เหตุทัวร์ไฟท่วม คนขับฝืน เกียร์พังยังซิ่งต่อ

"เยี่ยมผู้บาดเจ็บ"


จากอุบัติเหตุสยองขวัญรถทัวร์ของบริษัทศรีสงวนยานยนต์ จำกัด วิ่งระหว่างอุบลราชธานี-กรุงเทพฯ เกิดไฟลุกท่วมย่างสดผู้โดยสารดับอนาถ 29 ศพ บาดเจ็บอีก 31 คน แต่ละคนถูกไฟคลอกผิวหนังไหม้เกรียมอย่างน่าเวทนา สาเหตุคาดเกิดจากปัญหาระบบเบรกที่โชเฟอร์ ฝืนขับจนเครื่องยนต์ระเบิดไฟลุกท่วม ส่วนคนขับชื่อนายอดุลย์ บุญถูก อายุ 35 ปี ถูกไฟคลอกอาการสาหัสรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์สระบุรี เหตุเกิดบนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพฯ กม.ที่ 140-141 หมู่ 10 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นั้น

ต่อมาเวลา 08.30 น. วันที่ 21 มี.ค. นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รมช.มหาดไทย เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.มวกเหล็ก พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้และเงินช่วยเหลือ ระหว่างนั้นนายบัญญัติได้พบ ด.ญ.วิไลพร เขียวน้ำชุม อายุ 9 ขวบ หนึ่งในผู้โดยสารที่ถูกไฟคลอกบนรถทัวร์สายมรณะ โดยนำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่มีรูป ด.ญ.วิไลพรปรากฏอยู่ชี้ให้ดูรูปพร้อมสอบถามว่า ใช่รูปหนูหรือเปล่า หนูน้อยผู้รอดตายฉิวเฉียดตอบว่า ใช่ค่ะ

จากนั้น ด.ญ.วิไลพรเล่านาทีผจญกับไฟมรณะให้นายบัญญัติฟังว่า นั่งรถมาจาก จ.อุบลราชธานี กับยาย เพื่อจะไปหาพ่อที่ จ.ราชบุรี โดยนั่งอยู่ช่วงกลางของรถ ขณะที่เกิดเหตุชุลมุนไฟไหม้เต็มคันรถ ควันดำโขมงจนมองไม่เห็น ถูกผู้โดยสารเบียดตั้งแต่ช่วงกลางรถมาถึงด้านหน้าแทบหายใจไม่ออก แต่มองไม่เห็นยายว่าอยู่ตรงไหน ขณะเดียวกัน มีผู้โดยสารคนอื่นโดดลงจากรถหลายคน เนื่องจากไฟเริ่มลามมาใกล้ตัว เลยตัดสินใจรีบโดดลงล้มตัวกลิ้งไปกับพื้น ทำให้รอดเงื้อมมือมัจจุราชอย่างฉิวเฉียด ส่วนยายมาทราบทีหลังว่าถูกไฟคลอกเสียชีวิตคารถ หลังฟังคำบอกเล่า นายบัญญัติกล่าวปลอบใจและชมเชย ด.ญ.วิไลพรว่าเป็น เด็กหญิงเหล็ก

"เผยต้นเหตุเพลิงไหม้คร่าชีวิต 29 ศพ"


ต่อมา รมช.มหาดไทยไปดูจุดเกิดเหตุพร้อม พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช.สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ สตช. ที่ส่งเจ้าหน้าที่วิทยาการมาตรวจซากรถทัวร์เพื่อหาสาเหตุของไฟไหม้ หลังตรวจสอบ เจ้าหน้าที่วิทยาการ สันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นว่า อาจเกิดจากระบบเบรกมีปัญหาและเกียร์ขัดข้องระหว่างที่วิ่งลงเนินเขา คนขับรู้ว่าเบรกไม่ทำงานได้ใส่เกียร์ต่ำแทน ทำให้เกียร์หลุดกระแทกกับเพราและถังน้ำมันทำให้น้ำมันรั่ว กระเด็นถูกท่อไอเสียเป็นชนวนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ แต่ต้องรอผลตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้ง

