ครูซี 7 หื่นขยำอกอาจารย์ฝึกสอน

อาจารย์ฝึกสอนสาวโวยลั่น ถูกครูซี 7 รร.ดังในเมืองกรุงเก่า หื่นจัด ดอดย่องเข้ามาด้านหลังขณะนั่งพิมพ์งาน ฉวยโอกาส "ขยำแตร" หน้าด้าน ๆ ต่อว่าแล้วไม่หยุดพฤติกรรมถ่อยเข้ามากอดซ้ำ วี้ดสนั่น! จน ผอ.โรงเรียนต้องออกมาเคลียร์ ฝ่ายครูหื่นยอมรับผิด ขอร้องอย่าแจ้งความ ด้านอาจารย์ฝึกสอนสาวทนไม่ไหว แฉถูกแทะโลมตั้งแต่มาฝึกหัดช่วง 7 เดือนก่อน แจ้งความข้อหาอนาจาร เอาผิดถึงที่สุด

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ร.ต.ต.พิเชษฐ์ มาช่วย ร้อยเวร สภ.อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจาก น.ส.น้ำฝน (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ชาวอำเภอเสนา ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในพื้นที่ สาขาวิชาชีพครู ขณะนี้เป็นอาจารย์ฝึกสอนอยู่ที่ รร.แห่งหนึ่งใน อ.เสนา โดยแจ้งความให้จับกุมนายประวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี อาจารย์ 2 ระดับ 7 อาจารย์ประจำ รร.ดังกล่าว มาดำเนินคดีข้อหากระทำอนาจารหญิงอื่น

น.ส.น้ำฝน เล่าเสียงสั่นเครือว่า ก่อนเกิดเหตุ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ขณะที่ตนนั่งพิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ที่หน้าห้องผู้อำนวยการโรงเรียน จู่ ๆ นายประวิทย์ ย่องเข้ามาด้านหลัง และยื่นมือเข้ามาจับหน้าอกของตนเอง ซึ่งตนเองได้ร้องโวยวายขึ้น แทนที่นายประวิทย์จะหยุดพฤติกรรม

กลับพยายามจะเข้ามากอดซ้ำอีก ตนเลยโวยวายและกรีดร้องดังลั่น จน ผอ. ต้องรีบวิ่งออกมาจากห้องและสอบถามด้วยความตกใจ ซึ่งนายประวิทย์ได้ยอมสารภาพต่อหน้า ผอ.และกล่าวขอโทษกับพฤติกรรมที่ทำลงไป โดยขอร้องไม่ให้ตนเองแจ้งความเอาผิด

ต่อมาตนได้ปรึกษาญาติพี่น้องและแฟนหนุ่ม เห็นว่าเป็นการกระทำที่ยอมไม่ได้ เพราะตั้งแต่ช่วงเริ่มฝึกงานเมื่อ 7 เดือนก่อน นายประวิทย์ที่เป็นอาจารย์มีวุฒิภาวะ ได้พูดจาแทะโลมตนมาตลอด แต่ตนไม่เล่นด้วย ร้ายที่สุดคือพฤติกรรมที่กระทำอนาจารตนในวันนี้ เลยตัดสินใจเข้าแจ้งความเอาผิด

เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิง โดยขอให้ดำเนินคดีต่อนายประวิทย์ทั้งอาญาและทางวินัยราชการ ด้าน ร.ต.ต.พิเชษฐ์ เจ้าของคดี กล่าวว่า เมื่อเจ้าทุกข์ยืนยันเอาผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย โดยจะติดต่อนายประวิทย์ ให้มารับทราบข้อกล่าวหา หากไม่มาก็ต้องออกหมายเรียกและหมายจับตามขั้นตอนต่อไป

ด้านนายสมพิศ ศุภพงษ์ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 2 กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายละเอียดเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จะได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงและพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย หากพบว่ามีการทำผิดจริง ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่าง เด็ดขาด.