ลุ้นผลดีเอ็นเอจับมือฆ่าสาวม.4

ลุ้นผลดีเอ็นเอจับมือฆ่าสาวม.4


 คดีฆาตกรรมอำพรางนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังใน จ.กาฬสินธุ์ 

ยังคงเป็นปริศนาให้ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีว่ามูลเหตุจูงใจเกิดจากเรื่องใด แต่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่และรู้จักกับเหยื่อเป็นอย่างดี !!

 ช่วงเย็นวันที่ 2 ธันวาคม พนักงานสอบสวนรับแจ้งเหตุจากเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งว่า พบศพเด็กนักเรียนถูกฆาตกรรมแล้วเผาทำลายเพื่อปิดบังซ่อนเร้น ภายในป่าสาธารณะชุมชนบ้านนาโก หมู่ 1 ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์ พ.ต.อ.สามารถ แก้วเนตร ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ พูราษฎร์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สมชาย ภูกองชนะ พงส.(สบ 3) พร้อมชุดสืบสวน เดินทางไปตรวจสอบ

 ที่เกิดเหตุอยู่หลังป้อม อป.พร. ประมาณ 100 เมตร พบศพหญิงสาวอายุประมาณ 15 ปี สวมชุดนักเรียนนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในร่องน้ำ สภาพศพเริ่มเน่าเปื่อยเนื่องจากเสียชีวิตนานเกือบเดือน การชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น พบว่าหญิงสาวรายนี้บริเวณกรามด้านขวาถูกตีด้วยของแข็งจนฟันหักและหลุด 4 ซี่ ภายในมือทั้งสองข้างกำเส้นผม และเล็บมือพบเศษเนื้อเยื่อ อีกทั้งข้างศพพบรองเท้าแตะสีน้ำตาล 1 คู่ ยางรัดข้อมือ 2 เส้น นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน และโดยรอบที่เกิดเหตุพบร่องรอยการต่อสู้ ร่องรอยหญ้าถูกไฟไหม้ ห่างจากจุดพบศพประมาณ 50 เมตร พบกางเกงในผู้ชายสีน้ำเงินตกอยู่ 

 พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนและชุดสอบสวนตรวจสอบข้อมูลบุคคลหายในพื้นที่และให้ติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสูญหายมาตรวจสอบทรัพย์สินและลักษณะของผู้เสียชีวิต ภายหลังสามารถติดตามสามีภรรยาคู่หนึ่ง เดินทางมาตรวจสอบแล้วยืนยันว่าผู้เสียชีวิต คือ "น้องมิลด์" ลูกสาววัย 15 ปีที่หายตัวไป

 พ่อแม่ของน้องมิลด์ให้ปากคำต่อชุดสืบสวนว่า หลังจากโรงเรียนเลิกวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา น้องมิลด์ ลูกสาวคนโต ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนพร้อมกับน้องสาว พอถึงบ้านก็บอกว่านัดกับเพื่อนผู้หญิงไปเที่ยวตลาดนัด อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ แล้วไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย แม้ว่าจะพยายามตามหาตามร้านอินเทอร์เน็ตก็ไม่พบ สอบถามเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครเห็น จึงมาแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

 ข้อมูลทั้งหมดถูกนำมาตรวจสอบโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของน้องมิลด์ ชุดสืบสวนทราบว่า น้องมิลด์ เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนแล้วเรียนได้คะแนนค่อนข้างดี เวลาว่างมักชอบเล่นเฟซบุ๊ก อีกทั้งพกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอดเวลาแต่ระยะหลังไม่พกโทรศัพท์มือถือเนื่องจากมีปัญหาส่วนตัว

 "ปัญหาส่วนตัวคงไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวนเบื้องต้นแล้ว ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการฆาตกรรม และเพื่อนที่น้องมิลด์บอกว่าจะไปหาก็รออยู่จนค่ำและไม่ได้พบกันอีกเลย" พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ กล่าว

ระหว่างการสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ ชุดสืบสวนได้ข้อมูลจาก "พยานแวดล้อม" ซึ่งเป็นครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งแจ้งว่า ช่วงเย็นของวันที่ 6 พฤศจิกายน พบเห็นน้องมิลด์ ยืนสนทนากับผู้ชายคนหนึ่ง คาดว่าอายุน่าจะไล่เลี่ยกัน ซึ่งจุดที่ยืนสนทนาห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 100 เมตร

"ตอนนี้ผลการชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ แจ้งให้ทราบว่า น้องมิลด์เสียชีวิตเนื่องจากการถูกบีบรัดคอทำให้ขาดอากาศหายใจ การตรวจร่องรอยข่มขืนกระทำชำเราไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้เนื่องจากสภาพศพเน่าเปื่อยเริ่มแห้ง ส่วนบาดแผลที่พบบริเวณกรามด้านขวาจนฟันหักและหลุด เกิดจากสภาพร่างกายที่เน่าเปื่อยทำให้อวัยวะเสื่อมสภาพ ส่วนเส้นผมที่น้องมิลด์กำไว้สามารถตรวจพิสูจน์หาดีเอ็นเอได้" แหล่งข่าวในชุดสืบสวน กล่าว

   แหล่งข่าวในชุดสืบสวน กล่าวอีกว่า คนร้ายในคดีนี้น่าจะอยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และอาจมีมากกว่า 2 คน โดยชุดสืบสวนแบ่งผู้ต้องสงสัยออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเพื่อนชายที่เคยสนิทสนม กลุ่มที่สองคือกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คน มักมั่วสุมในละแวกดังกล่าว ช่วงเย็นๆ มักขับขี่รถจักรยานยนต์แซวสุภาพสตรีหรือเด็กนักเรียนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา และกลุ่มที่สาม คือผู้ที่มาเช่าบ้านห่างจากจุดที่พบศพไม่มากนัก

 "กลุ่มที่สามนี้ ชุดสืบสวนตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงเวลาประมาณเกือบ 1 เดือนที่น้องมิลด์เสียชีวิต กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งที่มีการอำพรางศพด้วยการจุดไฟเผา ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยบางคนชุดสืบสวนเชิญตัวมาสอบสวน และให้ความร่วมมือในการตัดเล็บตัดเส้นผมหรือเนื้อเยื่อบริเวณกระพุ้งแก้ม เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับเส้นผมในมือของน้องมิลด์ เชื่อว่าอีกไม่กี่วันอาจรู้ตัวคนร้าย" แหล่งข่าวในชุดสืบสวน กล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์