ขณะที่นายบัญญัติเปิดเผยว่า กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกวดขันและหมั่นตรวจตราทั้งคนขับและตรวจสภาพรถโดยสารอย่างเคร่งครัดต่อไป จากนั้นนายบัญญัติ เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.ศูนย์สระบุรี โดย นพ.เทียม อังสาชน ผอ.รพ.ศูนย์สระบุรี รายงานอาการของนายอดุลย์ คนขับรถทัวร์ว่า อาการสาหัส ต้องให้ออกซิเจน เนื่องจากระบบการหายใจไม่สะดวก จากนั้นนายบัญญัติ สอบถาม น.ส.บุญยดา รุ่งเรือง นักศึกษาปีที่ 2 มหาวิทยาลัย มหาสารคาม ผู้บาดเจ็บถึงนาทีที่รอดตายจากเพลิงมรณะในรถทัวร์ โดย น.ส.บุญยดากล่าวว่า ขณะผ่าน จ.นครราชสีมา รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดอุบัติเหตุเพราะเห็นรถจอดซ่อมบ่อย และได้ยินช่างพูดว่า เข้าเกียร์ถอยหลังไม่ได้ รถต้องซ่อม ต้องให้ผู้โดยสารเปลี่ยนรถ แต่นายอดุลย์คนขับกลับบอกว่า ไม่เป็นไร และดันทุรังขับรถวิ่งมาทั้งที่รถไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จนเกิดไฟลุกท่วม จังหวะที่รถชะลอ รีบกระโดดลงพื้นกลิ้งไปเลยรอดตาย

ต่อมาเวลา 16.00 น. นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.ศูนย์สระบุรี โดย นพ.มงคลกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นอุบัติเหตุหมู่ครั้งใหญ่สุดในรอบ 3 เดือนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นความไม่สมบูรณ์ของตัวรถและคนขับยังพยายามขับให้ถึงจุดหมายจึงเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกฝ่ายต้องพิจารณาว่าคนขับรถควรมีคุณสมบัติอย่างไร ขณะเดียวกัน นพ.เทียม อังสาชน ผอ.รพ.ศูนย์สระบุรี เปิดเผยว่า ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือนายลำพูน จักรพล อายุ 40 ปี รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 ศพแล้ว

"สภาพศพน่าเวทนาเป็นอย่างมาก"


ด้าน พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี ผบก.ภ.จ.สระบุรี กล่าวถึงเรื่องคดีว่า สั่งการให้ พ.ต.อ.พงษ์เดช แพทย์เจริญ รอง ผบก.ภ.จ.สระบุรี พ.ต.อ.นิสากร บุญตานนท์ ผกก.สภ.อ. มวกเหล็ก ให้เพิ่มพนักงานสอบสวนมาดำเนินการ เพราะต้องสอบพยานเป็นจำนวนมาก สำหรับญาติผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ หากสงสัยด้านคดีให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา ส่วนเจ้าของบริษัทรถส่งตัวแทนมาพบกับพนักงานสอบสวนแล้ว พร้อมนำตัวแทนบริษัท ทิพยประกันภัยมาตรวจสอบค่าชดเชยให้กับผู้เสียหายด้วย

ส่วนที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ที่รับผู้บาดเจ็บถูกไฟคลอก 6 ราย และในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 รายยังไม่รู้สึกตัว อาการน่าเป็นห่วงเพราะถูกไฟไหม้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และทั้งหมดยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แพทย์ได้ให้นอนพักรักษาตัวอยู่ภายในห้องไอซียูเป็นห้องปลอดเชื้อ แต่ละคนสภาพแขน ขา ใบหน้า ผม ไหม้เกรียม พุพอง อย่างน่าเวทนา แพทย์ต้องให้น้ำเกลือ ออกซิเจน และใช้ผ้าพันแผลเกือบทั้งตัว แพทย์ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเกรงจะติดเชื้อเฉียบพลัน

ที่ รพ.ศิริราช สถานที่เก็บศพเหยื่อ 29 ราย ตั้งแต่ เช้าตรู่มีบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตประมาณ 500 คน เดินทางมาดูศพเพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยเจ้าหน้าที่นำภาพถ่ายผู้เสียชีวิตทั้ง 29 ราย มาติดไว้ที่หน้าตึกเพื่อให้ญาติตรวจสอบ แต่เกิดความโกลาหลขึ้นเนื่องจากบรรดาญาติผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เห็นภาพแล้วไม่แน่ใจว่าผู้เสียชีวิตเป็นญาติของตัวเองหรือไม่ เพราะแต่ละศพถูกไฟคลอกเกรียมจนจำเค้าเดิมไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงให้ญาตินำภาพถ่ายในขณะมีชีวิตอยู่มาเปรียบเทียบลักษณะรูปพรรณ และของใช้ของผู้เสียชีวิตมายืนยัน อีกทั้งได้เจาะเลือดของบรรดาญาติเก็บเอาไว้ ตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบอีกครั้ง

"ส่งมอบศพคืนให้ญาติบางส่วน"


