พลิกปูมชีวิต ไอ้แบงก์ มือฆ่าพริตตี้! หนีคดียักยอกเงินธนาคาร 21 ล้านบาท

พลิกปูมชีวิต ไอ้แบงก์ มือฆ่าพริตตี้! หนีคดียักยอกเงินธนาคาร 21 ล้านบาท


ภาพผู้ตายมาหลอน ใครที่เคยฆ่าคนก็จะรู้ เลยทำให้ตัดสินใจบวช ที่ผ่านมาผมมีแฟนหน้าตาดี ทำงานมั่นคงดูแล หากไม่มีคดีติดตัว ป่านนี้ขับรถเบนซ์ไปนานแล้ว ถ้าไม่ดื่มเหล้าและสติหลุด ก็คงไม่เป็นแบบนี้ อยากจะบอกครอบครัวคนตายว่า สิ่งที่ทำลงไป ขอชดใช้กรรมและจะแผ่เมตตาไปตลอดชีวิต จะขอโทษก็สายไปแล้วชีวิตมันทดแทนกันไม่ได้จึงต้องยอมรับความจริง

ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงถ้อยคำแถลงบางช่วงบางตอนของ นายไพโรจน์ นันทตันติ หรือแบงก์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาคดีสังหารโหด น.ส.อัจฉราณี รักษ์เชื้อ อายุ 22 ปี พริตตี้สาวสวยเสียชีวิตอย่างน่าสงสารคาห้องพักภายในคอนโดมิเนียม ย่านถนนแจ้งวัฒนะ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อช่วงเทศกาลวันปีใหม่ 1 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา

หลังจากนายไพโรจน์ ก่อคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญแล้วพยายามหนีไปกบดานพื้นที่ต่างจังหวัดได้เพียงสัปดาห์เศษเท่านั้นก็ไม่พ้นมือกฎหมาย แม้พยายามจะตัดสินใจหนีขึ้นไปหาเพื่อนของบิดา ที่ จ.เชียงใหม่ ยอมลงทุนโกนหัวบวชนุ่งห่มผ้าเหลือง แล้วเตรียมจะเผ่นหนีออกไปประเทศพม่า ทาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แต่ไม่รอดพ้นสายตาของ ทหารพรานชุดปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังผาเมือง จ.เชียงใหม่ เห็นรูปพรรณสัณฐานแล้วจดจำได้จึงควบคุมตัวเอาไว้ พร้อมประสานงานกับ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ให้ได้รับทราบ จากนั้น พ.ต.ท.วิทิต จันทร์เอี่ยม สว.สส. สภ.ปากเกร็ด เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ทั้งของ สภ.ปากเกร็ด และ ทีมสืบสวน บช.ภ.1 นำกำลังไปควบคุมตัวนายไพโรจน์ กลับมาดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
 
ในส่วนของเบื้องหลังการจับกุมนั้น ทางชุดสืบสวนพยายามแกะรอยจนพบว่านายไพโรจน์ หนีไปหา นายอดิศักดิ์ เครือเอม เพื่อนของบิดาที่ จ.ราชบุรี แล้วได้โทรศัพท์ไปหาญาติ ทางเจ้าหน้าที่จึงทราบว่าหนีไปบวช เลยส่งกำลังไล่ล่าตามเริ่มแกะรอยไปที่ จ.ราชบุรี จนทราบว่าไปบวชเป็นสามเณรที่วัดถ้ำเขาชุมดง ซึ่งก็คลาดกับทางชุดจับกุมอย่างหวุดหวิด ทราบว่านายอดิศักดิ์ พานายไพโรจน์หนีขึ้นเหนือไปทาง จ.เชียงใหม่ ทาง พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานทั้งตำรวจและทหารในพื้นที่ตะเข็บชายแดนหลายจังหวัดทางภาคเหนือให้ช่วยตรวจสอบเข้มมาตลอด

กระทั่งทหารพรานชุดปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังผาเมือง ตั้งด่านตรวจพบจึงสามารถควบคุมตัวไว้ได้ทั้ง 2 คน จากนั้นช่วงสายวันที่ 8 ม.ค. พล.ต.ท.นเรศ ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธนายุตม์ ควบคุมตัวนายไพโรจน์ และนายอดิศักดิ์ มาแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ท่ามกลางสื่อมวลชนเดินทางมาเกาะติดทำข่าวอย่างแน่นขนัด ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องพักเกิดเหตุ นายไพโรจน์ ได้ขอโทษครอบครัวคนตายพร้อมพรั่งพรูสารภาพผิดออกมาอย่างหมดเปลือก ไล่ตั้งแต่ปูมหลังชีวิตของตัวเองที่ครอบครัวแตกแยก จนเรียนไม่จบ ชั้น ม.5 พร้อมยังยืนยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ยกเว้นเคยถูกจับเสพยาบ้าและหนีประกันที่ สน.ตลิ่งชัน เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

