ใต้เดือดระอุ เผาวอด 3 ร.ร.

"ฆ่ารายวันยังต่อเนื่อง"


เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ แม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะใช้ แนวทางสร้างความสมานฉันท์ทุกวิถีทางแล้วก็ตาม แต่ ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตลอดจนการซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ยังมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นรายวัน ซ้ำร้ายในบางพื้นที่ เช่น อ.บันนังสตา อ.เบตง และ อ.ยะหา จ.ยะลา ตกอยู่ในสภาพไร้ขื่อแป ท่ามกลางกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่า ทั้ง 3 อำเภอถูกกลุ่มโจรครอบงำไว้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อร่วมประชุมรับฟังนโยบายกับหน่วยปฏิบัติงาน ที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ว่า จะไปเร่งรัดงานที่ได้สั่งการผ่านทางการประชุมระบบวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์ ว่าเรียบร้อยหรือมีปัญหาอุปสรรคอย่างไรหรือไม่ เพราะต้องการให้การทำงานออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งคงจะทราบว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือ เพิ่มเติมบ้าง

"ใช้ยุทธ์ศาสตร์หลากหลายเข้าแก้ปัญหา"


เมื่อถามว่า กลุ่มก่อความไม่สงบยังลอบทำร้ายและโจมตีครู พล.อ.สนธิกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องพยายามสกัดกั้นให้เหตุการณ์ดังกล่าวเหลือน้อยที่สุด หรือไม่ให้ เกิดขึ้นเลย ซึ่งกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามที่จะแสดงอิทธิพล เมื่อถามถึงความห่วงใยเกี่ยวกับกระแสการสถาปนารัฐปัตตานี พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่ต้องการให้พูดถึง เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความกังวลไปเปล่าๆ เพราะความจริงแล้ว ถึงอย่างไรก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ก็จะป่วนอยู่อย่างนี้ เรื่องรัฐปัตตานี เรื่องอิสระ ไม่ต้องคิดถึง เป็นไปไม่ได้ และสังคมโลกไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำต่อไปว่า ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว แล้วไปเป็นแนวร่วมกับกลุ่มก่อความไม่สงบเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า แนวร่วมน่าจะน้อยลง เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างความเดือดร้อนมากขึ้น คนเป็นมุสลิมเข้าใจตรงนี้ ส่วนความคืบหน้านโยบายการแยกปลาออกจากน้ำ พล.อ. สนธิกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าบางจุดเราทำไม่สัมฤทธิผล แม้จะรู้ว่าปลาตัวไหนไม่ดี แต่เราก็แยกไม่ได้ เพราะวัตถุพยานไม่มี เมื่อถูกจับมาก็ต้องปล่อยไป กฎหมายเอื้อมไม่ถึง ส่วนการให้ประชาชนดูแลกันเองภายในหมู่บ้าน เรากำลังทำ แต่ต้องใช้ระยะเวลานาน เป็นยุทธศาสตร์ที่เรากำหนดไว้แล้ว ส่วนเรื่องการรื้อฟื้นระบบดาโต๊ะยุติธรรมนั้นเดิมมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งกำลังจะทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

"ให้ ปชช.ในพื้นที่ร่วมมือมากที่สุด"


เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. พร้อมด้วย พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อรับมอบนโยบายจากผู้บัญชาการทหารบก ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และ ประธาน คมช.กล่าวว่า ในการเดินทางลงมาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาดูโครงการการปรับและจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ในระดับภาค ระดับจังหวัด รวมทั้งจะมาดูโครงสร้างที่จะนำไปใช้ในระดับอำเภอ เนื่องจากทราบว่าที่ผ่านมายังไม่มี กอ.รมน.ในระดับอำเภอ หากการปรับโครงสร้างดีการทำงานก็จะดีตามมา และเพื่อให้การทำงานของทหาร ตำรวจ มีการประสานการทำงานร่วมกันมากขึ้น นอกจากนี้ จะต้องให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด จึงจะทำให้ภาครัฐได้ประโยชน์สูงสุดด้วย ส่วนการทำงานในขณะนี้คิดว่าไปในแนวทางที่ดีแล้ว แต่หากทางแม่ทัพภาคที่ 4 ยังต้องการกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มเติม ทางกองทัพบกก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้

"ลือปักธงยึดพื้นที่"


นอกจากนี้ ผบ.ทบ.และประธาน คมช.ยังได้กล่าวถึงข่าวกลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมจะปักธงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในบางอำเภอว่า เรื่องนี้ก็มีการพูดกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (ปี 2548) เห็นว่าปีที่แล้วจะมี การปักธงกันที่อำเภอเบตง เพื่อให้เบตงเป็นเมืองหลวง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ต้องไม่ประมาท ทางทหารมีการตรวจสอบและเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น สำหรับกองกำลังทหารพราน 30 กองร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกความพร้อม คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ก็จะส่งมาลงพื้นที่ร่วมกับกองกำลังในพื้นที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวกรองแจ้งเตือนไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบ จ.ยะลา ให้เตรียมการรับมือกับแผนก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ระหว่างวันที่ 1-10 ธ.ค.นี้ โดยรายงานข่าวระบุว่าตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีการประชุมหารือระดับแกนนำในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเตรียมก่อวินาศกรรมสถานที่ราชการสำคัญๆ และย่านชุมชนใน จ.ยะลา เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบการสถาปนาการก่อตั้งขบวนการบีอาร์เอ็น เพื่อปลดปล่อยรัฐปัตตานีในเดือน ธ.ค.นี้ โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบหาข่าวจากคนในพื้นที่ ตลอดจนเฝ้าระวังจุดต้องสงสัยที่คาดว่าอาจจะเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวของกลุ่มคนร้าย ซึ่งรายงานข่าวระบุว่ามีแผนจะใช้กำลังคนประมาณ 100 คน ในการก่อเหตุระลอกใหม่ด้วย

