ฆ่าเจ้าคณะตำบล โจรนรก!ปล้นกุฎิ-แทง15แผล

วัดดัง"เมืองสองแคว"แฉโทรหาก่อนสังหารชิงเงินสด-มือถือ-ปืน!


โจรนรก! บุกกุฏิฆ่าโหดเจ้าคณะตำบลท่าหมื่นราม เจ้าอาวาสวัดดังเมืองสองแคว แฉโทรศัพท์ไปหากลางดึก เรียกให้หลวงพ่อเปิดประตู ก่อนแทงด้วยมีดปลายแหลมที่คอตามลำตัวพรุน 15 แผล มรณภาพในสภาพคุกเข่าอยู่กับพื้น ก่อนคนร้ายช่วยกันรื้อค้นทรัพย์สิน ทั้งเงินบริจาค เงินส่วนตัว มือถือ พร้อมปืนอีกกระบอกเผ่นหนี ตร.ตั้งปมชิงทรัพย์ เรื่องส่วนตัว รวมทั้งปมไล่พระลูกวัดก่อนหน้านี้ เชื่อคนร้ายเป็นคนสนิท เพราะสุนัขในวัดไม่เห่า ชาวบ้านรุมประณามแช่งโจรชั่ว

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 28 ก.พ. พ.ต.ต.อุบล กันทะเขียว สารวัตรเวร สภ.อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุเจ้าอาวาสวัดท่าหมื่นรามถูกฆ่าในกุฏิ วัดท่าหมื่นราม ม.1 ต.ท่าหมื่นราม จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปสอบสวน พร้อมด้วยพล.ต.ต.ขัตติยะ อนันตวงศ์ ผบก.จ.พิษณุโลก พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ รองผบก. พ.ต.อ.คุณากร อยู่สวัสดิ์ ผกก.สภ.อ.วังทอง พ.ต.ท.สมศักดิ์ หฤรักษ์ รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน พ.ต.ท.หญิงกฤษฎี พงศ์อัมพรขจี รองผกก.งานตรวจสถานที่เกิดเหตุ วิทยาการเขต 33 พร้อมหน่วยกู้ภัยบูรพา

ที่เกิดเหตุมีชาวบ้านหลายร้อยคนมุงดู ในกุฏิพบศพพระครูไพบูลย์กิตติวัฒน์ อายุ 50 ปี เจ้าคณะตำบลท่าหมื่นราม และเจ้าอาวาสวัดท่าหมื่นราม สภาพนั่งคุกเข่าคว่ำหน้าติดพื้น ไม่ได้ครองจีวร นุ่งสบงติดตัวผืนเดียวเท่านั้น ตามร่างกายมีรอยคราบเลือดเต็มไปหมด พบบาดแผลถูกแทงด้วยมีดด้านหน้า 5 แผล หลัง 9 แผล ลำคออีก 1 แห่ง โดยพบจีวรกองอยู่กับพื้น พร้อมมุ้งสีขาว ส่วนสบงที่สวมใส่ของพระครูหายไปพร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ นอกจากนั้นปืนลูกซองสั้นที่พระครูเก็บเอาไว้ป้องกันตัวหายไปด้วย แต่ไม่พบอาวุธที่ใช้สังหาร สภาพศพเริ่มแข็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง

"คนร้ายฆ่าเจ้าอาวาสขนเงินบริจาคหนี"


ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรอยเท้าคนร้ายเปื้อนเลือดจำนวนหนึ่ง ประตูเข้าไปในห้องเก็บของถูกเปิดทิ้งเอาไว้ โซ่คล้องประตูกองอยู่ที่พื้น ตู้บริจาคถูกคนร้ายเอาเงินไปจนหมดตู้ ส่วนกุฏิหลังเก่าซึ่งอยู่ด้านหลังมีร่องรอยคนร้ายเอาลูกกุญแจไปเปิด แล้วทิ้งกุญแจลงในอ่างซีเมนต์หน้ากุฏิ ในกุฏิพบรอยเท้าจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เก็บลายนิ้วมือแฝงที่ประตูกระจกไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนพระบันรัง ปภากโร พระลูกวัด ให้การว่า ประมาณ 21.00 น. วันที่ 27 ก.พ. หลังเจ้าอาวาสกลับจากไปเอารถยนต์ที่ซ่อมไว้ได้เรียกตนพร้อมพระลูกวัดอีก 2 รูปให้ช่วยนวดตามร่างกาย ขณะนั้นมีคนโทรศัพท์มาหาเจ้าอาวาส แต่ไม่ทราบเป็นใคร กระทั่งเวลา 21.30 น.ก็สั่งให้พระทุกรูปกลับไปจำวัด พร้อมบอกว่า "อีกประมาณครึ่งชั่วโมงมันจะโทร.หา" แต่ไม่ได้เอะใจหรือสอบถามอะไร กระทั่งรุ่งเช้าออกบิณฑบาต ขณะเดินกลับวัด ชาวบ้านบอกว่าหลวงพ่อเสียชีวิตแล้ว

พระบันรังกล่าวด้วยว่า ปกติเวลาจำวัดเจ้าอาวาสจะใส่กุญแจห้อง หรือมีใครมาหาก็จะสอบถามก่อนที่จะให้เข้ามาในกุฏิ คนร้ายที่เข้ามาต้องเป็นคนสนิทพอสมควร เพราะสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ไม่เห่า อีกอย่างหลัง 18.00 น.ประตูรั้ววัดจะปิด คนภายนอกจะเข้ามาไม่ได้ หากใครจะเข้ามาพระในวัดต้องเอาลูกกุญแจไปเปิดประตูเท่านั้น คาดว่าหลังจากตนไปจำวัดแล้ว คนที่โทร.มาคงจะโทร.มาหาเจ้าอาวาสไปเปิดประตูรั้วให้ จึงเข้ามาในวัดและกุฏิพระครูได้ ส่วนทรัพย์สินโดยปกติเจ้าอาวาสมีเงินสดติดตัวอย่างต่ำ 5-6 พันบาท เพื่อใช้จ่ายในวัด แต่หลังเกิดเหตุเงินในสบงและโทรศัพท์มือถือหายไป

"ปืนหายไป พร้อมกับการตายพระครูฯ"


นายสะหวิง สุขโฉม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 399 ม.13 ต.ท่าหมื่น อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก หลานชายพระครู ให้การว่า เมื่อเช้าตนพร้อมญาติมาเก็บกระดูกศพญาติหลังจากฌาปนกิจเมื่อวันที่ 27 ก.พ. จึงเดินมาที่กุฏิหลวงพ่อเพื่อจะสอบถามนิมนต์พระทำบุญให้คนตาย มองเข้าไปพบว่าหลวงพ่อถูกฆ่าตายแล้ว ทั้งนี้ปกติแต่ละวันจะมีคนมาหาพระครูเป็นจำนวนมากเพื่อให้ดูดวงชะตา ดูฤกษ์วันขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน และอาบน้ำมนต์ จนมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

นายสำรวย ทองคอดำ อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ท่าหมื่นราม ให้การว่า ก่อนหน้านี้เคยเห็นวัยรุ่นบ้านเนินสะอาดมาหาหลวงพ่อบ่อยมาก เข้าออกวัดอยู่เป็นประจำ โดยจะมาหาพระครูที่กุฏิบริเวณเกิดเหตุ แต่ไม่ทราบมาหาเรื่องอะไร ช่วงหลังหลวงพ่อเรียกให้ตนไปพบ บอกว่าช่วยหาปืนให้สักกระบอก บอกว่าจะเอามาไว้ป้องกันตัว ตนจึงหาปืนลูกซองสั้น มีทะเบียนถูกต้องให้ติดตัวไว้ 1 กระบอก หลังเกิดเหตุปืนหายไปด้วย

