วงจรปิดไม่ชัด!ภาพสเก็ตช์มือบึ้มยังออกไม่ได้

ตำรวจประชุมเครียด เดินหน้าสืบสวนสอบสวน ล่าตัวคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดป่วนกรุง 7 จุด พร้อมแบ่งงาน โดยระดมตำรวจมือดี ร่วมทำงาน เน้นหาพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ส่วนภาพผู้ต้องสงสัย ระบุ วงจรปิดยังไม่ชัด และยังไม่สามารถออกภาพสเก็ตคนร้ายได้

วันนี้(3 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.ได้ประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินแนวทางการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดถล่มกรุง 7 จุด ว่าหลังประชุมเสร็จสิ้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคำสั่งที่ 1/2550 แต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนในสังกัดทันที เพื่อรับผิดชอบการสืบสวนคดีระเบิดที่เกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์เสียหายให้แล้วเสร็จด้วยความรอบคอบรวดเร็วต่อเนื่องและเป็นธรรม โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธ์คงชื่น รอง ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.และ พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ รอง ผบช.น. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน

พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนทำงานกันอย่างต่อเนื่องโดยสอบปากคำพยานที่เป็นผู้บาดเจ็บไปแล้วกว่า 10 ปากรวมถึงประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งผู้บาดเจ็บนั้นยังไม่สามารถให้การอะไรได้มากนักต้องรอให้อาการดีขึ้นสักระยะก่อน ส่วนการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนั้นแต่ละพื้นที่เกิดเหตุจะดำเนินคดีไม่เหมือนกัน

พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาการกระทำผิดคดีที่เกิดขึ้นไว้แล้วมี 4-5 ข้อหาด้วยกันขึ้นอยู่กับแต่ละจุดว่ามีคนตายหรือไม่ ถ้ามีก็ตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กรณีมีผู้บาดเจ็บตั้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จุดที่มีการระเบิดป้อมยามตำรวจตั้งข้อหา พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ข้อหาทำให้เกิดการระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตายและทำให้เสียทรัพย์ ข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ แต่ละจุดเกิดเหตุจะแจ้งข้อหาไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและความรุนแรงที่ปรากฎ ขณะนี้ตำรวจได้เก็บรวบรวมหลักฐานทั้งจากที่เกิดและบริเวณใกล้เคียงให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ เพิ่มเติมแล้วเพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน รอง ผบช.น.กล่าวและว่า สำหรับภาพโทรทัศน์วงจรปิดในแต่ละจุดนั้น ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วแต่ภาพที่ได้ไม่ชัดเจนนักจึงมอบหมายให้ฝ่ายเทคนิคตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง จึงยังไม่สามารถออกภาพสเก็ตคนร้ายได้ ตรงนี้ขอยืนยันไม่รู้ข่าวออกมาได้อย่างไร

รอง ผบช.น. กล่าวต่อว่า ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปทำงานเมื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไรมาก็จะพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เท่าที่สอบพยานซึ่งเป็นผู้เสียหายยังสับสนกันอยู่บางคนบอกว่าเห็นผู้ต้องสงสัย บางคนบอกไม่เห็น บางคนก็ช็อคไปก่อนจึงต้องค่อยเป็นค่อยไปผู้ต้องสงสัยจะใช่หรือไม่ใช่ก็ยังไม่รู้ อย่างไรก็ดีเหตุการณืที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่ได้กำหนดเวลาว่าต้องทำคดีให้เสร็จภายใน 3 วัน 5 วันเพียงแต่กำชับให้ทำคดีอย่างรอบคอบตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฎเท่านั้น

รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า การทำงานของตำรวจนครบาลนั้นจะประสานกับกองบังคับการกองปราบปรามตลอดเวลา เน้นการสืบสวน ประสานข้อมูลและประเมินสถานการณ์ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ จึงอยากขอความร่วมมือกับประชาชนหากรู้เบาะแสกลุ่มคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัย สามารถโทรแจ้งมาที่ศูนย์วิทยุ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง ตำรวจจะปิดเป็นความลับและให้ความคุ้มครองเป็นอย่างดี

ขณะที่ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น.เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนภายหลัง พล.ต.ท.วิโรจน์ มีคำสั่งแต่งตั้งทีมสืบสวนสอบสวนในสังกัดคลี่คลายคดีระเบิด 7 จุดใน กทม. โดยนักสืบฝีมือพระกาฬเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงประกอบด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ในฐานะหัวหน้าศูนย์สืบสวนพิเศษนครบาล พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.กก.บก.น. 1 พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม ผกก.สส.บก.น. 2 พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น. 4 พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.บก.น. 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนระดับ สว.สส.บก. น. 1 2 4 และ 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.ป.และบช.ก. เพื่อวางแนวทางในการปฏิบัติงาน

โดยที่ประชุมมีคำสั่งเร่งรัดให้ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าว นำพยาน หลักฐานมาประกอบกัน ให้รู้ที่มาที่ไปอย่างชัดเจน นำข้อมูลที่ได้มารวบรวมในช่วงเย็นของทุกวันจนกว่าคลี่จะคลี่คลายและจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด ซึ่งการประชุมเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด ขณะที่ฝ่ายสืบสวนยังไม่สรุปประเด็นเหตุระเบิดว่า เป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ทางการเมือง ตามที่ คมช.และนายกฯ ระบุหรือไม่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานสืบสวนหาข่าวในวงกว้างก่อนจะตัดไปที่ละประเด็น เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า บช.น.ได้ระดมบรรดาตำรวจนักสืบและตำรวจสอบสวนฝีมือดีจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 และ สน.ต่างๆ จำนวน 42 นายเข้าร่วมทำงานเป็นทีมเนื่องจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีความสอดคล้องกัน อาทิ พ.ต.อ.ชาญ ชุณหวงศ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศูนย์สืบสวนสอบสวน บช.น. พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.กก.บก.น. 1 พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม ผกก.สส.บก.น. 2 พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น. 4 พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น. 5 ร่วมกับรอง ผกก.สน.พื้นที่ที่เกิดเหตุ สน.พญาไท สน.บางซื่อ สน.ลุมพินี สน.ท่าเรือ สน.พระโขนง สน.ประเวศ สน.ดินแดง เนื่องจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุการณืที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความมั่นคง