ก่อวินาศกรรม 7 จุด จยย.บึม! ป่วนทั่วหาดใหญ่

"วินาศกรรม 7 จุด ป่วนหาดใหญ่"



เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 27 พ.ค. ขณะที่กำลังทหารชุด ร. 5032 ฉก.12 สังกัด ร.5 พัน.1 ค่ายเสนาณรงค์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งฐานอยู่ที่เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา

รวม 8 นาย เดินเท้าลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยตามเส้นทางสายเขื่อนบางลาง-บ้านกาโสด มาถึงบ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา

มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ในป่าทึบริมทาง

ใช้อาวุธสงครามนานาชนิดระดมยิงเข้าใส่อย่างดุเดือด จ.ส.อ.เสริม บัวน้อย หัวหน้าชุดลาดตระเวนสั่งกระจายกำลังเข้าหาที่กำบังยิงตอบโต้กับคนร้ายนานประมาณ 10 นาที ฝ่ายคนร้ายจึงยอมล่าถอยหนีหายเข้าไปในป่าข้างทาง

ขณะที่ฝ่ายทหารได้รับบาดเจ็บรวม 5 นาย มี

- จ.ส.อ.เสริม บัวน้อย หน.ชุด อายุ 48 ปี
- ส.อ.โพธิ รอดประดิษฐ์ อายุ 45 ปี
- ส.ท.สิทธิชัย ฐานกระโทก อายุ 24 ปี
- ส.ท.อิทธิพล ธรรมศร อายุ 24 ปี
- พลทหารรุสลิม แวนาแว อายุ 21 ปี

หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.เดชาวุธ เจ๊ะเต๊ะ รอง ผกก. ป.สภ.อ.บันนังสตา

รีบนำกำลังรุดไปสนับสนุน พบร่องรอยฝ่ายคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บหลายคนเช่นกัน มีรอยหยดเลือดเป็นทางยาวหลายแห่ง เก็บปลอกกระสุนปืนอาก้า เอ็ม 16 และปืนลูกซองได้เกือบ 100 ปลอก ส่วนทหารที่บาดเจ็บทั้ง 5 นาย

ได้วิทยุประสานขอเฮลิคอปเตอร์มาช่วยลำเลียงส่ง รพ.ศูนย์ยะลา

ปรากฏว่า ส.ท.สิทธิชัย ฐานกระโทก ซึ่งมีอาการสาหัสทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา คาดเป็นฝีมือโจรกลุ่มเดียวกับที่เคยถล่มยิงผู้ใหญ่บ้านจนเสียชีวิตและยังยิงถล่มชาวบ้านที่มาร่วมงานศพเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา



อีกรายเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 พ.ค.

ร.ต.ต. สมชาย หัดขะเข ร้อยเวร สภ.อ.รามัน จ.ยะลา พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา เดินทางไปตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านจำปูน หมู่ 6 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน

ลอบเข้ามาวางเพลิงจุดไฟเผาอาคารเรียนชั้นเดียวขนาด 3 ห้องเรียน

วอดหมดทั้งหลัง โดยฉวยโอกาสช่วงที่ชาวบ้านและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ทำหน้าที่คุ้มกันโรงเรียนออกไปทำละหมาดที่มัสยิดเมื่อช่วงสี่ทุ่ม คืนวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าห้ามไม่ ให้ชาวบ้านเข้าไปช่วยดับไฟก่อนจะล่าถอยไปด้วย

ที่ จ.นราธิวาส ช่วงสามทุ่มคืนวันที่ 26 พ.ค.

พ.ต.อ.สราวุฒิ เนตรสว่าง ผกก.สภ.อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พร้อมกำลังตำรวจและทหารรุดไปตรวจสอบเหตุคนร้ายบุกปล้นอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดของนายนาวาวี ซาและ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านกะดี ต.เชิงคีรี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 บ้านกะดี หมู่ 1 ต.เชิงคิรี อ.ศรีสาคร

ตรวจสอบภายในบ้านพบบริเวณประตูหลังบ้าน

มีร่องรอยถูกคนร้ายถีบจนประตูพังและบานพับบิดงอ ข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น คนร้ายได้ปล้นอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนในรังเพลิงอีก 8 นัดหลบหนีไป สอบสวนทราบว่า

