เห็นมือปืนวีโก้ดำ พยานแฉ มาถามหาประชา


รองผบช.ภาค 1 รุดสอบปากคำส.ส.ประชา พบข้อมูลตรงกัน มุ่งปม ขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น เชื่อมโยงการเมืองระดับชาติ ขณะที่ประชา

ก็มอบหลักฐานทุกอย่างให้ตำรวจ ลั่นน็อกทั้ง 'ตัวผู้-ตัวเมีย' แฉโดนมือปืนตามมากว่า 1 เดือน เผยวาดภาพไว้ในใจแล้วเป็นใคร ด้านแกนนำเพื่อไทยจี้ 'มาร์ค' ส่งตำรวจดูแลความปลอดภัยผู้สมัครส.ส.อย่างเท่าเทียมกัน ชี้เริ่มมีสัญญาณรุนแรงในสนามเลือกตั้ง ทั้งกทม.และต่างจังหวัด ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ รองผบ.ตร. เปิดบัญชีรายชื่อ 43 มือปืนรับจ้าง ตั้งรางวัลนำจับรายละ 1 แสน สั่งตร.ทั่วประเทศปฏิบัติการเชิงรุก กดดันให้ไม่กล้าออกมาก่อเหตุ

จากกรณีมือปืนรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์วีโก้ สีดำ ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มนายประชา ประสพดี อดีตส.ส.สมุทร ปราการ พรรคเพื่อไทย แต่นายประชาหลบทัน กระสุนเลยไม่เข้าจุดสำคัญ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุนายประชาแฉว่าผู้บงการเป็นลูกนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ ขณะที่การคลี่คลายคดีของตำรวจมุ่งไปยังกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเชื่อมโยงถึงพรรคการเมืองระดับกลางพรรคหนึ่ง มีเป้าหมายยึดการเมืองท้องถิ่น พร้อมกับโค่นพรรคเพื่อไทยในการเมืองระดับชาติ จึงพุ่งเป้ามาที่นายประชา เพราะมีฐานเสียงแน่นหนา โดยล่าสุดทั้งนายอำนวย รัศมิทัต อดีตนายก อบจ.
สมุทรปราการ และนางมัลลิกา เทียนสุวรรณ อดีตรองนายก อบจ.สมุทร ปราการ ต่างก็ออกมายืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดียิงนายประชา ตามที่เสนอข่าวไปเป็นลำดับแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่ร.พ.พระรามเก้า กรุงเทพฯ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภาค 1 เดินทางเข้าสอบปากคำนายประชา ประสพดี อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย โดยใช้เวลาสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจ และจากข้อมูลที่ได้จากนายประชา ค่อนข้างจะตรงกัน เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก โดยเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง ทั้งการเมืองท้องถิ่น และการเมืองระดับประเทศ ดังนั้น ในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.ทางชุดคลี่คลายคดีจะประชุมกันที่ สภ.พระประแดง

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายศุภธร จันทรกุล ผู้จัดการแผนกสื่อสารการตลาด ร.พ. พระรามเก้า ซึ่งได้รับมอบหมายจาก น.พ. วิทวัส ศรีประยูร แพทย์เจ้าของไข้นายประชา แจ้งถึงอาการบาดเจ็บของนายประ ชาว่า อาการอักเสบของแผล รวมถึงอาการบวมช้ำรอบบาดแผลลดลง ไม่มีไข้ แพทย์ยังคงให้ยาแก้อักเสบในการรักษาต่อไป ทางแพทย์ต้องการให้ผู้ป่วยได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ขอให้มีผู้เข้าเยี่ยมเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกระยะหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้ามีบุคคลที่รู้จักคุ้นเคยกับนายประชาเดินทางมาเยี่ยมนายประชาไม่ขาดสาย ขณะเดียวกัน มีตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน เดินทางมารักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน

