รวบเฒ่าหื่น!ข่มขืนแม่เฒ่าอัมพฤกษ์

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 เมษายน พ.ต.อ.ตระกูล เกี้ยวประเสริฐ ผกก.สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังตำรวจกว่า 20 นาย นำตัว นายเปล่ง ประสานเนตร อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม. 7 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากที่จะถูกตำรวจจับกุมตัวได้ โดยก่อนหน้านั้น นายเปล่ง ได้เข้าไปในบ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง ไม่มีเลขที่ อยู่ใน อ.นครหลวง แล้วพยายามจะข่มขืน ด.ญ.เพลิน ( นามสมมุติ ) อายุ 11 ปี ซึ่งมีสภาพร่างกายคล้ายสติไม่สมประกอบ แต่ปรากฏว่า ข่มขืนไม่ได้เกิดการต่อสู้ จนนายเปล่งหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา

จากการสอบสวนทราบว่า ในวันเกิดเหตุ นางพลอย ( นามสมมุติ ) อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นยายของ ด.ญ.เพลิน ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ นอนอยู่ในมุ้งซึ่งกางอยู่ในห้องใต้ถุนบ้านที่กั้นด้วยสังกะสี โดยมี ด.ญ.เพลิน นอนดูแลอยู่ ปรากฏว่า นายเปล่ง ได้มุดเข้าไปในมุ้งพยายามที่จะจับ ด.ญ.เพลิน ถอดกางเกงและเสื้อออก แต่ ด.ญ.เพลิน ได้พยายามใช้มีดปลายแหลมปลอกผลไม้ที่วางอยู่ข้างที่นอนแทง นายเปล่ง ถูกแย่งมีดจนมีดบาดที่ต้นคอของเด็ก นายเปล่งจึงตกใจวิ่งหนีออกจากบ้านไป แล้วถูกตำรวจจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา

นางพลอย กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น นายเปล่ง เคยมุดมุ้งเข้ามาข่มขืนตนสองครั้งแล้ว ทั้งที่ ด.ญ.เพลิน หลานสาวก็นอนเฝ้าอยู่ โดยข่มขู่ไม่ให้ร้องและต่อสู้ จนกระทั่งวันเกิดเหตุ นายเปล่ง คงได้ใจกลับมาเพื่อจะข่มขืนหลานสาว แล้วเห็นหลานสาวต่อสู้ถูกมีดบาด จึงวิ่งหนีออกไป

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพปรากฏว่า มีประชาชนให้ความสนใจมามุงดูจำนวนมาก และพยายามที่จะเข้าทำร้าย นายเปล่ง โดยชาวบ้านบอกว่า เคยมีคนย่องเข้าไปข่มขืนด.ญ.เพลิน มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตำรวจจับกุมตัวได้ จึงอยากที่จะวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ให้เด็กไปอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนนางเพลิน ก็ไม่มีญาติพี่น้องควรให้ความช่วยเหลือด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก