อีกแล้ว-ลูกทิ้งพ่อ ให้แท็กซี่ปล่อยวัด

"พ่อน้อยใจสะใภ้หนีออกจากบ้าน"


อีกแล้วลูกทิ้งพ่อปล่อยวัด เฒ่าวัย 72 ร้องถูกลูกชายที่อยู่ด้วยส่งขึ้นแท็กซี่ให้ไปส่งที่วัดในปากน้ำ ครวญก่อนนี้ได้ยินเสียงคุยกับลูกสะใภ้ว่าไม่อยากเลี้ยงให้เป็นภาระเพราะขาพิการ ชาวบ้านเลยช่วยไปแจ้งลูกสาวคนโตมาดูแล้วโทร.ไปดุด่าน้องชาย สุดท้ายลูกสะใภ้มารับกลับบ้าน อีกรายที่ลำปางเป็นถึงพระครูอาพาธเป็นอัมพาต ลูกชาย 2 คนนำส่งร.พ.พุทธชินราช ที่พิษณุโลก แล้วหนีหายไปเลยโดยไม่ยอมดูแล

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดคดีลูกทอดทิ้งพ่อบังเกิดเกล้าอีกแล้ว โดยคราวนี้มีลูกนำพ่อมาทิ้งที่วัดในสองวิหาร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อไปตรวจสอบพบชายสูงอายุ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ สวมแว่นสายตา นั่งอยู่บริเวณศาลาวัด โดยมีกระติกน้ำและถุงเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง

สอบถามทราบชื่อว่านายศักดิ์สิทธิ์ นันทประดิษฐ์ อายุ 72 ปี มีภรรยามาแล้ว 3 คน ลูกรวม 8 คน แต่เลิกกับเมีย 2 คนแรก มาพักอาศัยอยู่กับเมียคนที่ 3 มีลูกด้วยกัน 1 คน พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านทรัพย์บัวหลวง ย่านบางปู เมื่อช่วงเช้านายสมเกียรติ นันทประดิษฐ์ อายุ 30 ปี ลูกชายบ่นว่า

การเลี้ยงดูตนเป็นภาระมาก จากนั้นเรียกรถแท็กซี่พร้อมกับขนข้าวของเครื่องใช้จำนวนหนึ่ง บังคับให้ขึ้นรถแท็กซี่ โดยไม่ได้ให้ไปส่งที่ไหน ในที่สุดรถแท็กซี่ก็พามาส่งที่วัดแห่งนี้ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินลูกสะใภ้และลูกชาย ที่พักอยู่ด้วยคุยกันว่าซื้อบ้านหลังใหม่อยู่ย่านบางพลี แต่ไม่อยากให้ไปอยู่ด้วยเพราะขาพิการเป็นภาระ ทำให้เกิดความน้อยใจ

"เผยปูมชีวิตพ่อเฒ่า"


ต่อมาชาวบ้านและพระลูกวัดทนเห็นสภาพไม่ไหวและทราบว่านายศักดิ์สิทธิ์มีลูกสาวคนโตเป็นครูสอนหนังสืออยู่แถววัดในสองวิหาร จึงเดินทางไปตาม เมื่อลูกสาวคนโตทราบเรื่อง จึงรีบมาดูที่วัด ก็พบว่าพ่ออยู่ที่วัดจริง จึงได้โทรศัพท์ไปหานายสมเกียรติ น้องชายคนที่พ่อได้พักอาศัยด้วยว่า พร้อมกับต่อว่า ทำไมปล่อยให้พ่อมาอยู่ที่วัดแบบนี้ ซึ่งน้องชายบอกว่าพ่อหนีออกจากบ้านมาเอง

ลูกสาวคนโตเล่าให้ฟังว่า พ่อมีลูกทั้งหมด 8 คน โดยมีลูก 4 คนกับเมียคนแรก จากนั้นพ่อก็ได้ทิ้งไปโดยไม่สนใจไยดี และไปมีเมียคนที่สองโดยมีลูกที่เกิดกับเมียใหม่อีก 3 คน จากนั้นทิ้งเมียคนที่สอง ไปมีเมียคนที่ 3 และมีลูกด้วยกัน 1 คน คือนายสมเกียรติ นันทประดิษฐ์ คนที่พ่ออยู่ด้วยในปัจจุบัน ส่วนลูกและเมีย 2 คนแรกนั้นอยู่ด้วยความลำบาก เพราะพ่อไม่เคยให้ความสนใจ แต่มารู้ตอนหลังว่าพ่อไม่มีเงิน ลูกๆ จึงรวบรวมเงินกันจำนวนหนึ่งเพื่อมาให้พ่อ แต่ยังไม่ทันให้ก็ได้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นก่อน

ต่อมาเวลา 11.00 น. ภรรยาของนายสมเกียรติ นันทประดิษฐ์ ซึ่งเป็นลูกสะใภ้เดินทางมารับตัวนายศักดิ์สิทธิ์ กลับบ้านโดยพูดตะคอกว่า "ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ตกลงจะกลับบ้านหรือไม่กลับ" ทำให้นายศักดิ์สิทธิ์ถึงกับหงอและยอมกลับบ้านแต่โดยดี

"ลูกพาพ่อ"พระครู"ทิ้ง รพ."


