โวย รพ.ทำยายเจ้าหญิงนิทรา ฟันปลอมหลุดลงอุดหลอดลมฟ้องร้องเอาผิด

โวย รพ.เอกชนชุ่ยทำ คุณยาย กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นักเขียนสาว วิ่งโร่ร้อง สธ. เหตุทำฟันปลอมหลุดลงคอไปอุดหลอดลม จนทำให้สมองขาดออกซิเจน นอนรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน ยังไร้สติ แต่มาระยะหลังสถานพยาบาลเริ่มปัดความรับผิดชอบ ท้าฟ้องร้องเอาผิด ด้าน ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ รับเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันคงต้องใช้เวลาสักระยะ

ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 30 ม.ค. น.ส.กรกฏ พัลลภรักษา นักเขียนและช่างภาพอิสระ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นพ. ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเป็นธรรมภายหลังจากที่ได้นำ นางน้อย เจริญพันธ์ อายุ 82 ปี ผู้เป็นยายเข้ารักษาใน รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง โดยใช้สิทธิบัตรทองในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เนื่องจากมีอาการทางปอดและไอรุนแรง แต่ในระหว่างการรักษาตัวที่ รพ. ดังกล่าวปรากฏว่า ฟันปลอมได้หลุดเข้าไปอุดที่หลอดลมจนทำให้สมองขาดออกซิเจน ขาดการรับรู้และร่างกายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มีเพียงแค่ลมหายใจ และนอนรักษาที่โรงพยาบาลมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งล่าสุดทาง รพ. มีแนวโน้มจะปัดความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ภายหลัง นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ลงมาพบและเป็นผู้รับเรื่องแทน

น.ส.กรกฏ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 49 นางน้อย มีอาการไอรุนแรงมาก ตนพร้อมด้วยพี่ ๆ และน้อง ๆ จึงได้พาส่งเข้ารักษาที่ รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งรักษาประจำ ภายหลังการตรวจพบว่ายายมีอาการปอดอักเสบ แพทย์จึงได้นำเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน เพราะมีอาการไอมาก ประกอบกับมีเสมหะที่ขับไม่ออก ทำให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจที่เป็นสายยางสอดใส่ทางจมูก ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ก่อนที่ยายจะนอนหลับไป ทางพยาบาลได้บอกกับยายว่า ให้พยายามนอนตะแคง เพราะถ้านอนหงายฟันปลอมจะร่วงลงคอได้ จนกระทั่งทาง รพ.ได้โทรฯ แจ้งที่บ้านว่า นางน้อยไม่หายใจ

น.ส.กรกฏ กล่าวต่อไปว่า ตนจึงรีบไปตรวจสอบ ทราบจากหลานอีกคนที่เฝ้าอาการยาย ว่า พยาบาลได้เข้ามาครอบหน้ากากพ่นยาให้ยาย แต่สักพักเมื่อพ่นยาหมดแล้ว ได้ยินเสียงยายไอขึ้นอีก และทราบว่ายายอยู่ในอาการตาเหลือก มีอาการชัก จึงได้กดกริ่งเรียกพยาบาล แต่กดกริ่งถึง 3 ครั้งแล้ว ยังไม่มีพยาบาลเดินเข้ามา จึงได้โทรศัพท์เรียกพยาบาลอีก 2 ครั้ง ปรากฏว่าไม่มีใครรับสาย ทำให้ต้องวิ่งออกไปเพื่อไปตามพยาบาลมาดูผู้ป่วย และจากนั้นได้มีการนำนางน้อยเข้าห้องฉุกเฉิน โดยตนได้รับการอธิบายจากแพทย์ภายหลังว่า พบว่าฟันปลอมร่วงติดลงไปขวางในหลอดลม เป็นสาเหตุทำให้ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงที่สมอง

น.ส.กรกฏ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังได้รับทราบการชี้แจงแล้ว ทางแพทย์ได้ขอโทษ และอธิบายว่าเป็นช่วงเปลี่ยนเวรพอดี โดยรับปากจะดูแลยายให้ดีที่สุด และป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก แต่พวกตนเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ดังกล่าว และเวลาผ่านไปแล้ว 3 เดือน ทางคณะผู้บริหารโรงพยาบาลไม่ได้แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ พร้อมท้าทายตนให้ไปฟ้องร้อง ตนจึงมาร้องเรียนในวันนี้เพื่อขอให้ตรวจสอบขั้นตอนการรักษาพยาบาลของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในความบกพร่องและความประมาทที่เกิดขึ้นของ รพ.

ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งทางกองการประกอบโรคศิลปะจะรับเรื่องไปตรวจสอบ ซึ่งเราคงต้องหาข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่ายก่อน ทั้งทาง รพ. และผู้ป่วย ซึ่งหากมีความซับซ้อนและมีผู้ที่เกี่ยวข้องมากคงต้องใช้เวลา ซึ่ง สธ.เองมีคณะกรรมการสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม หากเกี่ยวข้องกับวิชาชีพคงต้องเป็นหน้าที่ของแพทยสภา และสภาการพยาบาล ส่วนระยะเวลาคงยังบอกไม่ได้ แต่หากเป็นลักษณะการไกล่เกลี่ยก็จะทำได้โดยเร็วกว่าการเข้าสู่กระบวนการสอบ.