ฆ่าโหดสาวใหญ่เจ้าของร้านอาหารไทยในสวิตเซอร์แลนด์หมกศพขึ้นอืดคาบ้านพัก

ฆ่าโหดสาวใหญ่เจ้าของร้านอาหารไทยในสวิตเซอร์แลนด์หมกศพขึ้นอืดคาบ้านพัก


เมื่อ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.ท.วินัย โห้เหรียญ พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ภายในซอยหนองไม้แก่น 15 หมู่ 7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.หนองปรือ พ.ต.ท.คงศักดิ์ บุญสื่อสุวรรณ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.สิริบัญชา ขอบใจ สว.สส. นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ชลบุรี) แพทย์เวร รพ.บางละมุง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักชั้นเดียว ปลูกอยู่ในเนื้อที่กว่า 50 ตารางวา ในบ้านพบรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แชมป์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก-9119 ชลบุรี จอดอยู่ ส่วนภายในห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว พบศพนางนงลักษณ์ เฉลยจรรยา อ๊าซฟาก อายุ 46 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของบ้าน นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในลักษณะหัวและลำตัวอยู่ในห้องน้ำ ส่วนขาข้างซ้ายโผล่ออกมา สวมเสื้อแขนยาวลายสก๊อต กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สภาพศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วบริเวณ ที่ศีรษะมีร่องรอยคล้ายถูกของแข็งทุบที่ศีรษะจนเป็นแผล มีไม้ถูกพื้นวางทับตัวอยู่ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน

ตรวจสอบภายในห้องนอนพบมีร่องรอยการต่อสู้จนข้าว ของกระจัดกระจาย มีกางขาสามส่วนสีน้ำเงิน 1 ตัว รองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน 1 คู่ วางอยู่ที่พื้นข้างเตียง นอกจากนี้ยังพบผ้าปูที่นอนสีขาวและรีโมทโทรทัศน์มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 2 จึงทำการถ่ายภาพและเก็บหลักฐานทั้งหมดในที่เกิดเหตุไว้ เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

สอบปากคำนางมาลี อายุ 54 ปี พี่สาวผู้ตาย ให้การว่า นางนงลักษณ์ น้องสาว แต่งงานอยู่กินกับนายโมฮัมหมัด อ๊าซฟาก สามีชาวปากีสถาน มานานหลายปีแล้วและมีลูกด้วยกัน 1 คน ปกติทั้งคู่จะทำธุรกิจเปิดร้านอาหารไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นานๆ ถึงจะกลับมาเมืองไทย โดยเมื่อ 3 เดือนก่อนน้องสาวกับนายโมฮัมหมัด ได้บินกลับมาพักผ่อนที่ประเทศไทย และพักอาศัยอยู่บ้านหลังเกิดเหตุที่ซื้อไว้ แต่ภายหลังนายโมฮัมหมัด ได้เดินทางกลับไปก่อน ส่วนน้องสาวมีกำหนดเดินทางกลับในวันที่ 19 ก.พ.ที่จะถึงนี้

นางมาลี ให้การอีกว่า เมื่อน้องสาวกลับมาและพักอาศัยอยู่ที่เมืองพัทยา ก็ได้มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์มาโดยตลอด ซึ่งน้องเคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหาเรื่องทรัพย์สินทั้งรถยนต์และบ้านกับนายโจ เซฟ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) น้องชายของนายโมฮัมหมัด จนถึงขั้นมีปากเสียงกัน ตนก็ได้แต่ปลอบใจ กระทั่งน้องสาวขาดการติดต่อไปนานกว่า 1 สัปดาห์ จึงรีบเดินทางมาหาที่บ้านพัก และพบว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา แต่ประตูบ้านและประตูรั้วถูกล็อคจากด้านนอก ด้วยความสงสัยและเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย จึงขอให้พลเมืองดีมาช่วยกันงัดประตูเข้าไปจนพบศพน้องสาวนอนตายอนาถอยู่ใน บ้านดังกล่าว

ด้านพยานปากสำคัญ ให้การว่า เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นชายชาวตะวันออกกลางจำนวน 2 คน ทั้งคู่สวมชุดดาวะ สีขาว ขับรถ จยย.คนละคันมา จอดที่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ และเห็นนางนงลักษณ์ เดินออกมาทักทายพูดคุยพร้อมกับพาเข้าไปในบ้าน ตนคิดว่าคงเป็นคนรู้จักกันจึงไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งมาทราบข่าวว่านางนงลักษณ์ ถูกฆ่าตาย จึงรีบมาแจ้งเบาะแสและให้ข้อมูลกับตำรวจ

พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพศพและสอบปากคำพยานแวดล้อม เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดกับนางนงลักษณ์ และโกรธแค้นผู้ตายเป็นอย่างมาก จึงลงมือทำร้ายร่างกายและจับศีรษะฟาดพื้น หรือไม่ก็ใช้ของแข็งตีจนเสียชีวิตคาที่ ภายหลังเกิดกลัวความผิดจึงรีบทำลายหลักฐานด้วยการใช้ไม้ถูพื้นและผ้าเช็ด คราบเลือด

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจพุ่งเป้าไปที่นายโจเซฟ น้องชายนายโมฮัมหมัด สามีของผู้ตาย ซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรรายนี้ จึงได้ประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อสกัดเส้นทางออกนอกประเทศ ก่อนส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวเพื่อล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป


 
 

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์