สอบถามนางนารี ศรีนวล อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 2 ต.เรืองแฝก กิ่ง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า มาตามหาน้องชายชื่อนายทองดี มหาโพธิ์ อายุ 40 ปี ที่โดยสารมากับรถทัวร์คันเกิดเหตุ และพาเพื่อนกับหลานชายอีก 4 คน ประกอบด้วย นายหนุ่ม จันทร์ศรี อายุ 25 ปี นายวิทยา บุรีรัมย์ อายุ 17 ปี ด.ช.วิทวัส มูลราช อายุ 14 ปี และ ด.ช.อาทิตย์ บุรีรัมย์ อายุ 8 ขวบมาช่วยทาสีที่กรุงเทพฯ ภายหลังตรวจสอบพบว่า ด.ช.วิทวัสได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่ จ.สระบุรี ส่วนน้องชายกับหลานที่เหลือยังไม่พบ จึงมาตรวจสอบดูที่ รพ.ศิริราช และให้เจ้าหน้าที่เจาะเลือดเก็บเอาไว้ตรวจดีเอ็นเอแล้ว

รศ.นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ รองคณบดีฝ่าย ประชาสัมพันธ์และกิจการพิเศษ และ รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แถลงข่าวถึงการตรวจพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิต โดย รศ.นพ.อดุลย์กล่าวว่า ทาง รพ.ศิริราชมอบหมายให้ รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการทั้งหมด จะพยายามช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ญาติผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด หากญาติรายใดมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการเคลื่อนย้ายศพกลับภูมิลำเนา ทางโรงพยาบาลจะประสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งช่วยเหลือต่อไป

สำหรับรายชื่อผู้สูญหายที่แจ้งให้พิสูจน์ทั้งสิ้น 25 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 29 ราย ประกอบด้วย 1. นายบุญโฮม ทุมดี อายุ 47 ปี 2. นางสายสมร ศรีซา อายุ 46 ปี 3. นางหนูหมัด สนิทเชื้อ 4. ด.ญ.มณฑา ทิมา อายุ 13 ปี 5. ด.ช.อาทิตย์ บุรีรัมย์ 6. นายวิทยา บุรีรัมย์ 7. ด.ช.ศรราม ประเถตัง อายุ 10 ขวบ 8. น.ส.พิราวรรณา ท้าวพรม อายุ 19 ปี 9. นายสมัย สุวรรณรัตน์ 10. นายทองดี มหาโคตร อายุ 45 ปี 11. ด.ญ.มัณฑนา แก้วใส อายุ 12 ปี 12. นางบุญยัง ด้วงชมพู 13. นางทองยา คำเรืองศรี 14. นางสมัย ไชยมี 15. นายเสงี่ยม หวังขอบกลาง อายุ 68 ปี 16. นางสุรินทร์ แซ่ห่าน อายุ 59 ปี 17. ด.ช.จิระเดช สุพินธนาภร์ 18. นางปราณี อ่องเปรมวงษ์ อายุ 29 ปี 19. นายวีระพล จันทะศรี อายุ 16 ปี 20. นางตุ๋ย บุญลือ อายุ 54 ปี 21. ด.ญ.ชุติมา คำเรืองศรี 22. นางพัชรี วงษาพล อายุ 32 ปี 23. ด.ญ.กังสดาน วงษาพล อายุ 3 ขวบ 24. ด.ช.จีระศักดิ์ วงษาพล อายุ 12 ปี และ 25. นางสุภาพร เทียกศรีบูน

"จ่ายเงินช่วยเหลือตาม กม.ในเบื้องต้น"


ต่อมาในเย็นวันเดียวกัน ศ.นพ.สมชาย ผลเอี่ยมเดช ที่ปรึกษาคณะแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เปิดเผยว่า คณะแพทย์ทั้ง 35 คน ได้ร่วมกันพิสูจน์ศพและสามารถส่งมอบศพให้ญาติได้แล้ว 9 ราย คือ 1. นายบุญโฮม ทุมดี 2. นางสายสมร ศรีซา 3. นางหนูหมัด สนิทเชื้อ 4. น.ส.พิราวรรณ ท้าวพรหม 5. นางบุญยัง ด้วงชมพู 6. นางสมัย ไชยมี 7. นางสุรินทร์ แซ่ห่าน 8. นางตุ๋ย บุญลือ และ 9. นางสุภาพร เทียกศรีบูน ส่วนที่เหลือต้องตรวจในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะผลพิสูจน์บางอย่างไม่ ตรงกับของญาติ ดังนั้น ได้ให้ญาตินำผลรักษาด้านทันตกรรม หรือผลการรักษาอย่างอื่นของผู้เสียชีวิตมาให้ ตรวจสอบอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลา 5 วัน หากผลยังไม่ชัดเจนต้องตรวจดีเอ็นเอต่อไป

