รถเมล์พุ่งปีนฟุตปาธ ชนอัดกำแพง ผู้โดยสารวัย 61 พุ่งตกรถเลือดอาบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. 55  ร.ต.ต.สัณหวัช แก้วดวงศรี ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรปราการ

ได้รับแจงมีอุบัติเหตุรถโดยสารร่วมบริการ เสียหลักพุ่งชนกำแพงบริษัท วิปเทว จำกัด ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ขาเข้านครบาล ใกล้ด่านเก็บเงินทางลงด่วนกาญจนาภิเษก เลขที่ 20 ม. 1 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

         
ในที่เกิดเหตุได้พบรถโดยสารประจำทางสาย 25 ซึ่งเป็นรถเอกชนร่วมบริการ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาวคาดน้ำเงิน ทะเบียน 10-9816 กรุงเทพมหานคร
 
ซึ่งเป็นของบริษัทแสงศิริขนส่ง จำกัด ที่วิ่งระหว่าง ปากน้ำ - หัวลำโพง ด้านหน้ารถพุ่งชนอัดติดอยู่กับกำแพงของบริษัทดังกล่าวจนพังยับเยิน ภายในรถโดยสารคันดังกล่าวพบผู้โดยสารนั่งร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกจำนวน 4 ราย และมีผู้โดยสารที่เป็นชายได้กระเด็นตกลงไปด้านล่างได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อนายสุวิทย์ บุญเปี่ยม อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97/97 หมู่ 3 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและท่อนแขนถูกเศษกระจกบาด และยังมีผู้บาดเจ็บอีกหนึ่งราย เป็นคนขับรถโดยสารคันดังกล่าว ทราบชื่อ นายสายชล เอี่ยมนิคม อายุ 49 ปี มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิได้ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล สมุทรปราการ ส่วนผู้โดยสารรายอื่นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

         
จากการสอบสวน นางน้ำ ผลพล อายุ 47 ปี พนักงานเก็บเงินรถโดยสารคันดังกล่าว ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสายชล ได้ขับรถออกมาจากอู่แพรกษา และเข้าไปวนรับผู้โดยสารภายในตลาดปากน้ำ และขับออกมาตามถนนสุขุมวิท มาติดไฟแดงอยู่ที่สามแยกโค้งเกริก หลังจากออกจากไฟแดง นายสายชล ได้ขับรถออกจากไฟแดงด้วยความเร็วพอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งนายสายชล กลับไม่ยอมเลี้ยวเข้าโค้งได้พุ่งตรงปีนขึ้นไปบนฟุตปาธ ก่อนที่จะชนกำแพงโรงงานจนพังยับเยิน ตนและผู้โดยสารที่นั่งมาที่เบาะช่วงกลางคันต่างพากันกระเด็น มารวมกันอยู่ที่เบาะด้านหน้า ส่วนนายสุวิทย์ ผู้บาดเจ็บ ซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหน้าได้กระเด็นพุ่งออกไปทางหน้ารถตกลงไปที่พื้นด้านล่างได้รับบาดเจ็บดังกล่าว 

         
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ในขณะที่นายสายชล โชเฟอร์รถร่วมคันดังกล่าวอาจเกิดอาการหลับใน หรือเสพสารเสพติด ซึ่งจะได้ทำการตรวจหาสารเสพติด เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป




เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์