เย้ยข้างโรงพัก ยิงโหด ดต. ดับพร้อม ชรบ.

"อุกอาจ ยิง ตร. ชาวบ้านดับ"


เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 ธ.ค. ขณะที่ ด.ต.สมมาตร วาแมง อายุ 45 ปี ผบ.หมู่ ป. สภ.อ.กรงปินัง จ.ยะลา กับนายยูโซะ เจ๊ะโซะ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 3 บ้านสะเอะ ต.สะเอะ อ.กรงปินัง เป็นเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. นั่งกินอยู่ในร้านน้ำชาไม่มีชื่ออยู่ห่างจาก สภ.อ.กรงปินัง ราว 150 เมตร ได้มีคนร้าย 4 คน ซ้อน จยย. 2 คัน มาจอดที่หน้าร้าน จากนั้นคนนั่งซ้อนท้ายทั้ง 2 คัน ลงจากรถเข้าไปในร้านทำทีของซื้อบุหรี่จากเจ้าของร้าน

วินาทีนั้น 2 วายร้ายได้ชักปืน 11 มม.คนละกระบอก จ่อยิง ด.ต.สมมาตร กับนายยูโซะ เสียงดังสนั่น แต่เหยื่อกระสุนยังไม่สิ้นใจ วิ่งกระเสือกกระสนหนีตายออกไปนอกร้าน แต่ 2 มือปืนวิ่งตามไปจ่อยิงซ้ำเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตคาที่ทั้ง 2 ศพ ก่อนหลบหนีคนร้ายได้กระชาก เอาปืน 9 มม. จากเอวของ ด.ต.สมมาตรไปด้วย ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วันชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผกก.สภ.อ.กรงปินัง พ.ต.ต.กรกช พันธรักษ์ สวส.ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด รีบนำกำลังมาตรวจสอบ พบศพ ด.ต.สมมาตรนอนตายจมกองเลือดในชุดเครื่องแบบสีเขียว อยู่บนถนนหน้าร้านน้ำชา ที่ศีรษะและลำตัวถูกยิง 4 นัด ใกล้กันพบศพนายยูโซะถูกยิงที่ศีรษะและลำตัวในลักษณะเดียวกันหลายนัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 11 มม. ตกกระจัดกระจาย 13 ปลอก

"เร่งออกติดตามคนร้าย"


ภายหลัง พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.พ.ต.อ.สุริยา ไชยโยธา รอง ผบก. ได้มาตรวจที่เกิดเหตุสั่งให้ชุด ฉก.นำกำลังออกสืบสวนล่าตัวคนร้าย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มโจรอาร์เคเคที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ และคาดว่าเป็นโจรชุดเดียวกันที่ดักยิงถล่มรถครูโรงเรียนบ้านลือมุ อ.กรงปินัง บาดเจ็บหลายคน และยิง อส. อ.กรงปินัง บาดเจ็บ 2 นาย กระสุนถูกชาวบ้านบาดเจ็บอีก 1 คน บริเวณสามแยกทางเข้าอำเภอกรงปินัง เมื่อเย็นวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาตอนสายวันเดียวกัน ร.ต.ท.สาโรจน์ ช่องรักษ์ หัวหน้า สภ.ต.บาตูตาโมง อ.บันนังสตา จ.ยะลา พร้อมกำลังไปตรวจสอบเหตุวางเพลิงเผาบ้าน 3 หลัง ที่หมู่ 1 ต.ถ้ำทะลุ พบเป็นบ้านชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสี ถูกเผาวอดทั้ง 3 หลัง สอบสวนทราบว่า บ้านเกิดเหตุเป็นของนายฮามะ เมาะโต๊ะ นายมะแอ อาแวกือจิ และนายรอนิง ไม่ทราบนามสกุล อาชีพทำสวนยาง ขณะเกิดเหตุเจ้าของบ้านทั้ง 3 หลังไม่อยู่

"ชาวบ้านไทยพุทธขอสู้ตายรักษาแผ่นดินเกิด"


ส่วนที่ อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มโจรพยายามกดดันให้ชาวไทยพุทธหนีออกไปจากพื้นที่ และบางส่วนผวาภัยจนต้องหนีไปอยู่วัดในตัวเมืองยะลา แต่ขณะเดียวกันยังมีชาวบ้านอีกกลุ่มประกาศรักษาพื้นที่ ขอสู้ตาย โดยนายประเสริฐ ไกรสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ต.คีรีเขต อ.ธารโต เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มโจรพยายามยุยงให้คนไทยพุทธ-มุสลิมใน ต.คีรีเขต เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะกรณีนายสุกรี บาฮานิง ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีการแห่ศพประท้วงในตลาดอำเภอธารโต โดยป้ายสีว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่หรือ ชรบ.เป็นคนยิง แถมพยายามข่มขู่ชาวไทยพุทธใน ต.คีรีเขต มาตลอด

