ชี้แม่ลูกดับคาบ้าน ไม่ได้ขาดอาหาร พบชอบทำตัวลี้ลับ



"ศพแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก"


กรณีนางประณีต เกตุแก้ว อายุ 47 ปี และนางทวี แซ่โง้ว อายุ 85 ปี 2 แม่ลูก เสียชีวิตในบ้านทรงไทยแฝดเลขที่ 37/2 หมู่ 3 ต.บ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพศพทั้งคู่ตายมาประมาณ 2 เดือน จนร่างกายแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก โดยมีผู้พบศพเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังเป็นปริศนา โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่า สองแม่ลูกอาจอดอาหารตายในช่วงเกิดน้ำท่วมหนักที่ผ่านมา กับอาจเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากนางประณีตเป็นคนเคร่งวิปัสสนาแบบทรมานตัวเอง และมีความเชื่อว่าตายแล้วได้บุญ

ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค. นายณรงค์ อ่อนสอาด นายอำเภอเสนา เปิดเผยความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวว่า ขอยืนยันว่าการเสียชีวิตของนางทวีกับนางประณีต สองแม่ลูกไม่เกี่ยวกับการแจกสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากทางราชการได้นำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้ประชาชนครบทุกหมู่บ้าน และบ้านหลังเกิดเหตุก็ได้รับแจกของจนครบเช่นเดียวกัน โดยในวันเกิดเหตุก็ยังมีของเหลืออยู่ ส่วนสาเหตุการตายอาจมาจากเรื่องที่สองแม่ลูกอดอาหารตายเพราะการนั่งวิปัสสนาหรือไม่นั้นยังไม่สามารถสรุปได้ คงต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ แต่ขอยืนยันว่าทั้งคู่ ไม่ได้ขาดอาหารตายแน่นอน

"เร่งสรุปผลการตายให้ชัดเจน"


ด้านนายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเหตุดังกล่าวจากนายอำเภอเสนาแล้วว่าสองแม่ลูกคู่นี้มีอาหารการกินสมบูรณ์ แต่การเสียชีวิตเพราะยอมอดอาหารหรือไม่กำลังเร่งให้เจ้าหน้าที่สรุปผลออกมา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ตนเข้ามาเป็น ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ก็ได้สั่งกำชับให้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบนายสำราญ ฤกษ์เกศศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.บ้านแพน อ.เสนา เพื่อสอบถามถึงความเป็นมาเกี่ยวกับบ้านหลังเกิดเหตุ โดยนายสำราญเปิดเผยว่า ก่อนที่จะเกิดสยองดังกล่าวเดิมบ้านทรงไทยหลังนี้เป็นบ้านของนายประเสริฐ ยิ่งยวด อายุประมาณ 85 ปี มีอาชีพขับเรือด่วน ต่อมาปี 2540 นายประเสริฐได้ขายบ้านให้นายคงอำนาจ สิทธิธัตถพงษ์ อดีตเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาควังน้อย ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ กทม. จากนั้นนายคงอำนาจได้ปรับปรุงต่อเติมบ้านสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่าแล้วเปลี่ยนเป็นสำนักวิปัสสนาวาสินี สิทธิธัตถพงษ์ โดยมีนางวาสินี สิทธิธัตถพงษ์ ภรรยาของนายคงอำนาจ เป็นคนสอนการนั่งวิปัสสนา ช่วงนั้นมีคนมาเรียนนั่งวิปัสสนาเป็นจำนวนมาก

"ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัวเงียบ"


นายสำราญกล่าวอีกว่า กระทั่งปี 2545 นายคงอำนาจได้ปิดสำนักวิปัสสนาแล้วให้นางทวีกับนางประณีต สองแม่ลูกที่ย้ายถิ่นฐานมาจาก อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก คอยดูแลบ้าน ส่วนนายคงอำนาจ นานๆจะแวะมาเยี่ยมพร้อมซื้อของและให้เงินไว้ใช้ หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา นายคงอำนาจเป็นห่วงบ้าน จึงโทรศัพท์มาหาสองแม่ลูก แต่ไม่มีใครรับสาย เลยเดินทางมาดูกระทั่งพบศพดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับนางทวีกับนางประณีต ตั้งแต่สำนักวิปัสสนาปิดลงและมาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวก็ยังคงนุ่งขาวห่มขาวและไม่ยอมพูดคุยกับชาวบ้าน เอาแต่นั่งวิปัสสนาตลอด บางครั้งก็เหมือนคนเสียสติ เมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมคราวที่ผ่านมาตนก็พายเรือนำถุงยังชีพไปแจก 2-3 ครั้ง แต่ครั้งหลังสุดแม่ลูกคู่นี้ไม่ยอมรับบอกเพียงว่าของยังอยู่และให้เอาไปแจกบ้านอื่นแทน

ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียง กล่าวว่า บ้านทรงไทยแฝดหลังนี้เป็นบ้านที่ปลูกตรงทางแม่น้ำสามแพร่ง เมื่อก่อนเคยมีการขุดพบถ้วยชามสังคโลกจำนวนมาก และชาวบ้านมักพบเห็นคนแต่งชุดโบราณเดินอยู่บริเวณบ้านดังกล่าวบ่อยๆ จนเจ้าของบ้านคนเก่าต้องสร้างศาลเจ้าที่เอาไว้ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าของก็นำมาเปิดเป็นสำนักวิปัสสนา และยังเคยใช้เป็นที่ถ่ายทำละครหลายเรื่อง เช่นเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน ส่วนนางทวี และนางประณีต สองแม่ลูก ตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เอาแต่เก็บตัวเงียบ

"คาดเป็นโรคประสาท"


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สัมภาษณ์นางวาสินี สิทธิธัตถพงษ์ ภรรยานายคงอำนาจ ได้รับการเปิดเผยว่า รู้จักกับนางทวีและนางประณีต เมื่อครั้งนั่งวิปัสสนาด้วยกัน แต่ตอนหลัง 2 แม่ลูกมีปัญหากับญาติพี่น้อง ไม่มีที่อยู่ จึงให้ไปพักที่บ้านหลังดังกล่าว และให้ช่วยดูแลบ้านด้วย ต่อมา 2 แม่ลูกเริ่มมีอาการเพี้ยนๆเหมือนคนเป็นโรคประสาท มักทำร้ายตนกับสามีที่เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ เลยให้คนไปไล่ออก แต่ทั้ง 2 ไม่ยอมไป กระทั่งนานวันก็เริ่มเกิดความสงสารจึงให้เงินใช้เดือนละ 3,000บาท โดยโอนผ่านทางธนาคาร และนานๆก็จะมาหาบ้าง แต่ทุกครั้งที่มา ต้องให้ผู้ใหญ่บ้านหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาเป็นเพื่อน เพราะกลัวถูกทำร้าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่เกี่ยวกับการคลั่งลัทธิ แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดโรคประสาทมากกว่า

ด้าน พ.ต.ต.วิศิษฏ์ ท่านมุข พนักงานสอบสวน สภ.อ.เสนา เปิดเผยว่า ได้สอบถามผลการชันสูตรศพ 2 แม่ลูกจาก รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้รับการชี้แจงจากแพทย์ว่า ทั้งคู่ตายในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยเป็นการจงใจให้ตัวเองตาย แต่ไม่สามารถบ่งบอกอาการได้ว่าอดอาหารตายหรือกินยาพิษตาย เนื่องจากกระเพาะอาหารเน่าเปื่อยหมดแล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์