โจรป่วนใต้ก่อกวน วางบึมร้านค้า

"ระเบิดซุกใต้เก้าอี้"


สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงร้อนระอุรายวัน ล่าสุดกลุ่มโจรใต้ยังอหังการไม่เลิก เปิดฉากวางระเบิดโจมตีร้านค้าย่อยในตลาดเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียหายถึง 6 แห่งมีคนถูกลูกหลงบาดเจ็บหลายราย โดยรายแรกเปิดฉากขึ้นเมื่อเวลา 06.15 น.วานนี้ (13 ธ.ค.) พ.ต.ต.เฉลิม ยิ่งคง สารวัตรเวร สภ.อ.ระแงะ รับแจ้งมีเหตุระเบิดในร้านค้าถึง 2 แห่งกลางตลาดตันหยงมัส เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.นำกำลังพร้อมชุดเก็บกู้ระเบิด เหยี่ยวดง รุดไปตรวจสอบ

จุดแรกเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์การกีฬาชื่อ ตันหยงพาณิชย์ เลขที่ 29/29 ถนนสุขาภิบาล 8 ของนายวิเชียร คูสกุล อายุ 67 ปี และเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์ นราธิวาส โดยคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนัก 1 กก. จุดชนวนระเบิดด้วยการตั้งเวลานาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล นำไปซุกไว้ใต้เก้าอี้นั่งโต๊ะเก็บเงินกลางร้าน แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมลึก 12 นิ้ว กว้าง 5 นิ้ว โต๊ะเก้าอี้ ตู้กระจกใส่สินค้ารวมทั้งสินค้าและฝ้าเพดานแตกกระจายเสียหายหมดทั้งร้าน โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุยังไม่เปิดร้านจึงไม่มีใครบาดเจ็บ สอบสวนเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายฉวยโอกาสช่วงใกล้จะปิดร้านเย็นวันที่ 12 ธ.ค. ลอบนำระเบิดเข้ามาวางไว้ช่วงที่คนในร้านเผลอ

"ระเบิดจุดที่สองต่อเนื่องกัน"


ส่วนจุดที่ 2 เป็นร้านจำหน่ายเครื่องเขียนและผลไม้ ชื่อ สุรชัยสาส์น เลขที่ 53 ถนนสุขาภิบาล 10 ของนางอุษณีย์ อุดมธนสาร อายุ 45 ปี อยู่ห่างจากจุดแรกเพียง 300 เมตร พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิดชนิดเดียวกันกับจุดแรก นำไปซุกไว้ใต้โต๊ะเก็บเงิน แรงระเบิดทำให้ข้าวของในร้าน รวมทั้งรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟสีแดง ทะเบียน กพม 143 นราธิวาส ที่จอดอยู่หน้าร้าน ได้รับความเสียหายไปด้วย นอกจากนี้ สะเก็ดระเบิดยังไปโดนนางส้มจีน เอื้ออรุณ อายุ 65 ปี แม่นางอุษณีย์ ที่สีข้างด้านขวาและหัวเข่าขวาได้รับบาดเจ็บนำส่ง รพ.ระแงะ คาดว่าคนร้ายใช้วิธีเดียวกับร้านแรกในการเข้าไปวางระเบิด

ในเวลาไล่เลี่ยกันขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจที่เกิดเหตุในจุดที่ 2 อยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดในร้านจำหน่ายและซ่อมรถ จยย.ชื่อ ซินหิ้นเหลียง ของนายวรวุฒิ วงศ์เศวต อายุ 49 ปี เลขที่ 34-36 เยื้องร้านตันหยงพาณิชย์

ที่เกิดเหตุระเบิดในจุดแรก จึงย้อนกลับไปตรวจสอบ พบว่าคนร้ายลอบนำระเบิดแบบเดียวกันไปวางไว้บนชั้นวางอะไหล่รถ จยย.ที่ตั้งอยู่กลางร้าน แรงระเบิดทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่รถ จยย.แตกเสียหายกระจัดกระจายเกลื่อนแต่ไม่มีคนเจ็บเพราะร้านยังไม่เปิด ด้าน พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.อ.ระแงะ กล่าวว่า สาเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดร้านค้าถึง 3 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน เชื่อว่าเป็นการตอบโต้ของกลุ่มแนวร่วมป่วนใต้ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีการจับกุมแกนนำกลุ่มอาร์เคเคได้ถึง 6 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดตำรวจได้รับบาดเจ็บและดักยิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์

ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต



"ปิดร้านหวั่นโจรวางระเบิด แต่โดนจนได้"


