จับเท็จพิสูจน์คดีวางยาพิษ

จับเท็จพิสูจน์คดีวางยาพิษ


  การเสียชีวิตของ "ประทุม งามเจริญ" และอาการเฉียดตายของลูกชายทั้งสอง 

จากการได้รับยาพิษเข้าสู่ร่างกาย ยังเป็นปริศนาว่าเป็นการฆาตกรรม หรือตั้งใจฆ่าตัวตาย แล้วมีมูลเหตุจูงใจใด?!!

  ช่วงสายวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง รับแจ้งความจากพลเมืองดีว่า นางประทุม งามเจริญ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 6 ต.โคกพุทธา อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง และ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี รวมถึง ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี บุตรชายของนางประทุม ถูกลอบวางยาพิษได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอ่างทอง โดยเกิดเหตุช่วงเช้า ขณะที่นางประทุมกำลังจูงรถจักรยานยนต์เพื่อเตรียมไปส่งลูกชายทั้งสองคน แต่ระหว่างนั้นมีอาการคล้ายคนหมดแรง ตัวสั่น ล้มลง มีน้ำลายฟูมปาก ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้าน (ขอสงวนชื่อนามสกุล) ที่ผ่านมาเห็น แล้วช่วยนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งคาดว่ามูลเหตุครั้งนี้ อาจเป็นฝีมือของคนร้ายที่เคยอุ้มลูกชายทั้งสองคนของนางประทุมไปทำร้ายจนใบหน้าบวมปูด โดยหาว่าเด็กชายทั้งสองขโมยเงิน 2 หมื่นบาทไป แต่เด็กชายทั้งสองคนปฏิเสธ ไม่ได้เอาเงินไป ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา
    
             หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พนักงานสอบสวนรายงานเหตุให้ พ.ต.อ.ชูเดช กองกันภัย รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง และ พ.ต.ท.สำราญ อ่วมเมือง รองผกก.สส.สภ.โพธิ์ทอง รับทราบ จากนั้นพร้อมด้วยชุดสืบสวนเดินทางไปที่โรงพยาบาลอ่างทอง กระทั่งทราบจากแพทย์ว่า นางประทุมมีอาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเด็กชายทั้งสองคนอาการปลอดภัย

  "ก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้า นางประทุมนำน้ำในตุ่มมาต้มน้ำร้อนในหม้อหุงข้าว หลังจากน้ำเดือดก็ชงโอวัลตินให้ลูกชายดื่มคนละครึ่งแก้ว ส่วนนางประทุมชงกาแฟดื่ม 1 แก้ว แล้วกำลังเตรียมขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งลูกชาย แต่เกิดอาการเหมือนคนถูกวางยา ผู้เสียหายคนหนึ่งให้การว่า ช่วงกลางดึกก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงคล้ายคนเดินย่องเข้ามาแล้วถือถุงพลาสติก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร นอกจากนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเรื่องมีชายคนหนึ่งกล่าวหาว่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กชายลักทรัพย์เงินสด 2 หมื่นบาท มีการแจ้งความกล่าวหากัน เพราะผู้เสียหายปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป แต่ถูกทำร้ายร่างกาย" พ.ต.ท.สำราญ กล่าว
    
             นอกจากนี้ ชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้านเลขที่ 49 หมู่ 6 เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานนำหม้อหุงข้าว รวมถึงวัตถุพยานต่างๆ นำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์
    
             "การตรวจสอบที่เกิดเหตุในเบื้องต้นพยานแวดล้อมหรือประจักษ์พยานไม่มีอะไรที่ชัดเจน แต่แพทย์ระบุว่า ผู้เสียหายทั้งสามคนได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ประเด็นที่ให้น้ำหนักมากที่สุด คือ การถูกลอบทำร้าย เนื่องจากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กชายทั้งสองคนถูกกล่าวหาในคดีลักทรัพย์ ในวันนั้นตำรวจได้เรียกตัวเด็กชายและแม่ไปสอบถาม เด็กชายให้การปฏิเสธ ซึ่งประเด็นนี้จำเป็นต้องสอบสวนอย่างละเอียดว่า ผู้เสียหายที่ถูกลักทรัพย์เงินสดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่" พ.ต.อ.ชูเดช กล่าว
    
             กว่า 1 สัปดาห์แล้ว คดีนี้ยังไม่คืบ แม้ว่าชุดสืบสวนพยายามหาข้อมูลของคนร้ายที่ก่อเหตุ แต่ยังขาดพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ตอนนี้ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมคือ "ผงสีดำออกเทา" หากการสืบสวนถึงที่สุดแล้ว อาจมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องจับเท็จ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนคดีปริศนาคดีนี้
    
             แหล่งข่าวในชุดสืบสวนสอบสวนกล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนยังไม่มีความคืบหน้า แนวทางที่ต้องพิสูจน์ว่าใครคือคนร้าย ต้องสืบสวนสอบสวนควบคู่ไปกับคดีที่เด็กชายทั้งสองคนถูกผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางยากล่าวหาลักทรัพย์เงินสด 2 หมื่นบาท รวมถึงคดีที่เด็กชายทั้งสองคนกล่าวหาว่าผู้ต้องสงสัยทำร้ายร่างกาย เพื่อนำมาเชื่อมโยงกับคดีลอบวางยาพิษ
    
             "อาจมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องจับเท็จ เพราะต้องพิสูจน์ว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก โดยตั้งข้อสังเกตว่า หากเด็กชายไม่ได้ลักทรัพย์สินจริง การตรวจของเครื่องจับเท็จก็สามารถพิสูจน์ได้ รวมถึงการทำร้ายร่างกายเด็กชาย หากผู้ต้องสงสัยทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่ ก็สามารถพิสูจน์ได้เช่นเดียวกัน และหากผลตรวจออกมา การสืบสวนสอบสวนคดีลอบวางยาพิษ จะสามารถค้นหาตัวร้ายที่ก่อเหตุได้ ตอนนี้ชุดสืบสวนตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นแล้ว แต่รายละเอียดลึกๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เชื่อว่าอีกไม่กี่วันคงได้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้" แหล่งข่าวในชุดสืบสวนสอบสวน กล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์