ด้านพล.ต.ต.ขัตติยะกล่าวว่า กำลังเร่งสอบสวนหาสาเหตุการสังหาร เบื้องต้นพอจะทราบว่าปัญหาอยู่ 2-3 ประเด็น คือเรื่องส่วนตัวกับกลุ่มวัยรุ่นที่เข้าออกวัด หรือชิงทรัพย์ และอีกประเด็นอาจจะมาจากปัญหาที่เกิดก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถระบุชัดว่าเป็นเรื่องอะไร

"สันนิฐานเหตุฆ่า"


พ.ต.อ.คุณากรกล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งสาเหตุ 3 ประเด็นคือ เรื่องส่วนตัว ชิงทรัพย์ และปัญหาที่พระครูไพบูลย์กิตติวัฒน์ ไล่พระบางรูปออกจากวัด ซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัด ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 3 คน เพราะลักษณะการถูกฆ่าคนเดียวคงทำไม่ได้แน่ เจ้าหน้าที่ได้แบ่งสายออกหาข้อมูล ซึ่งคาดว่าคงจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ไม่ยาก เนื่องจากมีหลักฐานหลายอย่างในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 18.30 น. พระครูไพบูลย์กิตติวัฒน์ ออกไปเอารถยนต์นิสสันซันนี่ สีขาว ทะเบียน ข-1261 พิษณุโลก ซึ่งนำไปทำแอร์ หุ้มเบาะ และพ่นสีใหม่ทั้งคัน โดยมีเงินติดไปมากพอสมควร เป็นค่าทำเบาะจำนวน 7,500 บาท ค่าแอร์ 13,000 บาท ทำสีใหม่ 20,000 บาท โดยมีนายสำรวย ทองคอดำ พร้อมลูกชายเดินทางไปด้วย และกลับมาถึงวัดประมาณ 21.00 น. พระครูเรียกพระลูกวัดมาบีบนวดให้แก้เมื่อย หลังจากทุกคนกลับหมดแล้ว คาดว่าคนร้ายที่โทร.หาพระครูได้เข้ามาในวัดให้พระครูเป็นคนไปเปิดประตูรั้ว

จากนั้นพาคนร้ายซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 3 คน เข้ามาในกุฏิส่วนตัว ก่อนเกิดเหตุคนร้ายอาจจะเห็นเงินที่เหลือจากไปจ่ายค่าซ่อมรถ จึงจับพระครูแทงด้วยมีดปลายแหลมเข้าที่ลำคอและด้านหน้าจำนวนหลายแผล จากนั้นช่วยกันกดศีรษะลงกับพื้น พร้อมใช้มีดแทงซ้ำตามร่างกายจนพระครูแน่นิ่ง แล้วนำเอาลูกกุญแจที่มีโซ่คล้องเอาไว้เข้าไปไขห้องเก็บของกวาดเงินในตู้บริจาคไปจนหมด หลังจากนั้นคนร้ายทั้งหมดนำเอาลูกกุญแจไปไขประตูกุฏิหลังเก่าซึ่งอยู่ด้านหลัง โดยทิ้งแม่กุญแจไว้ในบ่อซีเมนต์หน้ากุฏิเข้าไปหาทรัพย์สินก่อนจะพากันหลบหนีไป ล่าสุดกรรมการวัดกำลังตรวจสอบทรัพย์สินที่สูญหาย เบื้องต้นทราบว่ามีเพียงเงินสดที่ติดตัวพระครู โทรศัพท์มือถือ และอาวุธปืนลูกซองสั้นที่หายไป คาดว่าคนร้ายจะเอาไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นำศพพระครูไพบูลย์กิตติวัฒน์ไปตั้งบำเพ็ญกุศลบนศาลาการเปรียญ ชาวบ้านเห็นศพต่างร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก บางคนถึงกับสาปแช่งคนร้ายที่ใจโหดเหี้ยมรายนี้ ต่อจากนั้นชาวบ้านได้ชวนกันอาบน้ำศพล้างคราบเลือด ก่อนจะทำพิธีรดน้ำศพในเวลาต่อมา

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์