ถัดมาเวลา 15.30 น. นายประชาให้คนสนิทมาเชิญผู้สื่อข่าวที่อยู่ด้านนอกให้ไปยังห้องรับรองของโรงพยาบาล เนื่องจากนายประชาจะขอพูดคุยด้วย โดยนายประชากล่าวว่า จากข้อมูลที่ให้ตำรวจ และแนวทางการสืบสวนของตำรวจถึงสาเหตุลอบสังหาร พบว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกัน คือสาเหตุเรื่องการเมืองระดับประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งส.ส.สมุทรปราการ เขต 6 และ เขต 7 ที่ตนอยู่ระหว่างการตัดสินใจลงสมัคร ได้มอบหลักฐานทุกอย่างให้ตำรวจหมดเรียบร้อยแล้ว

"ทุกจุดมันค่อนข้างที่จะสมบูรณ์ เหมือน กับน็อกตัวผู้และตัวเมีย ขอแค่นี้ก่อน เพราะถ้ามากไปจะทำให้รูปคดีเสีย และขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการที่ผมไปเป็นประธานกรรมการตรวจสอบองค์กรต่างๆ ที่ จ.สมุทร ปราการ หลักฐานทุกอย่างที่ให้เจ้าหน้าที่ กับของเจ้าหน้าที่ที่ให้ดู ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซีซีทีวี กับภาพที่เกิดเหตุ ซึ่งผมถูกคนร้ายติดตามมากว่า 1 เดือนแล้ว ผมขออโหสิกรรมให้กับคนที่ทำผม และขอให้ตัดสินด้วยการลงคะแนนดีกว่า ส่วนคนที่เกี่ยวข้องผมวาดภาพไว้ในใจอยู่แล้วว่าเป็นใคร" อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วจะยังคงเดินหน้าหาเสียงต่อไปหรือไม่ นายประชากล่าวว่า ไม่กลัว เพราะต้องเดินหน้าต่อไป เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามมือปืนรับจ้าง และขึ้นปัญชีอยู่แล้ว แต่จะไม่ประมาท ขอฝากความห่วงใยไปยังผู้สมัครหน้าใหม่ทุกพรรค อย่าประมาท หรือวิตกกังวล และถ้าประสบเหตุแบบตนก็จะโทรศัพท์ไปให้กำลังใจ และ จะไม่พูดจาถากถาง

ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาการใช้อิทธิพลและความรุนแรงที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ภายหลังจากนายประชาถูกลอบยิง เริ่มมีสัญญาณรุนแรงมากขึ้น ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด จึงอยากฝากสื่อมวลชนผ่านไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ส่งตำรวจดูแลความปลอดภัยผู้สมัครส.ส.จากพรรคเพื่อไทยอย่างเท่าเทียมกันด้วย

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณียิงนายประชา และปาระเบิดใส่รถหาเสียงของนายวรชัย เหมะ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ ถือเป็นพฤติ กรรมที่ต้องการข่มขู่ และท้าทายกฎหมาย จึงขอให้แกนนำพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ระมัดระวังตัวมากขึ้น และหากใครคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ที่อาจจะถูกลอบทำร้าย หรือเกรงว่าจะมีเหตุการณ์รุงแรงเกิดขึ้น ขอให้แจ้งรายละเอียดเข้ามาที่พรรค ทางพรรคจะนำเรื่องมาพิจารณา และทำหนังสือไปยังนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้จัดส่งกำลังตำรวจมาดูแลความปลอดภัยให้

ส่วน พ.ต.อ.ศุภรกฤษฎิ์ ประชากิตติกุล ผกก.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.สมุทรปราการ ให้จัดกำ ลังสายตรวจและฝ่ายสืบสวนหมั่นตรวจตราบริเวณศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยของนายประชา และนางนฤมล ธารดำรงค์ อดีตส.ส.สมุทรปราการ น้องสาวของนายประชา ที่ถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางจาก อ.พระ ประแดง ส่วนทางครอบครัวของนายประชานั้นยังไม่ได้มีความประสงค์มายังตำรวจให้ช่วยคุ้มครองความปลอดภัยแต่อย่างใด