ทางด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการและรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้เปิดแถลงถึงเหตุรถทัวร์มรณะว่า ได้ประสานงานกับเจ้าของบริษัทรถแล้วเพื่อให้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ในส่วนของ บขส.จะจ่ายเงินให้ กับผู้เสียหายรายละ 10,000 บาท เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน สำหรับบริษัทเจ้าของรถต้องรับผิดชอบตามกฎหมายคือ ผู้เสียชีวิตต้องได้รับเงินชดเชยจากประกันภัยรวมกับเงินชดเชยจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยทางถนนรวมเป็นเงินรายละ 400,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บจะได้รับรายละ 250,000 บาท

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า เกิดจากความผิดพลาดของคนขับรถ หลังจากพบว่าเบรกทำงานขัดข้อง แต่ยังฝืนขับรถและทำการซ่อมมาตลอดทางทั้งที่สามารถแจ้งให้บริษัทนำรถมาเปลี่ยนเพื่อรับถ่ายผู้โดยสารไปได้ และสาเหตุสำคัญที่เกิดเพลิงไหม้รถทัวร์ คันดังกล่าวขึ้น เกิดจากการที่เบรกขัดข้องและผู้ขับได้ พยายามเชนเกียร์ช่วย ทำให้เกียร์เสียหายและหลุดกระเด็นออกมานอกรถ รวมถึงเพลาขับที่หลุดออกได้กระเด็นไปฟาดถังน้ำมันทำให้เกิดประกายไฟ จนเกิดลุกไหม้ขึ้น

"พิจารณาสัมปทานรถทัวร์โดยสาร"


นายวุฒิชาติกล่าวต่อว่า สำหรับบทลงโทษนั้น บขส. ได้สั่งให้บริษัทศรีสงวนยานยนต์ พักรถในเส้นทาง กรุงเทพฯ-อุบลฯ ทั้งหมด 4 คัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และในวันที่ 22 มี.ค. นี้ นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด บขส. จะพิจารณาสัญญาของบริษัทดังกล่าวว่า ที่ผ่านมามีประวัติดีหรือไม่ หากเห็นว่าบริษัทมีความประมาทจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะลงโทษสถานหนักในการบอกเลิกสัญญากับบริษัทในเส้นทางกรุงเทพฯ-อุบลฯ รวมถึงเส้นทางอื่นๆต่อไป

บขส.ไม่ต้องการให้ผู้โดยสารตื่นกลัวจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากเกินไปจนไม่กล้าเดินทาง เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความบกพร่องของคนขับ และที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกได้ตรวจสภาพรถให้บริการรถสาธารณะอย่างเข้มงวดทุกครั้งที่มาต่อทะเบียน ในส่วนของ บขส. เองก็มีการตรวจสภาพรถ ทั้งในส่วนกลาง และสถานีต่างๆ ทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอ นายวุฒิชาติกล่าว

"การจ่ายชดเชยให้ผู้ประสบเหตุ"


นายวุฒิชาติกล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาทบทวนสัญญาของผู้ประกอบการรถร่วมบริการที่การให้บริการและความปลอดภัยไม่ได้มาตรฐาน ในส่วนนี้ยอมรับว่า บขส.ได้ พิจารณาที่จะเข้าไปเดินรถให้บริการแทนผู้ประกอบการหลายราย เนื่องจากผู้ประกอบการเหล่านี้ได้ขออนุญาตยกเลิกการเดินรถ เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้จนเตรียมขอยกเลิกเส้นทางในที่สุด

ด้านนางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยถึงการชดเชยผู้ประสบภัยจากรถทัวร์มรณะว่า บริษัทเจ้าของรถทำประกันภัยไว้กับบริษัททิพยประกันภัย คุ้มครองระหว่างวันที่ 31 มี.ค. 49-31 มี.ค. 50 โดยบริษัทซื้อประกันภัยใน 2 ลักษณะ คือซื้อกรมธรรม์ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และกรมธรรม์ภาคสมัครใจประเภท 3 อีก ซึ่งจะให้ความคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอกครั้งละ 1 ล้านบาท คุ้มครองชีวิตร่างกายของผู้โดยสาร บุคคลภายนอก คนละ 200,000 บาทและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ จะคุ้มครองผู้โดยสาร 44 คนในรถทัวร์ รวมคนขับ 1 คน เป็น 45 คน คนละ 100,000 บาท ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุจะได้รับเงินชดเชยทั้งสิ้น 400,000 บาท

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์