อีกคดี 2 สองลูกชายจากลำปางพาพ่อเป็นพระครูมาทิ้ง ร.พ.พิษณุโลก โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีพระภิกษุตำแหน่งถึงพระครู ถูกลูกชายพามาจากจ.ลำปาง มาทิ้งไว้ที่ร.พ.พุทธชินราชพิษณุโลก และไม่เคยกลับดูแลเลย จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากติดต่อกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ทราบว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง มีพระภิกษุมารักษาตัวอยู่นานแล้ว พักอยู่ตึกอายุรกรรมชาย 3 ชั้น 6 โดยญาติไม่ยอมมาดูแล หลังญาติพามาที่โรงพยาบาลแล้วได้หนีกลับไปทันที

หลังจากสอบถามทราบว่า ชื่อพระครูถาวรศีลขันธ์ อายุ 73 ปี ก่อนหน้าได้มีครอบครัว มีบุตร 2 คน เป็นชายทั้งคู่ชื่อสมเกียรติ มาทอง อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ม.8 ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง และนายนรากร มาทอง หรือ แก้วกิ่ง อยู่บ้านเลขที่ 90/133 บ้านกล้วยไม้ ม.13 ต.บ่อแห้ว อ.เมือง จ.ลำปาง หลังจากนั้นได้มาบวชเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 45 ปี

ชื่อพระไกรทอง ถาวรสีโร มีพระครูสุวโรทัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์วรณา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระเรียน สิริวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ บวชเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2517 ที่วัดคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมือง จ.พิษณุโลก ต่อมาเมื่อปี 2546 ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยน้ำไหล ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูถาวรศีลขันธ์และเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยน้ำไหล

"พาทิ้ง รพ. แล้วหนีกลับทันที"


เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มมีอาการขาไม่มีแรงเดินไปไหนไม่ได้ กระทั่งเป็นอัมพาตช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เมื่อลูกชายทราบข่าวได้มารับตัวไปรักษาอยู่ที่ ร.พ.ลำปางประมาณ 4-5 วัน ต่อมาลูกชายทั้งสองคนได้ไปรับออกจากร.พ. พานั่งรถเก๋งมาที่ร.พ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าได้หนีกลับไปทันที โดยทิ้งให้อยู่ที่โรงพยาบาล ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยกลับมาหาอีกเลย

ด้าน น.ส.อัญชลี กลิ่นอวล พยาบาลผู้ดูแลไข้ กล่าวว่า วันที่ 14 ก.ย.49 มีรถเก๋งพาพระครูมาส่งที่ตึกผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ได้นำรถเข็นไปรับเนื่องจากพระครูเดินไม่ได้ หลังจากพาเข้าห้องคนไข้ติดต่อสอบถามหาญาติ ปรากฏว่าได้กลับกันไปหมดแล้ว โดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนพามา

ทางโรงพยาบาลจึงต้องรับตัวเอาไว้ก่อน หลังจากสอบถามซักประวัติทราบว่า เคยเข้ารับการรักษาอยู่ที่ ร.พ.ลำปาง ประมาณ 1 อาทิตย์ ต่อมาลูกชายได้ไปรับออกมาจากโรงพยาบาล จากนั้นได้พาพระครูมาทิ้งอยู่ที่ร.พ.พุทธชินราช เมื่อเจ้าหน้าที่รับตัวเอาไว้ตรวจ ลูกชายได้พากันหนีกลับไปทันทีโดยไม่สามารถติดต่อได้เลย

ขณะนี้ทางโรงพยาบาลต้องดูแลตลอดเวลา เนื่องจากไม่มีญาติมารับไปอุปการะ ต่อมาทราบว่ามีญาติอยู่ที่ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ได้ไปติดต่อเป็นหลานของพระครู แต่ไม่ยอมรับที่จะดูแล เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรับดูแลเอาไว้ก่อน หากอนาคตพระครูไม่หายดีต้องให้สึก เพื่อจะทำเรื่องให้ประชาสงเคราะห์จังหวัดพิษณุโลกเข้ามาช่วยเหลือดูแลและพาไปอยู่สถานที่คนพิการ เพื่อช่วยเหลือต่อไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์