รวบคอลเซ็นเตอร์ หน.แก๊งไต้หวัน ค้นของกลางเพียบ

แก๊งคอลเซ็นเตอร์จนมุมตำรวจกลางกรุง ปอศ.ประสานงานกับธนาคาร ไล่ติดตามแก๊งอุบาทว์ จนจับได้ขณะกำลังกดเงินเหยื่อหน้าแมนชั่นหรู ย่านลาดพร้าว พร้อมหัวหน้าแก๊งที่เป็นชาวไต้หวัน พาตัวค้นห้องพบของกลางครบ ทั้งบัตรเอทีเอ็ม บัญชีธนาคาร และเงินสดที่กดมาได้ รับสารภาพสิ้นเป็นเพียง 1 ใน 500 แก๊งอุบาทว์ในประเทศจีนที่ทำมาหากินแบบนี้ แม้ตำรวจจะเฝ้าเตือนแต่ก็ยังมีคนพลาดท่าตกเป็นเหยื่ออยู่ตลอดเวลา   
    
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มี.ค. พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปราณี รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญชัยเนาว์ และ พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. และนายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ร่วมแถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วยนายธนูธร หรือ เซียน ชัยดี อายุ 25 ปี นางสาวมณฑิกา แซ่จู อายุ 28 ปี และนายเยี่ย ไฉลู อายุ 36 ปีสัญชาติไต้หวัน บัตรเอทีเอ็ม 3 ใบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ตู้เอทีเอ็มหน้าอาคารวงศ์เจริญ แมนชั่น ซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ  
    

สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.รัฐพล น้อยช่างคิด รอง ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.อัณณ์นพ อิ่มอุดม สว.กก.5 พร้อมพวกได้ทำการสืบสวน โดยการประสานข้อมูลกับธนาคารต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายเป็นลูกค้า จนได้เบาะแสว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายซึ่งอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน และนำบัตรกดเงินสดของบุคคลอื่นที่แก๊งคนร้ายจ้างไปเปิดบัญชีไว้กับธนาคารต่าง ๆ ไปกดนำเงินสดออกมา มักจะมากดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม หน้าอาคารดังกล่าวเป็นประจำ จึงสะกดรอยและเฝ้าดูพฤติกรรม จนสบโอกาสจึงแสดงตัวเข้าจับกุม และขยายผลไปค้นที่ห้องพักของนายธนูธร ที่ห้องเลขที่ 204 อาคารวิวเพลส แมนชั่น เลขที่ 29 ซอยลาดพร้าว 130 พบของกลางบัตรเอทีเอ็ม ของธนาคารต่าง ๆ 5 ใบ สมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารต่าง ๆ 5 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สมุดบันทึก 3 เล่ม 
    
จากนั้นจึงเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 411 อาคารบัวร์ ลอร์ด เลขที่ 392 ซอยลาดพร้าว 130 พบของกลางเป็นบัตรเอทีเอ็มธนาคาร 1 ใบ สลิปใบบันทึกรายการของธนาคารต่าง ๆ 4 ใบ เงินสด 97,000 บาท และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย 1 เล่ม ยึดไว้เป็นหลักฐานและควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบปากคำ และดำเนินคดีข้อหาร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น หรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
    
จากการสอบสวน นายธนูธร ยอมรับว่า เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว เคยถูกคนรู้จักหลอกไปทำงานในประเทศจีน โดยอ้างว่าจะพาตนไปทำงานตำแหน่งพนักงานรับโทรศัพท์ แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกส่งตัวไปที่ออฟฟิศแห่งหนึ่งในเมืองเซิ่นเจิ้น พบว่ามีพนักงานชาวไทยด้วยกัน 14 คน ประจำอยู่ที่สำนักงาน คอยทำหน้าที่พูดคุยโทรศัพท์ตามสคริปต์เพื่อหลอกให้บุคคลปลายทางซึ่งก็คือคนไทยเหมือนกันหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนั้นคือ สำนักงานที่ตนประจำอยู่เป็นเพียง 1 ใน 500 องค์กรของแก๊ง ที่มีอยู่ทั่วโลกเท่านั้น
    
นายธนูธร กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการหลอกลวงนั้นทางออฟฟิศจะมีเครื่องแรนดอมต่อสายโทรศัพท์ไปยังมือถือเหยื่อชาวไทยที่ขึ้นต้นด้วย 081 และ 089 เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์กลุ่มนี้เปิดใช้งานมานานแล้วทำให้เชื่อว่าเจ้าของเบอร์น่าจะค่อนข้างมีทุนทรัพย์ เมื่อเหยื่อยอมรับสายก็จะมีเสียงโอปเรเตอร์บอกให้กด 9 เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยอ้างว่าเหยื่อติดหนี้บัตรเครดิต จากนั้นเจ้าหน้าที่กำมะลอด่านแรกก็จะหลอกถามข้อมูลของเหยื่อ ทั้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลทางธนาคาร เมื่อได้ข้อมูลจนเป็นที่พอใจแล้ว จะบอกให้เหยื่อวางสายเพื่อรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ซึ่งตนจะรับหน้าที่แอบอ้างตัวเป็นตำรวจโดยโทรฯ กลับไปหาเหยื่อหลังเวลาผ่านไปประมาณ 10-15 นาที พอเหยื่อรับสายตนก็จะใช้อุบายอ้างตัวเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ บก.ปอศ. จากนั้นจะข่มขู่เหยื่อว่า บัตรเอทีเอ็มโดนขโมยข้อมูลทำให้เงินถูกนำไปใช้ หรือไม่ก็ถูกแก๊งมิจฉาชีพแฮกเกอร์เอาบัตรเครดิตไปใช้ พร้อมขอให้เหยื่อรีบนำบัตรเอทีเอ็มไปทำเรื่องใส่รหัสล็อกข้อมูลที่หน้าตู้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้ทำการเปลี่ยนภาษาก่อนโอนเงินในบัญชีตัวเองเข้าสู่บัญชีที่เตรียมเอาไว้
    
ด้าน พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เปิดเผยว่า แก๊งผู้ต้องหารายนี้ เป็นเพียง  1 ใน  500 แก๊งที่มีอยู่ทั่วประเทศจีน โดยมีการสร้างสถานการณ์เรื่องการคืนภาษี และมาในรูปแบบประกันภัย หรือประกันชีวิต จึงอยากฝากประชาชนให้ช่วยระวัง ซึ่ง ปอศ.ร่วมกับธนาคารต่าง ๆ ทำสติกเกอร์และป้ายคำเตือนติดไว้ตามตู้เอทีเอ็มต่าง ๆ ของธนาคารเพื่อให้ประชาชนทราบ หากผู้เสียหายรายใดถูกหลอกลวงจากแก๊งนี้ ให้ติดต่อมายัง ปอศ.หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ www.ECD Police.com เพื่อติดต่อขอเงินที่ถูกหลอกลวงคืนได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์