ก่อนเกิดเหตุนายนาวาวีออกจากบ้านไปละหมาด

มีนางแมะ สาและ อายุ 48 ปี ภรรยาอยู่บ้านเพียงลำพัง ปรากฏว่ามีคนร้าย 3 คนแต่งกายชุดดำสวมหมวกไหมพรมอำพรางใบหน้า ถือปืนอาก้า ปืนเอ็ม 16 และปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดอย่างละ 1 กระบอก บุกเข้ามาปล้นอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกก่อนจะหลบหนีไป



ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 27 พ.ค. ร.ต.ต.ครรชิตพล กึนอ

ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงบาดเจ็บข้างบ้านเลขที่ 2 หมู่ 7 บ้านสะโลบูกิ๊ตยือแร ต.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.รุดไปตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณขนำ หรือเพิงรับซื้อเศษยางพารา

มีเพียงกองเลือดกองใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.รือเสาะ ทราบชื่อนายสันติ แวหะมะ อายุ 18 ปี เป็นลูกชายเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 ที่สะโพกขวา 1 นัด อาการสาหัสต้องส่งต่อไปยัง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้บาดเจ็บกำลังชั่งเศษยางพาราอยู่ในขนำ

หรือเพิงข้างบ้าน ได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.มาจอดหน้าบ้าน คนซ้อนท้ายเดินลงจากรถชักปืน .38 ตรงเข้าไปหานายปะดอ แวหะมะ พ่อของนายสันติที่นั่งอยู่ในบ้าน นายสันติจึงวิ่งไปชนคนร้ายจนตัวเองล้มลงและตะโกนให้นายปะดอรีบหลบไปหลังบ้าน คนร้ายจึงจ่อยิงนายสันติแทน ก่อนจะหลบหนีไป ส่วนสาเหตุคาดเป็นการสร้างสถานการณ์รายวัน

ถัดมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์

ผกก.สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ.จ.นราธิวาส นำชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เหยี่ยวดง รุดไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยที่คนร้ายแอบเจาะพื้นฝังไว้ใต้พื้นถนนในหมู่บ้านกาโดะ หมู่ 4 ต.รือเสาะออก ปรากฏว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 15 กก. บรรจุอยู่ในถังดับเพลิง

คาดว่าคนร้ายเตรียมไว้ก่อเหตุดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร

ที่ใช้เส้นทางสายดังกล่าวในการ รปภ.ครูและนักเรียนในวันที่ 28 พ.ค.นี้ แต่โชคดีที่ชาวบ้านมาพบเห็นผิดสังเกตเสียก่อนแจ้งตำรวจมาเก็บกู้ไว้ได้ทัน



ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 27 พ.ค.

พ.ต.อ.สมจิตร นาสมยนต์ ผกก.สภ.อ.เมืองปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงบริเวณพื้นที่หมู่ 3 ต.ตะลุโบะ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถบัสหกล้อรับ-ส่งนักเรียนโรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน ทะเบียน 40-0134 ปัตตานี

จอดอยู่ริมถนน มีรูกระสุนที่กระจกและประตูด้านคนขับจำนวน 7 รู

ภายในที่นั่งมีรอยเลือดจำนวนมากทั้งเบาะคนขับและที่นั่งด้านข้างคนขับ ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.ปัตตานี ทราบชื่อนายแวอับดุลรอมัน สามะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/6 ม.3 ต.ตะลุโบะ และเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่เดียวกัน

ถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าที่ชายโครงขวาและหน้าอกจำนวน 2 นัด

และ ด.ช.แวมูฮำหมัดอัรฟาน สามะ อายุ 7 ขวบลูกชาย ถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัด ทั้งคู่มีอาการสาหัส ต้องส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ศูนย์ยะลา ในที่เกิดเหตุพบปลอก กระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 7 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนทราบว่า ขณะที่นายแวอับดุลรอมันขับรถออกจากบ้าน

เพื่อจะไปรับนักเรียนที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน มีลูกชาย 3 คน นั่งในรถมาด้วย โดย ด.ช.แวมูฮำหมัดอัรฟานที่บาดเจ็บนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ ส่วนน้องชายอีก 2 คน นั่งอยู่เบาะหลัง

ถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขี่ รถจยย.ไม่ติดป้ายทะเบียน