ขณะที่ พ.ต.อ.ชยุต รัตนอุบล รอง ผบก. สมุทรปราการ เดินทางไปพบนายมาโนช เรือนทอง อายุ 47 ปี คนสนิทนายวรชัย เหมะ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกคนร้ายปาระเบิดใส่รถ โดย พ.ต.อ.ชยุตกล่าวกับนายมาโนชว่า ตำรวจกำลังติดตามคดีอยู่อย่างเต็มที่ ระหว่างนี้ควรระวังตัวเองด้วย ถ้าเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งตำรวจทราบโดยเร็ว พร้อมทั้งสั่งการให้ พ.ต.ท.ภาสกร มังกรแก้ว สว.สส.สภ.บาง พลี จ.สมุทรปราการ เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทั้งหมด ว่ามีใครเข้าข่ายต้องสงสัยหรือไม่ พร้อมทั้งให้ตรวจสอบหาข้อมูลในหลายๆ ด้าน ว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร

วันเดียวกัน ที่ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รอง ผบช.ก. และพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ร่วมแถลงเปิดบัญชีรายชื่อมือปืนรับจ้าง พร้อมทั้งตั้งรางวัลนำจับรายละ 100,000 บาท

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากช่วงนี้มีความขัดแย้งทางด้านการเมืองเกิดขึ้น มีการใช้ความรุนแรง และอาวุธสงครามก่อเหตุ โดยหลังจากยุบสภาแล้วมีการแข่งขันของผู้สมัครส.ส. และขัดแย้งกันในบางพื้นที่ เริ่มจาก จ.สมุทรปราการ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเมินสถานการณ์ได้ว่า แนวโน้มความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะมาจากความขัดแย้งของตัวผู้สมัคร พื้นที่ที่การแข่งขันสูง เพราะฉะนั้นเหตุต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ศูนย์บริการสถานการณ์ร้ายแรง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศบร.ตร.) ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก ทั้งตัวสาเหตุ และผู้ปฏิบัติการ หรือต้นตอของความขัดแย้ง และเรียกคู่กรณีมาพูดทำความเข้าใจ ปฏิบัติการเชิงรุกกับบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ว่า เป็นบุคคลที่เป็นมือปืนรับจ้างและมีหมายจับ

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังขึ้นบัญชีบุคคลที่เป็นผู้สนับสนุน และมือปืนหน้าใหม่ หรือดาวรุ่ง จำนวน 126 ราย ทางตำรวจจึงใช้ปฏิบัติการเชิงรุกเข้าตรวจค้นทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้คิดจะกระทำผิดในช่วงนี้ จากปฏิทินมือปืนรับจ้างที่เริ่มทำมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2548 เจ้าหน้าที่สามารถจับได้เกือบร้อยละ 50 ต่อมาปีพ.ศ.2549 ก็จัดทำบัญชีใหม่อีกครั้ง และจับกุมได้อีก 18 คน ในปีพ.ศ.2550 อีก 31 คน จับกุมได้ 7 คน และชุดสุดท้ายปีพ.ศ.2554 เป็นการร่วมจัดทำบัญชีมือปืนระหว่าง บช.ก. และบก.ป. เริ่มทำบัญชีมือปืนรับจ้างที่ถูกออกหมายจับ 50 ราย ถูกจับแล้ว 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมเป็น 7 ราย จึงเหลืออีก 43 ราย ที่กำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัวอยู่