นายไพโรจน์
ยังอ้างด้วยว่า รู้จักกับผู้ตายมาได้ปีเศษเพราะเคยไปทำร้านเหล้าที่ทำอยู่ย่านคลองประปา ผู้ตายเป็นประชาสัมพันธ์อยู่ร้านข้าง ๆ จึงชักชวนมาทำที่ร้าน จากนั้นเริ่มคบหากันมา แต่เวลาเมาจะทะเลาะกันตลอด คืนวันเกิดเหตุไปเที่ยวปีใหม่ดื่มกินกันจนเมา ผู้ตายก็อยากกลับบ้านแต่ตนอยากดื่มเหล้าต่อ ทำให้มีปากเสียงกัน พอกลับมาถึงห้องพักก็ยังทะเลาะไม่หยุด เมื่อถูกผู้ตายด่า “บุพการี” ด้วยความมึนเมาและบันดาลโทสะเลยทำให้ฉุนขาด คว้ามีดโกน ปาดหน้าผู้ตายกรีดไปทั่วร่าง ไม่รู้ว่าลงมือแบบนี้ทำไม รู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงโทรศัพท์หานายอดิศักดิ์ ให้ช่วยเหลือพาหลบหนี

ภายหลังหมดสิ้นอิสรภาพแล้ว มีการพลิกแฟ้มประวัติข้อมูลคดีของนายไพโรจน์ อย่างละเอียด พบว่ามีคดีที่น่าสนใจกรณีถูกออกหมายจับ ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ท้องที่ สน.พระราชวัง ทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์ ติดต่อสอบถามข้อมูลจาก พ.ต.ท.อภิวัฒน์ ชินภูมิวสนะ สว.สส.สน.พระราชวัง เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.ค. 53 นายไพโรจน์ ได้ร่วมมือกับพนักงานชายคนหนึ่ง (สงวนชื่อ) ประจำธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาวัดตึก ยักยอกทรัพย์ไปจำนวนมาก โดยนายไพโรจน์ ร่วมออกอุบายหลอกลวงเพื่อน ๆ ย่านวัดตึก จำนวน 10 คน ให้ไปเปิดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มที่ธนาคารกรุงไทย และให้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวนหนึ่ง

ต่อมาพนักงานหนุ่มที่มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับนายไพโรจน์ ได้ทยอยยักยอกเงินของธนาคารไปเข้าบัญชีที่เปิดไว้ประมาณ 40 ล้านบาท แบ่งเงินให้นายไพโรจน์ ไปไว้ใช้ 21 ล้านบาท กระทั่งทางธนาคารทราบเรื่องจึงไปแจ้งความที่ สน.พระราชวัง ต่อมาตำรวจสามารถติดตามจับกุมพนักงานหนุ่มและผู้ที่ร่วมกันเปิดบัญชีได้รวมทั้งหมด 5 คน ส่วนนายไพโรจน์ หลบหนีไปได้ เบื้องต้นตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติมีเพียงที่พักอยู่ จ.สระบุรี จึงออกหมายจับส่งไปแต่ก็หนีรอดพ้นการจับกุมมาได้กว่า 3 ปี มีเงินใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อทั้งนำไปซื้อบ้านและเปิดกิจการร้านเหล้า สุดท้ายเมื่อมาก่อเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ทาง สน.พระราชวัง ทราบเรื่องจึงรีบทำเรื่องไปขออายัดตัวดำเนินคดีเช่นกัน

คดีนี้แม้จะปิดฉากลงด้วยการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญได้สำเร็จ!! แต่ตำรวจยังไม่ค่อยจะปักใจเชื่อข้อมูลของนายไพโรจน์ ทั้งหมดสักเท่าไรนักเนื่องจากบุคลิกท่าทางการพูดจามีหลายอย่างที่ยังคลุมเครือแม้ผู้ต้องหาจะเอ่ยปากชมตำรวจภูธรภาค 1 ว่าเก่งที่สามารถติดตามจับได้ ทั้งที่หนีหมายจับมาตั้งแต่ปี 2552 โดยใช้แผนหลอกล่อตำรวจโดยไปซื้อบ้านไว้ที่ จ.สระบุรี เพื่อหลอกเจ้าหน้าที่ส่งหมายจับไปแต่ตัวเองก็ไม่เคยไปพักอาศัย ตำรวจจึงตามจับตัวไม่ได้

ถึงอย่างไรสุดท้ายก็หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น จากหนีคดียักยอกเงินธนาคารก็ต้องตกมาเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ตั้งแต่ต้นปี 2556.

หมายจับคดีเพียบ

จากการตรวจสอบพบว่า นายไพโรจน์ มีหมายจับอีก 4 คดี คือ

คดี1หมายจับเลขที่ 833/2552 ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ท้องที่ สน.บางขุนเทียน

คดีที่ 2 หมายจับเลขที่ 1120/2553 ข้อหาเดียวกับคดีแรก และท้องที่ สน.บางขุนเทียนเช่นกัน

คดีที่ 3 หมายจับเลขที่ 494/2553 ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง ท้องที่ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม และ

คดีที่ 4 หมายจับเลขที่ 1602/2553 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ท้องที่สน.พระราชวัง

ทั้งนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบเพิ่มเติมเนื่องจาก นายไพโรจน์  บอกว่ายังมีหมายเหลืออีกประมาณ 4  คดี


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์