ทิ้งห่างเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นเป็นระลอกที่ 2 โดยเมื่อเวลา 11.10 น. พ.ต.ต.เฉลิม ยิ่งคง สารวัตรเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดร้านขายสุราและของชำชื่อ ร้านสำราญ เลขที่ 43 ถนนสุขาภิบาล 2 ใกล้วงเวียนลองกอง เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 1 กก. แบบเดียวกับที่ใช้ถล่ม 3 ร้านค้าในช่วงเช้าไปซุกซ่อนไว้บนชั้นวางสินค้าในร้าน ก่อนตั้งเวลาด้วยนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล แรงระเบิดทำให้ชั้นวางสินค้าเสียหาย แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ เพราะร้านดังกล่าวไม่ได้เปิดขายของ เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกวางระเบิดแบบ 3 ร้านแรกจึงปิดร้าน 1 วัน แต่ยังไม่แคล้วโดนวางระเบิดจนได้

ถัดมาเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน ได้เกิดระเบิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ภายในร้าน สุรชัยสาส์น จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องขนาดเดียวกันเอาไว้ใต้ตู้ใส่อุปกรณ์เครื่องเขียนซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดตอนเช้าเพียง 3 เมตร ปรากฏว่าสะเก็ดระเบิดถูกนายณัฐพงค์ อุดมธนสาร อายุ 15 ปี ลูกชายนางอุษณีย์ อุดมธนสาร เจ้าของร้าน ที่กำลังช่วยแม่เก็บข้าวของที่โดนระเบิดในตอนเช้า ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาถูกนำส่ง รพ.ระแงะ แรงระเบิดยังทำให้ข้าวของในร้านเสียหายเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งด้วย

"วันเดียววาง 6 ลูก"


สถานการณ์ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง โดยระหว่าง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบจุดเกิดเหตุในร้านสุรชัยสาส์น ก็ได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดวางไว้ภายในร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าชื่อ หจก.ยิ่งเจริญตันหยงมัส ตั้งอยู่เลขที่ 39 ถนนสุขาภิบาล 10 ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านสุรชัยสาส์น รุดไปตรวจสอบพบว่าคนร้ายซุกระเบิดแสวงเครื่องเอาไว้ในตู้ใส่อุปกรณ์ไฟฟ้าในร้านจึงเก็บกู้เอาไว้ได้ ก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น นับเป็นระเบิดลูกที่ 6 และเป็นลูกเดียวที่เก็บกู้ไว้ได้ โดยคนร้ายตั้งเวลาให้ระเบิดทำงานช่วงเที่ยงตรง แต่ระบบขัดข้องจึงไม่ระเบิด และผลจากการลอบวางระเบิดร้านค้าถึง 6 ลูกในวันเดียวกัน ทำให้บรรดาร้านค้าอื่นๆ ต่างหวาดผวากลัวจะตกเป็นเหยื่อโจรใต้ พากันปิดร้านเกือบหมด ส่งผลให้ตลาดตันหยงมัสแทบเป็นตลาดร้างในชั่วพริบตา

ด้านนายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.นราธิวาส กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดร้านค้าในตลาดตันหยงมัส อ.ระแงะ ถึง 2 ระลอกรวม 6 ลูกว่า เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ มีเจตนาจงใจทำลายเศรษฐกิจของ จ.นราธิวาส โดยตรง แบบเดียวกับที่วางระเบิดโชว์รูมรถยนต์ใน จ.ยะลา โดยไม่คำนึงถึงชีวิตผู้คนไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธหรือมุสลิมหากเป็นช่วงที่เปิดร้านหรือมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการ คงจะมีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้กำลังตำรวจและทหารเพิ่มมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังจุดสำคัญๆตามย่านชุมชนให้มากขึ้น หากกำลังพลไม่เพียงพอจะประสานกับทางแม่ทัพภาคที่ 4 ส่งกำลังเข้ามาสนับสนุน

"คนร้ายบุกอาก้า ถล่มสู้ ตร.ถี่ยิบ"


ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 00.15 น. คืนวันที่ 13 ธ.ค. ได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 7-8 คน พร้อมอาวุธสงครามครบมือเปิดฉากยิงถล่มใส่สถานียุทธศาสตร์ตำบลมะนังดาลำ อ.สายบุรี ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียวตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส ขณะเกิดเหตุมีกำลังตำรวจเฝ้าอยู่ 8 นาย เกิดการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดนาน 10 นาที กลุ่มคนร้ายจึงล่าถอยไป ทิ้งไว้แต่ปลอกกระสุนปืนอาก้าและปืนเอชเคเกือบ 50 ปลอก ตัวอาคารและกระจกหน้าต่างถูกยิงเป็นรูพรุนทั้งหลัง แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สะการียา ยูโซ๊ะ รอง ผกก.สส. สภ.อ.สายบุรี รุดไปตรวจสอบและเร่งสืบสวนหาตัวกลุ่มคนร้ายต่อไป

ถัดมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผกก.สส.สภ.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุระเบิดหน้าเพิงขายอาหารตามสั่ง ปากทางเข้าโรงเรียนวัดนิคมสถิตย์ (ยางแดง) หมู่ 4 บ้านยางแดง ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ รุดไปตรวจสอบพบว่าคนร้ายลอบนำระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 5 กก.บรรจุในหม้ออะลูมิเนียมจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือไปซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำหน้าเพิงขายอาหารก่อนจุดระเบิดทำให้เพิงขายอาหารพังยับเยิน ท่อประปาแตกน้ำพุ่งกระจาย และยังมีบ้านเรือนประชาชนถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายอีก 2 หลัง สอบสวนทราบว่าช่วงเกิดเหตุร้านดังกล่าวขายอาหารหมดแล้ว เจ้าของร้านกับพวกกำลังเก็บล้างทำความสะอาดจานชามอยู่หลังร้าน จึงรอดตายอย่างเฉียดฉิว คาดเป็นการสร้างสถานการณ์รายวัน

"ประกบยิง 2 ศพ"


ส่วนที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ต.สุทัศน์ หนูสีคง สารวัตรเวร สภ.ต.ลำใหม่ รับแจ้งมีคนถูกยิงหน้าทางเข้าสุสานจีนบ้านลำใหม่ หมู่ 1 ริมถนนสายบ้านเนียง-ดอนยาง ต.ลำใหม่ รุดไปตรวจสอบพบรถ จยย.แบบพ่วงข้าง ทะเบียน ช-5055 ยะลา บรรทุกกระสอบใส่เศษยางพารารวม 4 ใบ จอดอยู่ข้างทาง ส่วนผู้บาดเจ็บชื่อ นายบุญชอบ ชัยชนะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204/4 หมู่ 1 ต.ลำใหม่ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่ศีรษะและลำตัวรวม 3 นัด เสียชีวิตระหว่างทางนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ นายศร ผอมขาวช่วง อายุ 65 ปี อาชีพช่างไม้ ยืนอยู่หน้าบ้านตัวเอง เลขที่ 6 หมู่ 1 บ้านยะลา ต.ยะลา มีคนร้าย 2 คน คาดว่าเป็นพวกโจรใต้ชุดเดียวกัน หลังจากยิงนายบุญชอบแล้ว ได้ขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีเขียว ทะเบียน กวร 23 ไม่ทราบจังหวัด พุ่งเข้ามาประกบก่อนที่คนนั่งซ้อนท้ายจะชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่นายศรที่ศีรษะและลำตัวรวม 4 นัด ล้มฟุบจมกองเลือดก่อนจะหลบหนีไป พลเมืองดีช่วยนำนายศรส่ง รพ.ศูนย์ยะลา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมาคาดเป็นฝีมือโจรใต้ทั้ง 2 ราย

ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต



"ประเด็นไม่ได้รับความเป็นธรรม"


ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.30 น. นายมะปานิ รงโซ๊ะ อายุ 52 ปี สมาชิก อบต.ลิดล อ.เมืองยะลา พร้อมด้วยนายมาหะมะ วาแฉะ อายุ 46 ปี คนขับรถแบ็กโฮเดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา กรณีถูกออกหมายจับเป็นผู้ต้องหาคดีสังหารนายสุนทร หัวเพชร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 1 ต.ยุโป เสียชีวิตขณะจอดรถกระบะทะเบียน บจ 4375 ยะลา เติมน้ำมันในปัมคาลเท็กซ์ ต.ท่าสาป หลังจากนั้น คนร้ายได้ชิงอาวุธปืนขนาด .38 พร้อมนำรถกระบะหลบหนี ต่อมาตำรวจติดตามไปพบรถกระบะถูกปลดทะเบียนจอดคลุมผ้าอยู่ระหว่างบ้านเลขที่ 46 และ 47/1 หมู่ 3 ต.ลิดล ซึ่งเป็นบ้านของนายคาเดร์ ดอเลาะ และนายยะโก๊ะ ดอเลาะ นอกจากนี้ ยังพบนายมาหะมะกำลังขับรถแบ็กโฮปรับพื้นถนนซึ่งเป็นดินลูกรังเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยทางเข้าบ้านอย่างมีพิรุธ เบื้องต้นนายมาหะมะอ้างว่า ทำตามคำสั่งของนายมะปานิ ขณะที่นายมะปานิอ้างว่าเป็นการปรับพื้นถนนตามสัญญาว่าจ้างของ อบต. ไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ นำตัวส่ง ศปก.ตร.สน.ยะลา สอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งเร่งติดตามตัวนายคาเดร์และนายยะโก๊ะ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีเดียวกันต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาลวันเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งเกี่ยวกับแนวทางการเสนอข่าวสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้บริหารสื่อมวลชนว่า สถานการณ์ทางภาคใต้ทำอย่างไรที่จะมีข่าวในเชิงวิเคราะห์ และในเชิงที่จะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น เพราะถ้ามองในฐานะที่ตนเป็นคนไทยพุทธก็จะมีความรู้สึกว่า คนไทยพุทธซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในพื้นที่มีปัญหาถูกกดขี่ถูกผลักดัน ถ้ามองในด้านของคนไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเด็นที่ออกมาคือเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้มีโอกาสที่เท่าเทียมกับคนไทยพุทธในจังหวัดอื่นๆ ตรงส่วนนี้อยากให้สื่อได้นำไปพิจารณา และลองไปดูว่าเรามีโอกาสที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้ เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เรามองทั้ง 2 ข้างได้ไหม เหรียญมี 2 ด้าน ถ้ามอง 2 ด้านได้ก็จะเป็นประโยชน์ในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น

