แก๊ง นร. นอกสุดทมิฬตะเวนฆ่าชิงทรัพย์ ปืนเลเซอร์ซุ่มยิง ไม่เลือกหน้า

คนร้ายลงมือก่อเหตุอุกฉกรรจ์


จากการที่คนร้ายลงมือก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ คดีฆ่ารัดคอนักศึกษารามคำแหง ท้องที่ สน. อุดมสุข, คดีชิงทรัพย์ร้านทอง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ป้อมตำรวจ และร้านเซเว่นพื้นที่ สน.บางนา

คดีฆ่าชิงทรัพย์รถบีเอ็มฯ ท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ, คดีปล้นร้านทองฆ่า 3 ศพ ท้องที่ สน. จักรวรรดิ, คดีปล้นร้านเพชร พื้นที่ สน.บางรัก, คดีฆ่าปาดคอนักเรียน ม.1 ท้องที่ สน.บาง เขน และคดีฆ่าแท็กซี่แทงพรุน 105 แผล ท้องที่ สน.ดอนเมือง

นับเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ตำรวจยังไม่สามารถไล่ล่าจับกุมคนร้ายได้ทำให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต. กฤษฎา พันธุ์คงชื่น, พล.ต.ต.เจตน์ มงคล หัตถี รอง ผบช.น. สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบเร่งคลี่คลายดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5, พ.ต.อ. ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.5, พ.ต.อ. เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ และเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เข้าจับกุม นายวรเพชร หรือเพชร สมประเสริฐ อายุ 23 ปี นายภูริทัต หรือหนุ่ม คีรีเอกสถิต อายุ 29 ปี และ นายปิยเกียรติ หรือ ปอม กิติวรนันท์นกุล อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นและชิงทรัพย์

พร้อมของกลางรถเก๋ง บีเอ็มดับ เบิลยู ซีรีส์ 5 ทะเบียน ฉล 5888 กรุงเทพมหานคร อาวุธปืนยาวขนาด .22 ยี่ห้อรูเกอร์ ทะเบียน กท.4450083 ดัดแปลงมีท่อเก็บเสียงและมีลำแสงเลเซอร์ นาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน แผ่นป้ายทะเบียน ฉล 5888 กรุงเทพมหานคร และตั๋วรับจำนำ

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงดึกวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฆ่าชิงทรัพย์ นายปองคุณ หิรัญญนิธิวัฒนา อายุ 30 ปี เสี่ยเจ้าของบริษัทนำเข้าเซรามิก ก่อนจะชิงรถบีเอ็มฯ นาฬิกาโรเล็กซ์ของผู้ตาย หลบหนีไป เหตุเกิดหน้าร้านอินดี้บาร์ ถนนเชื้อเพลิง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา


พิสูจน์ศพพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน


หลังผ่าศพพิสูจน์พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ลงมือสังหาร น.ส.พัฒนาวดี พรหมศร อายุ 43 ปี เจ้าของร้านขายสินค้าโอทอปสวนลุมไนท์บาซาร์ ขณะกำลังเปิดประตูรถเก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์ ทะเบียน ษร8353 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถสวนลุมไนท์บาซาร์ เวลา 02.00 น. วันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าพฤติกรรมการก่อเหตุและอาวุธปืนที่ใช้มีขนาดเดียวกัน

จากแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่พุ่งประเด็นไปที่เรื่อง ฆ่าชิงทรัพย์ โดยกระจาย กำลังออกหาข่าวตามโรงรับจำนำทั่วกรุงเทพฯ จน พ.ต.อ.เจริญ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ข้อมูลแน่ชัดว่านายภูริทัตเป็นคนนำนาฬิกาโรเล็กซ์ของเหยื่อไปจำนำ จึงเข้าจับกุมทันที เบื้องต้นเจ้าตัวสารภาพว่า ร่วมกับเพื่อนที่เป็นหัวโจกคือนายวรเพชร ลงมือก่อเหตุ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายวรเพชรได้อีกราย จากการสอบสวนนายวรเพชรให้การอย่างไม่สะทกสะท้านว่า เป็นคนลงมือยิงนายปองคุณ โดยวันเกิดเหตุขับรถโตโยต้า รุ่นอแวนซา สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

ตระเวนหาเหยื่อ บังเอิญเห็นผู้ตายนั่งเปิดประตูรถรื้อเอกสารบางอย่าง อยู่ จึงบอกเพื่อนให้ขับไปจอดใกล้ ๆ ก่อนจะเอาปืนเก็บเสียงขึ้นมาเล็งโดยใช้เลเซอร์เป็นตัวกำหนดจุด พร้อมกับลั่นไกส่งกระสุนปลิดชีพเหยื่ออย่างง่ายดาย แล้วก็รีบลงปลดทรัพย์ผู้ตาย ก่อนจะเอาศพโยนออกนอกรถขับหนีไปจอดไว้ที่บ้านแม่ที่ จ.กาญจนบุรี โดยนำทะเบียนป้ายแดงมาสวมแทน


ได้ร่วมกันฆ่าชิงทรัพย์ บริเวณลานจอดรถสวนลุม


นอกจากนี้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้ร่วมกับนายปิยเกียรติฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.พัฒนาวดี บริเวณลานจอดรถสวนลุม ไนท์บาซาร์ด้วย แต่ครั้งนั้นไม่ได้ขโมยรถยนต์ไป เนื่องจากหากุญแจรถที่เหยื่อทำ หล่นขณะถูกยิงไม่เจอ ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ก็ตามไปจับกุมนายปิยเกียรติ หนึ่งในแก๊งโหดที่หนีไปกบดานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ยโสธร ได้เป็นรายสุดท้าย


ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังสารภาพอีกว่าหากยังไม่ถูกจับกุมก็จะตระเวนหาเหยื่อสังหารไปเรื่อย ๆ นับว่าเป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์จริง ๆ พล.ต.ท. วิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าชมเชยอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ได้สำเร็จ ถือว่าเป็นการปิดคดีใหญ่หนึ่งในคดีอุกฉกรรจ์ที่ยังค้างอยู่ ซึ่งพฤติกรรมคนร้ายนับว่าโหดเหี้ยม อย่างยิ่ง ตระเวนฆ่าเหยื่อชนิดที่ไม่ต้องเลือกหน้า สบโอกาสเมื่อไหร่ฆ่าทันที

สำหรับประวัตินายวรเพชร เป็นลูกชายเจ้าของร้านขายอะไหล่รถมือ 2 (เซียงกง) ย่านปทุมวัน อยู่ในฐานะดี แต่มีนิสัยเกเร จนทางบ้านต้องส่งไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แต่เรียนไม่จบ

ส่วนนายภูริทัต ก็เป็นเจ้าของร้านให้เช่าวีซีดี ขณะที่นายปิยเกียรติก็เป็นลูกคนมีฐานะเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย ส่วนสาเหตุมาจากแต่ละคนติดหนี้พนันฟุตบอลคนละหลายล้านบาท เป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่งสำหรับคนที่เคยไปร่ำไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แต่กลับมาก่อเหตุชนิดที่ใคร ๆ คาดไม่ถึงเช่นนี้.

ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์