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวต่อว่า พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ต้องการให้ปฏิบัติการเชิงรุกนำบุคคลเหล่านี้มารับโทษตามกฎหมายโดยเร็ว จึงตั้งรางวัลนำจับ โดยสามารถแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุม สำหรับมือปืนรับจ้างที่ถูกรวบรวมขึ้นในปีพ.ศ.2554 มีรางวัลนำจับรายละ 100,000 บาท สำหรับ 3 ชุดแรกก่อนหน้านี้ รายละ 50,000 บาท โดยมอบหมายให้ บช.ก. และบก.ป. ร่วมกันประสานงาน และแจกจ่ายข้อมูลให้ตำรวจทั่วประเทศ พยายามตรวจค้นกดดันในทุกรูปแบบ หากจับกุมไม่ได้ก็ห้ามบุคคลเหล่านี้ออกมากระทำผิดเด็ดขาด เจ้าหน้าที่ไม่ได้รอให้เหตุเกิดก่อน หรือไม่ได้เก็บข้อมูลไว้เหมือนแต่ก่อน

"พื้นที่ใดมีการแข่งขันสูง คู่แข่งขัดแย้งกัน ตำรวจต้องลงไปเรียกคู่กรณีมาทำความเข้าใจ พูดกันให้รู้เรื่อง ขัดแย้งกันได้ แข่งขันกันได้ แต่ห้ามใช้ความรุนแรง บรรดาลิ่วล้อต่างๆ หมายจับมีอยู่แล้ว สมัครพรรคพวกถูกขึ้นบัญชีไว้แล้วก็จะถูกตรวจค้น กดดันอย่างเด็ดขาด การปฏิบัติการลักษณะนี้ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์การเลือกตั้งได้ สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฐานเสียงของนักการเมืองท้องถิ่น ฐานเสียงระดับชาติ ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกันจะเป็นฐานเสียงเดียวกัน และกลุ่มมือปืนเหล่านี้ก็จะอยู่กลุ่มเดียวกัน หรือเชื่อมโยงเป็นเส้นทางเดียวกัน" รอง ผบ.ตร.กล่าว

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืน ยังพบบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น โดยจังหวัดหรือพื้นที่เหล่านั้นจะต้องถูกตรวจสอบกดดันอย่างเข้มข้น เช่น ภาคกลาง อีสาน ภาคเหนือ และบางจังหวัด อย่างไรก็ตาม ในบัญชีมือปืนรับจ้างทั้งหมดนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานระบุได้ว่าเป็นรายใดที่ยิงนายประชา คงต้องสืบสวนสักระยะ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชี 50 มือปืนรับจ้างนั้น ถูกจับกุมไปแล้ว 6 ราย ประกอบด้วย นายไพศาล ปั้งเล่ง มือปืนลำดับที่ 2, นายณรงค์ เหมเดโช ลำดับที่ 4, นายวุฒิชัย หรือเอ็ก มาศปิ่น ลำดับที่ 5, นายเสวง สุวรรณวงศ์ ลำดับที่ 24, นายสมจิตร แผดสุระ ลำดับที่ 39 และนายไพศาล กลาแต ลำดับที่ 42 และเสียชีวิต 1 ราย คือ นายปราโมทย์ ทองจันทร์ มือปืนลำดับที่ 1

รายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดียิงนายประชา แจ้งว่า จากการตรวจสอบจากภาพวงจรปิดอย่างละเอียด ทางเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสแน่ชัดว่า พาหนะของคนร้ายเป็นรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์วีโก้ สีดำ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครอง โดยชุดคลี่คลายคดีมั่นใจว่าจะสาวไปถึงผู้เกี่ยวข้องได้แน่นอน เพราะวงจรปิดและพยานในที่เกิดเหตุระบุถึงเส้นทางหลบหนีของรถคนร้ายได้ อีกทั้งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พยานในวัดที่นายประชาไปร่วมงานศพก่อนเกิดเหตุ ระบุว่ามีชายแต่งแต่งแจ๊กเก็ตดำมาถามหานายประชา ก่อนจะขึ้นรถปิกอัพวีโก้ดำ 4 ประตู และ 2 ประตูอีกคันตามออกไป


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์