หนุนกลุ่มหญิงข้ามเพศแต่งหญิงรับปริญญา

หลังจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ได้อนุญาตให้นายบารมี พาณิช หรือเด่นจันทร์ บัณฑิตวิทยาลัยสหวิทยาการ มธ.
 
และเพื่อนอีก4คนแต่งตัวด้วยเครื่องแบบผู้หญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้นั้น พบว่าที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงให้แต่เครื่องแบบนักศึกษาหญิงเข้ารับปริญญาบัตรเช่นกัน

                
นายบารมี กล่าวว่า ขั้นตอนการยื่นเรื่องขอนุญาตเพื่อแต่งกายเป็นเพศหญิง ถือว่าไม่ยุ่งยากแต่ต้องทำอย่างถูกต้อง

ซึ่งในกรณีของตนนั้น ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตแต่งกายเป็นเพศหญิง โดยมีใบรับรองแพทย์เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาอนุญาต ประกอบกับข้อมูลวิชาการจากการทำภาคนิพนธ์จบการศึกษา เรื่องชายแต่งกายหญิงรับพระราชทานปริญญาบัตร ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้แต่งกายเป็นหญิงมาเรียนตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ซึ่งหากต้องแต่งกายเป็นชายเพื่อเข้ารับปริญญาบัตรนั้นตนไม่สามารถรับได้และจะทำการสละสิทธิไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร

                
นายธันย์สิตา วิเศษสุวรรณ บัณฑิตคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เคยอนุญาตให้สาวประเภทสองแต่งกายเป็นเพศหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร  ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 คือรุ่นของตนซึ่งถือเป็นรุ่นนำร่องรุ่นแรกที่อนุญาตให้แต่เป็นหญิงได้ โดยมีนักศึกษาสาวประเภทสองได้รับอนุญาตแต่งกายเป็นเพศหญิง เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรทั้งหมด 8 คน แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่แปลงเพศแล้ว 3 คน และกลุ่มที่ยังไม่ได้แปลงเพศ 5 คน


หนุนกลุ่มหญิงข้ามเพศแต่งหญิงรับปริญญา

ทั้งนี้ขั้นตอนทำเรื่องขออนุญาตแต่งหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
 
หากเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้แปลงเพศ ต้องขอใบรับรองแพทย์และจดหมายรับรองจากสมาคมสตรีข้ามเพศ เพื่อยื่นเป็นหลักฐานประกอบการขออนุญาต แต่หากเป็นบุคคลที่แปลงเพศแล้วให้ยื่นเพียงจดหมายรับรองจากสมาคมสตรีข้ามเพศเพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งขั้นตอนยื่นเรื่องขออนุญาตแต่งกายเป็นเพศหญิงนั้นก็ไม่ถือว่ายากลำบาก เพราะโชคดีที่เหล่าอาจารย์เข้าใจกลุ่มสาวประเภทสอง

                
“ปีการศึกษา 2553 ไม่เฉพาะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เท่านั้นที่อนุญาต ให้สาวประเภทสองแต่งหญิงเข้ารับปริญญา แต่ยังมีมหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางมหาวิทยาลัยเข้าใจความรู้สึกของกลุ่มสาวประเภทสอง เพราะหากต้องแต่งกายเป็นชายเพื่อรับปริญญาก็ถือว่าขัดต่อความรู้สึกของตัวเองเป็นอย่างมาก” นายธันย์สิตา กล่าว

                
ด้านนายยลดา เกริกก้อง  สวนยศ  หรือ น้องนก สมาชิก.อบจ.น่าน ในฐานะนายกสมาคมสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทยกล่าวว่า

เธอได้แต่งกายแบบหญิงเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อปี พ.ศ. 2550 หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งถือเป็นคนแรกของสมาคม และเธอได้ให้คำปรึกษากับน้องๆ ที่สำเร็จการศึกษาในรุ่นต่อๆ มาเกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นขออนุญาตกับมหาวิทยาลัยต้นสังกัดของเขา

                
การขออนุญาตแต่งกายเป็นหญิงต้องขอใบรับรองแพทย์ที่เรียกว่า GID หรือ Gender Identity Disorder

ซึ่งจะมีคำวินิจฉัยจากแพทย์ชัดเจนว่าเธอมีภาวะทางเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด พร้อมคำแนะนำในการบำบัด เช่นการให้ฮอร์โมน ให้แต่งหญิงตลอดเวลา หรือในบางกรณีหมออาจระบุให้ผ่าตัดแปลงเพศ เอกสารนี้ทำให้สังคมเข้าใจเหตุผลว่าทำไมคนกลุ่มนี้จึงต้องแต่งตัวเป็นหญิงไม่ใช่แค่เพราะความต้องการจะทำ แต่มีปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา

                
ข้อบังคับของแพทยสภาประกาศเมื่อ ปี พ.ศ.2552 กำหนดว่าก่อนทำการผ่าตัดแปลงเพศแพทย์ต้องทำการวินิจฉัยและกำหนดวิธีการบำบัดอย่างชัดเจน
 