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า แม้จะถูกข่มขู่สารพัดแต่ชาวไทยพุทธที่มีอยู่ 5 หมู่บ้านใน ต.คีรีเขต ทุกคนต่างพร้อมใจกันสู้ตาย ไม่ยอมทิ้งแผ่นดินเกิดไปไหน เพราะอยู่ที่นี่กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ชาวบ้านทุกคนต่างลงความเห็นกันว่า จะขอสู้ตายเพื่อรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ โดยเฉพาะอาสาสมัครรักษาหมู่บ้านหรือ อรบ. ที่ได้รับการฝึกอบรมในโครงการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งหญิงและชาย ได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะลุกขึ้นมาต่อสู้และขอสู้ตายคาผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้

"คุมเข้มปกป้องชาวบ้าน เต็มที่"


หลังจากชาวบ้านประกาศสู้ตาย ได้มีกลุ่มคนไทยพุทธจากหลายพื้นที่นำข้าวสารอาหารแห้ง มาบริจาคให้จำนวนมาก เนื่องจากชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ต้องคอยเฝ้าระวังพื้นที่ ส่วนมาตรการการดูแลป้องกันหมู่บ้านหรือตำบล ขณะนี้ได้วางกำลังชุด ชรบ.ไว้บริเวณบนทางเข้าหมู่บ้านทั้งหมดแล้ว หากเกิดเหตุการณ์หมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้านใดก็จะมีสัญญาณส่งถึงกันและให้ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านไปที่เกิดเหตุได้ทันท่วงที นายประเสริฐกล่าว

ส่วนนายสมใจ ช่วยชู รองนายก อบต.คีรีเขต อ.ธารโต กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยพุทธยังคงหวาดกลัว ไม่กล้าเดินทางโดยลำพังเกรงความไม่ปลอดภัยจากกลุ่มโจร การเดินทางออกไปธุระต้องไปกันเป็นกลุ่มมีอาวุธปืนครบมืออย่างน้อย 2-3 คันรถปิกอัพ ส่วนเด็กนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะให้ไปอยู่ในตัวเมืองยะลา โดยการเช่าหอพักอยู่ และจะไม่ให้เดินทางกลับมาบ้านอย่างเด็ดขาด

"โจรใต้ปล่อยข่าวลือเพียบ"


สำหรับพื้นที่ จ.ยะลา มีข่าวลือและการปล่อยข่าวของฝ่ายกลุ่มโจรทุกรูปแบบ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อตรวจสอบหาเบื้องหลังและข้อเท็จจริง ล่าสุดแหล่งข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนว่า ขณะนี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ชาวอินโดนีเซีย ราว 30-40 คน ได้เดินทางมาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อมาฝึกอาวุธให้แก่เยาวชนในพื้นที่ กลุ่มคนเหล่านี้จะออกก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่และมีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม อาทิ ฆ่าตัดคอ หรือฆ่าแล้วเผาเหยื่อซ้ำ โดยได้รับการสนับสนุนการเงินจากต่างประเทศ เพื่อปักธงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นแห่งแรกให้ได้ ภายในเดือน ธ.ค.นี้

ส่วน จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 2 ธ.ค. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาอาคารโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะเยาะ หมู่ 7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง หลังเกิดเหตุทหาร ฉก.31 ได้นำรถดับเพลิงมาฉีดน้ำดับเพลิงเอาไว้ได้ทัน แต่เปลวเพลิงได้เผาไหม้ห้องพักครูชั้น 2 เสียหายทั้งห้อง ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผกก.สภ.อ.เจาะไอร้อง เจ้าหน้าที่วิทยาการ นำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองไปตรวจสอบ พบภายในห้องพักครูเสียหายหมด อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง โทรทัศน์ 8 เครื่อง รวมทั้งตู้และโต๊ะ

"บุกยิงชาวบ้านตายคาสวนยาง"


ด้าน อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เกิดเหตุฆ่าชาวบ้านในสวนยางพาราที่ หมู่ 2 ต.กาหลง หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.รังษี มั่นจิตร รอง ผกก.(ป.) นายจรูญศักดิ์ หมาดเท่ง ปลัดป้องกันอำเภอศรีสาคร นำกำลังตำรวจและฝ่ายปกครองไปที่เกิดเหตุ พบศพนายมาหามะกือตา กือโต๊ะ อายุ 35 ปี อยู่หมู่ดังกล่าว นอนจมกองเลือด ถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่ลำคอ 3 รู และกลางหลัง 3 รู ที่เกิดเหตุพบหมอนรองกระสุนปืนลูกซอง 1 อัน สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังกรีดยาง ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนจ่อยิง คาดเป็นฝีมือกลุ่มโจรใต้

กรณีที่นายมูฮำมัดบัสรี สะตอปา อายุ 29 ปี ลูกจ้าง กอ.สสส.จชต. ถูกคนร้าย 2 คน ซ้อน จยย.ไล่ยิงบาดเจ็บ ขณะขี่ จยย. พาแฟนสาวนั่งซ้อนท้ายไปซื้อของที่ตลาด ผ่านบ้านสือแด ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อบ่ายวันที่ 2 ธ.ค.นั้น ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวนายมะยาเอ็ด เจ๊ะโซ๊ะ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/1 บ้านดอเฮะ หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี คุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.อ.สุไหงปาดี โดยนายมูฮำมัดบัสรี เหยื่อกระสุนจำหน้าได้ว่านายมะยาเอ็ด เป็นคนขี่ จยย.พามือปืนไล่ยิง แต่นายมะยาเอ็ดให้การปฏิเสธ

"จับกุมยาบ้า กัญชาเพียบ"


ต่อมาได้มีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก จากบ้านดอเฮะ หมู่ 3 ต.ริโก๋ ประมาณ 80 คน เดินทางมาชุมนุมหน้า สภ.อ.สุไหงปาดี เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายมะยาเอ็ด ทาง พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ.สุไหงปาดี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพร้อมรับสถานการณ์และขอกำลัง นปพ.ภ.จ.นราธิวาส และทหารจาก ฉก.39 มาสนับสนุนเพื่อป้องกันเหตุร้าย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำภาพถ่ายที่นายมูฮำมัดบัสรี ผู้บาดเจ็บ ชี้รูปถ่ายของนายมะยาเอ็ดว่า เป็นคนขี่ จยย.พามือปืนมายิง เพื่อเป็นการยืนยันว่าการจับกุมมีผู้เสียหายยืนยัน แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ ยังยืนกรานให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา กระทั่งนายเจ๊ะบือราเฮง เจ๊ะมามะ ส.อบต.ริโก๋ มาช่วยเจรจาจนกลุ่มชาวบ้านยินยอมสลายตัว

ที่ บก.ภ.จ.ปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ร่วมกันแถลงข่าวกรณี พ.ต.อ.สมสามารถ วิชัยขัทคะ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน บก.ภ.จ.ปัตตานีพร้อมพวก จับกุมนายมะลูดิน หรือ มะดิง ดอเลาะ อายุ 39 ปี อยู่หมู่ 1 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง พร้อมยาบ้า 1,000 เม็ด กัญชาอัดแท่ง 68 กก. และนายนิเฮง แวอาแซ อายุ 39 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 400 เม็ด พร้อมอายัดเงินสดกว่า 3 แสนบาท ทองรูปพรรณหนัก 4 บาท และรถยนต์ 2 คัน จับกุมได้ที่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 1 ต.บานา อ.เมืองปัตตานี หลังวางแผนล่อซื้อ โดยนายภาณุกล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่ และเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ด้วย

"ผอ.โรงเรียนถูกยิงตายพร้อมน้าสาว"


นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีผู้ก่อความไม่สงบประกาศชูธงจัดตั้งรัฐปัตตานีว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือประเทศไทย มีอยู่เพียงธงเดียวที่จะปักอยู่ในประเทศ คือธงไตรรงค์ จะไม่มีธงไหนมาปักอีก เป็นเพียงคำพูดที่หวังผลทางจิตวิทยาของผู้ก่อเหตุ อย่าไปใส่ใจ เมื่อถามว่า หากระยะเวลา 2-3 เดือน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการทำงานหรือไม่ นายอารีย์กล่าวว่า การแก้ปัญหามีหลายวิธี แต่ไม่ได้หมายความว่าแต่ละวิธีจะไปคิดร้ายทำลายใคร แนวทางการแก้ไขต้องสร้างความเข้าใจที่ดีแต่ต้องให้เวลา

ขณะที่นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.วรรณา องค์พลานุวัฒน์ ผอ.โรงเรียนบ้านบริจ๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมน้าสาวว่า มาตรการดูแลความปลอดภัยของครูมีอยู่แล้ว แต่คนจ้องทำกับคนป้องกันย่อมพลาดจนได้ รู้สึกเสียใจไม่อยากให้เหตุเกิดอีก และ ผอ.โรงเรียนถูกทำร้ายไปหลายคนแล้ว

"คาดสัปดาห์หน้าโรงเรียนจะเปิดสอนได้หมด"


ถือว่าเป็นเหตุรุนแรง มาตรการขณะนี้มีหมดทุกอย่างแล้ว คงไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติมขึ้นอีก ยกเว้นเรื่องที่จะต้องไปช่วยดูแลความปลอดภัยของครูในพื้นที่ต่างๆให้เพียงพอ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็พยายามจัด แต่พื้นที่มีกว้าง โรงเรียนก็ตั้งกระจายกัน ตอนนี้ไม่ใช่แต่ขวัญกำลังใจครูในพื้นที่ไม่ดี ขวัญกำลังใจตนก็ไม่ดี ด้วย เหมือนคนในโรงงานตนถูกทำร้ายและเป็นผู้บริสุทธิ์จะขวัญดีได้อย่างไร

ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังร่วมพิธีอาบน้ำศพ น.ส.วรรณา ที่ จ.นราธิวาส ว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ช่วยเหลือดูแลตามระเบียบของทางราชการอย่างเต็มที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝ่ายเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดูแลครูในพื้นที่เสี่ยงภัยให้มากขึ้น สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ที่ปิดเรียนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะเปิดสอนได้เกือบทั้งหมด เพราะครูในแต่ละโรงเรียนต่างเป็นห่วงลูกศิษย์จะมีผลกระทบในการเรียน อย่างไรก็ตาม หากโรงเรียนใดสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงก็ปิดต่อไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์