เว็บไซท์หนังสือพิมพ์เดลี่ เมล รายงานว่า เดวิด วัลเกรน ผู้ช่วยอัยการแขวงนครลอส แองเจลิสกล่าวต่อศาลสูงนครลอส แองเจลิส ในวันเริ่มต้นของการพิจารณาคดีที่คาดว่าจะใช้เวลานาน2 สัปดาห์ และมีพยานเข้าให้ปากคำ 35 คนว่า
วิธีการช่วยชีวิตของนายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ ที่กระทำต่อไมเคิล แจ๊คสัน ได้เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานอย่างร้ายแรง รวมทั้งการใช้มือเพียงข้างเดียวทำ CPR หรือ ปฏิบัติการกู้ชีวิต
แจ๊คสันถูกระบุว่า หมดสภาพในช่วงวันท้าย ๆ ของการซ้อมการแสดงคอนเสิร์ต ขณะที่ทีมกฎหมายของนายแพทย์เมอร์เรย์ เตรียมจะสู้คดีด้วยข้ออ้างที่ว่า แจ็คสันฉีดยาโพรโพฟอลให้ตัวเองเกินขนาด โดยจากจากสำนวนของอัยการที่ยื่นต่อศาล ซึ่งมีนางแคทเธอรีน มารดา และลา โทย่า พี่สาว และเจอร์เมน พี่ชายของแจ็คสัน เข้าร่วมฟังด้วยนั้น ระบุว่า นายแพทย์มอร์เรย์ ปล่อยให้เวลาผ่านไป 21 นาที หลังจากแจ็คสันหยุดหายใจ จึงค่อยเรียกทีมบอดี้การ์ด และสั่งให้ช่วยกันรวบรวมยาและของใช้ส่วนตัวของเขาใส่กระเป๋าของเขา แล้วจึงโทรแจ้งสายด่วน 911 อีกทั้งยังไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำรถพยาบาลฉุกเฉินด้วยว่า เขาทำอะไรไปบ้าง
อัยการเห็นว่า เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของแจ็คสัน และเผชิญข้อกล่าวหากระทำการโดยประมาท อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยในสำนวน ระบุว่า
นายแพทย์เมอร์เรย์ วัย 57 ปี ให้ยานอนหลับหลายขนานแก่แจ็คสัน รวมถึงยาโฟรโพฟอล ซึ่งเป็นยาสลบที่ใช้ในห้องผ่าตัด ก่อนที่เขาจะหยุดหายใจ แต่นายแพทย์เมอร์เรย์ไม่ยอมแจ้งหน่วยฉุกเฉินในทันที และยังอ้างด้วยว่า ความพยายามกู้ชีพแจ็คสันของเขานั้นไม่ส่งผล
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
