เจอแล้ว! มือฉีกแบงก์ 1.3 ล้านบาท-ที่แท้ลูกร้านทองน้อยใจพ่อ

เจอแล้ว! มือฉีกแบงก์ 1.3 ล้านบาท-ที่แท้ลูกร้านทองน้อยใจพ่อ

จากกรณีนายไพฑูรย์ วิทยารำพระ เจ้าของร้านทรัพย์มงคล จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า อยู่บ้านเลขที่ 115/7 ถนนเทศบาล 2 ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
 
แจ้งสภ.คลองกิ่ว ว่า พบธนบัตรใบละ 1,000 บาท สภาพถูกฉีกทิ้งในถังขยะหน้าร้าน และเมื่อตำรวจตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นธนบัตรของจริงชั่งน้ำหนักได้ประมาณ 1.3 กก. คิดเป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ 1.3 ล้านบาทจนเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประเทศ ตามที่ "ข่าวสด" นำเสนอไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา

 ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด"

รายงานว่า ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.2  พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สืบสวนฝ่ายรักษาความปลอดภัย ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีดังกล่าว

 พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ช่วงเช้าของวันนี้ (6 ก.พ.55)  นายวรพงศ์ หรือยู๋ โรจน์สัตตรัตน์ อายุ  60  ปี

อยู่บ้านเลขที่ 191/12 หมู่ 1 ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เจ้าของร้านทองห้างทองรุ่งเจริญ ซึ่งเป็นร้านทองใหญ่ที่ในตลาดหัวกุญแจ นำตัวนายวรพันธ์ หรือเบิร์ด โรจน์สัตตรัตน์ อายุ 30 ปี ลูกชาย เข้าพบพล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล พร้อมทั้งแจ้งว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตน ส่วนธนบัตรที่ถูกทำลายนั้น นายวรพันธ์ ลูกชายเป็นผู้ใช้กรรไกรตัด พร้อมทั้งเผาธนบัตรบางส่วน หลังจากนั้นนำธนบัตรใส่ถุงแล้วนำไปทิ้งในถังขยะห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร โดยมีสาเหตุมาจากน้อยใจ เครียดและไม่พอใจที่พ่อเอาเงินจำนวนหนึ่งไปหนุนร้านทองของลูกชายอีกคนหนึ่งที่ไปเปิดร้านทองที่พัทยา จึงเก็บเงินจากการขายทองบางส่วนครั้งละ 20,000-30,000 บาท โดยสะสมเป็นเวลานานกว่า 2 ปี และเกรงว่าพ่อจะตรวจพบ จึงทำลายธนบัตรจำนวนดังกล่าว

  พล.ต.ท.ปัญญา แถลงผลการสอบสวนเบื้องต้นว่า การทำลายธนบัตรครั้งนี้ จากการตรวจสอบดูแล้ว เกิดจากความน้อยใจของผู้เป็นลูกมากกว่า
 
ไม่มีเจตนาจะลบหลู่ในหลวง จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิด ส่วนกระแสข่าวที่มีการวิพากษ์ วิจารณ์ไปต่างๆนานานั้น ณ บัดนี้คงทราบความจริงกันหมดแล้ว  และไม่เข้าข่ายคคีการลักทรัพย์  เนื่องจากเป็นเงินที่นายวรพันธ์มีส่วนครอบครองและใช้จ่ายได้อยู่แล้ว ประกอบกับพ่อของผู้ทำลายก็ไม่ได้ติดใจแต่อย่างใดจึงไม่มีความผิด หรือหากจะมีความผิดก็ยอมความกันได้ในฐานะพ่อกับลูก ซึ่งไม่ใช่ประเด็น แต่สาเหตุมาจากความน้อยใจพ่อ

 ด้านนายวรพงศ์ กล่าวว่า สาเหตุมาจากที่ตนพยายามนำเงินไปช่วยลูกชายอีกคนหนึ่งที่เปิดร้านทองแห่งใหม่ที่พัทยา
 
การทำการค้าช่วงแรกยอมรับว่าจะเอาเงินไปช่วยเหลือให้ร้านทองอยู่ได้ จนกระทั่งนายวรพันธ์ บุตรชายคนเล็กน้อยใจได้ต่อว่าต่อขานว่านำเงินไปช่วยร้านทองพี่ชายที่พัทยาจนเงินไม่มีเงินเหลือติดบ้าน ซึ่งตนไม่คิดว่าลูกชายจะคิดมากถึงขนาดนั้น และมาระยะหลังลูกชายชอบเก็บตัวเงียบผิดปกติ จนเกิดเหตุนำเงินจำนวนดังกล่าวไปทำลาย  ซึ่งธนบัตรที่ถูกทำลายได้ตรวจสอบดูแล้วไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสามารถนำมาต่อกันได้ เนื่องจากตนเคยทำงานธนาคารมาก่อน และไม่ได้ติดใจการกระทำของลูกชายในครั้งนี้แต่อย่างไร นับว่าเป็นสิ่งดีเสียด้วยซ้ำที่ลูกชายน้อยใจแล้วไม่ไปทำร้ายตัวเอง และเงินที่ ลูกชายทำลายนั้น ลูกชายก็มีสิทธิ์เพราะเป็นผู้ดูแลอยู่แล้วด้วย อาจจะคิดน้อยใจมากไปเท่านั้นเอง

 ส่วนเจ้าหน้าที่สืบสวน ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวว่า เงินที่ถูกทำลายในครั้งนี้ หากนำมาต่อกันได้ครบ 100 เปอร์เซ็น ก็สามารถแล้วคืนได้ครบตามจำนวน หากต่อได้ครึ่งหนึ่งก็จะได้ครึ่งหนึ่งหรือ 500 บาท ซึ่งจะลดไปตามส่วนที่เสียหาย

 พล.ต.ต.จำนงค์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ระบุว่า ส่วนการดำเนินคดีก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายจะหยุดไม่ได้
 
ขณะนี้ได้ให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ รวมสารเสพติด เพื่อประกอบในการทำสำนวนการสอบสวน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังอีกด้วย ซึ่งทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี
 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์