ซึ่งตรงนี้ช่วยได้มาก เพราะทำให้เกิดเป็นข้อปฏิบัติเดียวกันของแพทย์ที่ทำการตรวจวินิจฉัยสตรีข้ามเพศมีความชัดเจนและเป็นที่ยอมรับ เป็นเรื่องที่น่ายินดีและขอขอบคุณทางผู้บริหาร มธ. ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ สตรีข้ามเพศได้แต่งกายเป็นหญิงในการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ไม่ใช่แค่ปัญหาเครื่องแต่งกายนักศึกษา หรือบัณฑิต แต่คนข้ามเพศยังมีปัญหากับเครื่องแต่งกายหรือเครื่องแบบในการทำงานด้วยหน่วยงานรัฐก็มีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเรื่องการแต่งกายตามเพศบางรายเจ้านายถึงขั้นตัดสินใจไม่จ้างงาน แม้เขาจะมีความสามารถ เพราะหัวหน้างานไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้เขาสวมเครื่องแบบเป็นชายหรือหญิง เพราะหากให้แต่งเป็นหญิงก็ขัดกับกฎระเบียบที่ตั้งไว้ อาจถูกหาว่าละเลยต่อกฎระเบียบ

                
หากให้แต่งเป็นชายก็เกรงว่าสังคมจะมองว่าบังคับจิตใจผู้ใต้บังคับบัญชาจนเกินไป บางรายจึงยุติปัญหา

โดยการไม่จ้างงานแล้วเลือกคนที่มีสภาพตรงกับเพศกำเนิดการอนุญาตบัณทิตเป็นรายๆ ไป เป็นสิ่งที่ดี แต่ตนเกรงว่าจะสร้างปัญหาในสังคมได้ในอนาคต เพราะอาจถูกมองเป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะบางมหาวิทยาลัยอนุญาตแต่บางแห่งไม่อนุญาต จึงควรมีกฎหมายที่ประกาศออกมาใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

                
"อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับคนข้ามเพศให้มีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับพวกตน จะปรับเปลี่ยนสิทธิทางกฎหมายให้ตรงกับเพศได้อย่างไรในหลายๆ เรื่องที่ยังเป็นปัญหาอยู่ "

                
ด้านศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

กล่าวว่า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมี นศ. ชาย ที่แต่งหญิง ขอแต่งหญิงรับปริญญาบัตร ซึ่งตน  จะคุย กับ คณบดี สภามหาลัยและองค์การบริหาร นักศึกษาถึงประเด็นนี้อีกครั้ง แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่จะประชุมกันเพื่อจะหาข้อตกลงร่วมกัน และประกาศใช้เป็นกฎเกณฑ์ ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรคงต้องรอต้องฟังเหตุผลจากทุกฝ่ายของมหาวิทยาลัยก่อน

                
นายนที ธีระโรจนพงษ์ (เกย์นที) แกนนำเครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ กล่าวว่า
 
กรณีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อนุญาตให้นักศึกษาสาวประเทศสอง แต่งกายเป็นเพศหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ควรให้การสนับสนุน เนื่องจากการบังคับให้สาวประเภทสอง แต่งกายเป็นชายหรือบังคับให้แสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับสภาวะจิตใจที่แท้จริงถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ซึ่งการแต่งกายเป็นหญิงของนักศึกษาสาวประเภทสอง เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือไปริดรอนสิทธิของบุคคลอื่นแต่อย่างใด

                
“อยากให้สังคมเปิดใจยอมรับและมองว่าการที่สาวประเภทสอง เพราะการแต่งหญิงหรือแต่งชายไม่ได้เป็นสิ่งที่ยืนยันความรู้ความสามารถของคนเรา ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถือเป็นต้นแบบของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ที่อนุญาตให้นักศึกษาสาวประเภทสองแต่งกายเป็นเพศหญิงเข้ารับปริญญา และต่อไปในอนาคตคิดว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็จะอนุญาตให้สาวประเภทสองแต่งกายเป็นเพศหญิงรับปริญญาได้ เพราะสาวประเภทสองนั้นมีนิสัยและพฤติกรรมเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว การถูกบีบบังคับจากสังคมให้แต่งกายเป็นผู้ชายจึงถือเป็นการบังคับจิตใจ และสร้างความกดดันให้กับนักศึกษาสาวประเภทสองเป็นอย่างมาก” นายนที กล่าว

                
นายนที กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังพลักดันเรื่องกฎหมายแต่งงานระหว่างคนเพศเดียวกัน และการเปลี่ยนคำนำหน้านามจาก นาย เป็น นางสาว

เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กลุ่มคนที่มีความหลายหลายทางเพศ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเริ่มต้นดำเนินการ ทั้งนี้ตนมองว่าหากกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและสาวประเภทสอง ไม่ได้รับสิทธิพื้นฐานที่เท่าเทียมกับบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนสมรส และการเปลี่ยนคำนำหน้านาม จะสร้างความทุกข์ทรมาณและความยากลำบากในการดำเนินชีวิตให้กับกลุ่มคนเหล่านี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์