ตร.ยังไม่สรุปที่มาสติ๊กเกอร์SEJEALมาจากเยอรมนี

ตร.ยังไม่สรุปที่มาสติ๊กเกอร์SEJEALมาจากเยอรมนี



พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 3 จุด ย่านซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ว่า ฝ่ายสืบสวนซึ่งมี พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุด ยังเดินหน้าสืบสวนหาแหล่งที่มาของสติ๊กเกอร์ SEJEAL โดยยังไม่สรุปว่าผลิตขึ้นในประเทศเยอรมนีและนำเข้ามาเพื่อใช้ในการก่อเหตุในประเทศไทย รวมทั้งเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวคนร้ายที่นำแผ่นสติ๊กเกอร์ติดตามที่สาธารณะ เบื้องต้นบางจุดมีภาพ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างตรวจดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบ


"ขณะที่ผลการตรวจดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ที่เอกสารของโรงแรมที่ผู้ต้องหาเคยเข้าพัก ใบเสร็จรับเงินและวัตถุพยานหลายอย่าง พบว่าดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงเป็นของกลุ่มผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะใช้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา" พล.ต.อ.ปานศิริกล่าว


พล.ต.อ.ปานศิริยังระบุถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนราชการและประชาชน เช่น บ้านพักและรถยนต์ในละแวกที่เกิดเหตุ ถนน ตู้โทรศัพท์สาธารณะและความเสียหายของโรงเรียนเกษมพิทยา ว่า ตรวจสอบแล้วเป็นความเสียหายประมาณ 5.9 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมความเสียหายที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและประชาชนที่ยังไม่แจ้งความ พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมความเสียหายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนยังเดินหน้าสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม ในส่วนของผู้ต้องหาที่เคยติดต่อไปและประจักษ์พยานบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อให้รายละเอียดเหตุการณ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนอีกครั้งวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 14.00 น.


พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวด้วยว่า ส่วนการประสานขอตัวผู้ต้องชาวอิหร่านที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุมได้ 1 คน ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก โดยทางการมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

มีรายงานข่าวด้วยว่า ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งหาตัวผู้ต้องหาที่เป็นผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน 1 คน เข้ามาทำงานเป็นเชฟที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านซอยนานา ซึ่งเป็นจุดรวมตัวของชาวตะวันออกกลาง โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้เช่าห้องพักอยู่ที่ย่านคลองตันกับภรรยา มีพฤติกรรมเก็บตัว เชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับผู้ต้องหาชาวอิหร่านในคดีระเบิด 3 จุด


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์