แซงประกบพร้อมทั้งเปิดฉากยิงเข้าใส่ทันที ถูก ด.ช.แวมูฮำหมัดอัรฟาน กับนายแวอับดุลรอมันบาดเจ็บ แต่นายแวอับดุลรอมันยังแข็งใจขับรถหนีไปได้ประมาณ 300 เมตร จึงหมดแรงฟุบคาพวงมาลัย ชาวบ้านผ่านมาประสบเหตุช่วยนำส่ง รพ. ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นฝีมือโจรสร้างสถานการณ์รายวัน



ที่ จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน

พ.อ.ไชยชัยยันห์ โสธรชัย ผบ.ฉก.กรม ทพ.ที่ 12 กกล. บูรพา พร้อมกำลัง คุมตัวชาวเขมรมุสลิม 7 คน เป็นชาย 1 คน หญิงอีก 6 คน มาสอบสวนหลังเดินทางข้ามด่านชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว

เข้ามาโดยแจ้งว่าจะเดินทางไป จ.ปัตตานี

มีนายฮวน ฮ๊วด อายุ 31 ปี บ้านอยู่ จ.ไปรเวง ประเทศกัมพูชา เป็นหัวหน้ากลุ่ม โดยทุกคนมีพาสปอร์ตใหม่เอี่ยมเพิ่งใช้เป็นครั้งแรก และขอวีซ่าเข้าประเทศมาอย่างถูกต้อง สอบถามนายฮวน ฮ๊วด ที่พูดและฟังภาษาไทยได้

ระบุว่า เดินทางเข้าออกประเทศ ไทย-กัมพูชา

มา 3-4 ครั้งแล้ว ทุกครั้งจะเปลี่ยนชื่อสกุลและพาสปอร์ตใหม่ โดยมีคนจัดทำให้เสร็จสรรพ ซึ่งชาวเขมรมุสลิมที่เดินทางไปทำงานในชายแดนภาคใต้ของไทยหรือประเทศมาเลเซียจะทำกันอย่างนี้ทุกคน

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่ามีชาวเขมรมุสลิม

ลักลอบไปทำงานอยู่ในพื้นที่จ.ปัตตานีมากกว่า 2 หมื่นคน ส่วนจังหวัดนราธิวาสและ ยะลาก็มีจังหวัดละนับหมื่นคนเช่นกัน ส่วนใหญ่จะไปทำงานรับจ้างและทำงานสวนยางพารา แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มโจร 3 จังหวัดภาคใต้ หลังสอบปากคำทำประวัติเสร็จสิ้นก็ปล่อยตัวให้เดินทางต่อไป

เวลาไล่เลี่ยกันได้มีชาวเขมรมุสลิมอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 10 คน

เป็นชาย 5 คน หญิง 5 คน เดินทางข้ามมาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่ทหารจึงขอตรวจสอบและตรวจค้น พบว่าชาวเขมรมุสลิมทั้ง 10 คน ถือพาสปอร์ตใหม่เอี่ยมเพิ่งเข้ามาครั้งแรก ทุกคน แจ้งว่าเป็นชาว จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา จะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ชายแดนประเทศมาเลเซีย



แต่เมื่อ จนท. ตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของนายเลาะ อัดมัทโตเฮต

อายุ 24 ปี พบสมุดบันทึกน่าสงสัย เป็นรายละเอียดของแผงวงจรไฟฟ้าและมีภาพแสดงการต่อวงจรไฟฟ้าเป็นภาษาเขมรด้วย นอกจากนี้ ยังพบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถืออีก 4 อัน บรรจุในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในช่องข้างกระเป๋า โดยนายเลาะ

อ้างว่าเป็นช่างซ่อมวิทยุโทรทัศน์ ส่วนซิมโทรศัพท์มือถือ

เพื่อนชาวเขมรที่ จ.พระตะบอง ฝากไปให้เพื่อนที่ประเทศมาเลเซีย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ ยึดซิมการ์ดฯไว้ ถ่ายภาพทำประวัติและถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางก่อนอนุญาตให้เดินทางต่อไปได้เช่นกัน

ด้านนายสงวน อินทรรักษ์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส

และเลขาธิการสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีครูไทยพุทธทำเรื่องขอย้ายออกจากพื้นที่รวม 30 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ สำหรับพื้นที่ จ.นราธิวาส

ทางเจ้าหน้ามีการแจ้งเตือนมายังสมาพันธ์ฯ

ให้ครูในทุกพื้นที่เพิ่มความระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบมีการขยายวงก่อเหตุมากขึ้นใน 4 อำเภอ คือ อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง ทางสมาพันธ์ฯ ได้แจ้งเตือนไปยังครูและสำนักงานเขตพื้นที่แล้ว

สำหรับการเรียนการสอนของโรงเรียนในพื้นที่เขตอำเภอรือเสาะนั้น

นายสงวนกล่าวว่า จะมีบางแห่งหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว เพื่อวางมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงใหม่อีกครั้ง หลังจากที่มีโรงเรียนหลายแห่งถูกลอบเผาเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา



ล่าสุดเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิด

ตามจุดต่างๆทั่วเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 27 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นพร้อมกันๆถึง 7 แห่ง คือ

- 1. บริเวณหน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าโกฉ้อน ปากทางเข้าชุมชนเซี่ยงตึ้ง คนร้ายนำระเบิดซุกซ่อนไว้ในรถ จยย. ก่อนนำมาจอดทิ้งไว้ แรงระเบิดทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คน

- 2. หน้าร้านขายยา หมอยาเภสัช หน้าตลาดโต้รุ่งวัดฉื่อฉาง ถนนศุภสารรังสรรค์ คนร้ายนำระเบิดหนักประมาณ 5 กก. ซ่อนไว้ในถังขยะ มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย

- 3. บริเวณข้างศาลพระพรหม ในลานจอดรถหน้าห้างบิ๊กซีสรรพสินค้า สาขาหาดใหญ่ หมู่ 1 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ ไม่มีคนเจ็บ

- 4. ลานจอดรถหน้าโรงแรมหาดใหญ่การ์เด้นท์โฮม ย่านซีกิมหยง ไม่มีคนเจ็บเช่นกัน

- 5. บริเวณร้านบ้านนายหนังซึ่งเป็นผับแนวเพลงเพื่อชีวิต ถนนธรรมนูญวิถี มีผู้บาดเจ็บ 1 คน

- 6. หน้าร้านหมูกระทะ ชลดา ถนนเพชรเกษม ไม่มีคน รวมยอดผู้บาดเจ็บทั้งหมด 6 คน นำส่ง รพ.หาดใหญ่ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 ราย เป็นหญิงยังไม่ทราบชื่อถูกระเบิดที่หน้าท้อง ขณะยืนอยู่หน้าร้านขายยาหมอยาเภสัช

หลังเกิดเหตุทาง พล.ต.ท.เจตนากร นภีตะภัฏ ผบช.ภ.9

ได้สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ. หาดใหญ่และทหารเข้าไปตรวจสอบตามจุดเกิดเหตุทั้งหมด โดยมี

- พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา
- พ.ต.อ.วีระสิทธิ์ เพชรคล้าย รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา

เข้าไปควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

พร้อมทั้งประสานกับทางผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกระบบ

ตัดสัญญาณเป็นการชั่วคราว รวมทั้งขอรถดับเพลิงของเทศบาลนครหาดใหญ่เข้าไปฉีดน้ำบริเวณจุดเกิดเหตุและพื้นที่โดยรอบเพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะมีระเบิดลูกอื่นหลงเหลืออยู่ด้วย ขณะเดียวกันก็สั่งตั้งด่านตรวจค้นยานพาหนะทุกชนิดอย่างเข้มงวด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นครั้งนี้

ทุกจุดถือเป็นแหล่งชุมชนใจกลางเมืองที่สำคัญ โดยคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 5-10 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือไปซุกซ่อนไว้ในถังขยะยกเว้นที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าโกฉ้อนที่คนร้ายนำระเบิดซุกซ่อนไว้ในรถ จยย.

ซึ่งรูปแบบการก่อวินาศกรรมครั้งนี้คล้ายคลึง

กับเหตุวางระเบิดในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่ผ่านมา ทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆอย่างเร่งด่วน เพื่อหาเบาะแสมือมืดป่วนเมืองรายนี้แล้ว ขณะเดียวกัน ได้มีคนร้ายขี่รถ จยย.ขว้างประทัดยักษ์เข้าใส่หน้าประตูโรงแรมเจบีหาดใหญ่ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์