"ล่าช้าทำให้เกิดผลกระทบต่อการแก้ปัญหาภาคใต้"


ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการแต่งตั้งให้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์ บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่า ขณะนี้กำลังรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) พิจารณาอยู่ โดยหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังพิจารณาตำแหน่งให้ล่าช้า จะส่งผลกระทบต่อระบบการบังคับบัญชาที่จะทำให้เกิดความไม่ สมบูรณ์ อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกัน เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ควรนำข้อกฎหมายมาอ้างจนทำให้การอนุมัติเกิดความล่าช้า เพื่อให้สอดคล้องกับกระทรวงอื่นเช่น กระทรวงยุติธรรม ที่ให้รองปลัดกระทรวงลงไปทำงานใน ศอ.บต.ด้วย

ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. แถลงกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรอัตรากำลังคนให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ ทำให้การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ผลว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยเคยกำหนดให้นายพระนายเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่อนุกรรมการข้าราชการ พลเรือน (อ.ก.พ.) และอนุกรรมการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (อ.ก.พ.ร.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานเห็นว่า การกำหนดตำแหน่งรองปลัด โดยไม่มีกลุ่มภารกิจอยู่ในกำกับดูแล ขัดต่อ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน จึงไม่สามารถทำตามที่กระทรวงมหาดไทยขอได้

ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต



"จะกำหนดให้ ศอ.บต.ไม่ต้องมีสถานะเป็นกรม แต่บริหารโดยอธิบดี"


ล่าสุดคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เชิญเลขาธิการ ก.พ. และเลขาธิการ ก.พ.ร. มาหารือ ได้ข้อสรุปว่า จะกำหนดให้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศอ.บต. เพื่อให้ ศอ.บต.ไม่ต้องมีสถานะเป็นกรม แต่มีผู้บังคับบัญชาเป็นอธิบดี เพื่อให้มีอำนาจในการสั่งการ และแต่งตั้งโยกย้ายได้ ทั้งนี้ จะมีการจัดอัตรากำลังพลจาก 8 กระทรวงลงไปทำงานในพื้นที่จำนวน 200 ตำแหน่ง โดยจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันที่ 26 ธ.ค.นี้

ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากการประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) และผู้อำนวยการโรงเรียน ได้หารือถึงแนวทางให้ความช่วยเหลือโรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ข้อสรุป 3 ข้อ คือ 1. โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัด อื่นๆ จะส่งครูลงไปช่วยติวเข้มและสอนเสริมให้กับนักเรียน 2. รับสมัครนักเรียนและครูมาศึกษาดูงานตามโรงเรียนในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าโรงเรียนสตรีวิทยา ได้เสนอรับเด็กนักเรียนชั้น ม. 6 จำนวน 30 คน มาติวเข้มเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยโรงเรียนสตรีวิทยาจะดูแลในเรื่องที่พักอาศัย และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะให้การสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เช่นค่าอาหาร โดยโครงการนี้จะเริ่มได้ในเดือนมกราคม 2550 และ 3. ให้มีการจับกลุ่มโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง โดยให้โรงเรียนที่มีความพร้อมในพื้นที่ต่างๆ คอยให้ความช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโรงเรียนที่อยู่ใน 36 อำเภอของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขณะนี้ทาง จ.เชียงใหม่ รับเป็นโรงเรียนพี่ให้กับโรงเรียนใน อ.ธารโตแล้ว ในส่วนของพื้นที่อื่นคาดว่าจะจับคู่โรงเรียนและเริ่มดำเนินการได้ในภาคเรียนที่ 1 ของปี 2550



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์