนลานจอดรถชั้น 4 เอ ล็อค 23 ของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พบถุงกระดาษยี่ห้อบิวตี้ฮอลล์ 1 ใบ ตกอยู่ที่พื้นลานจอดรถ ตรวจสอบภายในพบระเบิดสังหารชนิด เอ็มเคทู (น้อยหน่า) สภาพพร้อมใช้งาน 1 ลูก มีสายไฟต่อระโยงรยางค์กับถ่านไฟฉายขนาดกลาง เอเวอร์เรดี้ 2 ก้อน บรรจุไว้ในกระบอกกระดาษทรงกลมสีน้ำตาล 1 อัน จึงทำการเก็บกู้ ก่อนนำไปตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงต่อไป
 

จากการสอบสวน นายสมพิศ ลีจาด รปภ.ของโรงพยาบาลให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์

ได้ขับรถเก๋งส่วนตัวลงมาจากลานจอดรถของโรงพยาบาล ก่อนจะแจ้งว่ามีคนนำระเบิดปลอมใส่ถุงมาแขวนไว้ที่กระจกมองข้างรถฝั่งคนขับแต่ได้โยนทิ้งไปแล้ว พร้อมทั้งให้ขึ้นไปตรวจสอบจึงเดินขึ้นไปตรวจสอบที่ลานจอดรถชั้นที่ 4 ก็พบถุงใบดังกล่าวตกอยู่ที่พื้น และมีถ่านกระเด็นออกมาจึงเข้าไปตรวจดูใกล้ๆ ก็พบระเบิดกับถ่ายไฟฉาย จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดพร้อมใช้แต่ต่อวงจรไม่ครบถ้วน


ต่อมาเวลา 20.30 น.นพ.ตุลย์ เดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.(หญิง) คนึงนุช อีกครั้ง

โดยมี พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.เทียนชัย พ.ต.ท.พนม ร่วมทำการสอบปากคำ โดยเบื้องต้น นพ.ตุลย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 15.30 น.กำลังจะขับรถไปรับลูก แต่เมื่อเดินมาถึงที่จอดรถก็พบถุงใบดังกล่าวแขวนอยู่ที่กระจกมองข้างฝั่งคนขับ เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าเป็นระเบิดบรรจุอยู่ในกระบอกทรงกลม แต่ไม่น่าจะใช่ระเบิดของจริง เพราะดูเหมือนสายไฟจะต่อวงจรไม่สมบูรณ์จึงโยนทิ้งไป ก่อนจะขับรถลงมาแจ้งให้รปภ.ทราบ ทั้งนี้โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้กังวลหรือเกรงกลัวอะไร และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีใครข่มขู่ลักษณะนี้มาก่อน และหลังจากเจอระเบิดแล้วก็ไม่มีใครโทรมาข่มขู่ด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีนี้ได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วก็ไม่อยากเป็นข่าวมากนัก.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์