"ให้โรงเรียนไหนเห็นว่ายังไม่ปลอดภัยก็ปิดต่อไปได้"


ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ท่านนายกรัฐ-มนตรีได้เล่าให้ฟังว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. จะลงไปคุยในเรื่องปัญหาของเพื่อนครู และท่านได้แสดงความเห็นใจ โดยระบุว่า หากโรงเรียนใดเห็นว่ายังไม่มีความปลอดภัยก็ให้ปิดต่อไปได้ ส่วนโรงเรียนใดที่สถาน-การณ์ดีขึ้นแล้วและมีความพร้อม ก็ให้เปิดการเรียนการสอนตามปกติ นอกจากนี้ ท่านนายกฯยังเห็นด้วยที่จะให้ ชุมชนและผู้ปกครองร่วมเดินทางไป-กลับกับคณะครูเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น ตนก็รู้สึกซาบซึ้งว่าท่านนายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ล่าสุดโรงเรียนระดับมัธยมได้เปิดการเรียนการสอนแล้ว รวมทั้งโรงเรียนระดับประถมใน จ.นราธิวาส และยะลา ยกเว้นที่ จ.ปัตตานียังมีโรงเรียนระดับประถมที่ยังปิดอยู่ ส่วนโรงเรียนระดับมัธยมเริ่มเปิดบ้างแล้ว คาดว่าในวันที่ 4 หรือ 6 ธ.ค. ทุก โรงเรียนก็จะเปิดตามปกติ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี และหน่วยทหารเฉพาะกิจในพื้นที่ ประชุมร่วมกับสมาพันธ์ครูและผู้บริหารการศึกษาผู้บริหารโรงเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานี เขต 1 และเขต 2 กว่า 500 คน เพื่อหามาตรการร่วมกันในการดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มครู ก่อนที่จะมีการเปิดการเรียนการสอนในวันที่ 4 ธ.ค. โดยนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ครั้งนี้พูดกันจนครูมั่นใจว่าจุดไหนที่เป็นช่องโหว่ก็จะอุดให้หมด เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วยังมีข้อเสนอแนะก็ยินดี ซึ่งมันต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลา

"ให้ตรวจค้นรถยนต์ที่ผ่านเข้ามาเป็นพิเศษ"


ส่วนการทิ้งใบปลิว ข่าวลือ หรือปลุกระดมไม่ให้ เด็กไปเรียนหนังสือนั้น ก็ฝากให้ครูได้รู้เท่าทันเกม ส่วนการดำเนินการที่ผ่านมาผู้ปกครองนักเรียนเห็นความสำคัญการศึกษามากขึ้น และอีกทางหนึ่งคือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คอเต็บ บิหรั่น ที่อยู่ในพื้นที่ก็จะช่วยระดมเด็กมาเรียนซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในชุมชนมากขึ้น ส่วนจะเปิดเรียนในวันที่ 4 ธ.ค. พร้อมกันหมดหรือไม่นั้น ตนคิดว่าให้ครูมั่นใจและวางใจในมาตรการดูแลครูเมื่อไหร่ เปิดเรียนเมื่อไรก็แล้วแต่ความพร้อมของครู ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความรู้สึกของครูในพื้นที่หวาดกลัวมากจากการกระทำอย่างโหดเหี้ยมและทารุณ การฟื้นฟูจิตใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ ผวจ.ปัตตานีสรุป

ที่ จ.สงขลา ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนติดต่อกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเคยตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มโจรใต้ มาแล้วหลายครั้งนั้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. พ.ต.ท.เล็ก มียัง สวป.สภ.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า ได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยข่าวกรองในพื้นที่ว่ามีรถยนต์จากพื้นที่จังหวัดยะลามุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหาดใหญ่ มากเป็นพิเศษ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จึงสั่งการให้ตั้งด่านตรวจรถยนต์ทั้งส่วนบุคคลและรถโดยสาร ให้เน้นรถป้ายทะเบียนจากพื้นที่จังหวัดยะลาเป็นกรณีพิเศษ โดยตั้งด่านตรวจบนถนนกาญจนวนิช ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักขาเข้าเมืองหาดใหญ่ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งจุดตรวจตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เบื้องต้นยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ก็มีการฝึกซ้อมแผนจำลองเหตุการณ์ระเบิด ที่บริเวณถนนเสน่หานุสรณ์ ซึ่งเป็นย่านการค้าและย่านคนเดินของเมืองหาดใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง

"ป่วนใต้แอบย่อง เผาโรงเรียน"


ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยอ้างการเปิดเผยของนายนาจิบ ราซัก รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่า จะเปิดทางให้ เจ้าหน้าที่ทางการไทยเข้าพบชาวไทยมุสลิมทั้ง 131 คน ที่หนีเหตุการณ์ไม่สงบทางภาคใต้เข้ามายังฝั่งมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 48 เนื่องจากกลัวการถูกกวาดล้างภายใต้รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นหลังนายนาจิบได้พบกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงสถานการณ์รุนแรงทางภาคใต้ ซึ่งนายนาจิบกล่าวด้วยว่า สำหรับชาวไทยมุสลิม 131 คน ปัจจุบันอยู่ที่ศูนย์กักกันในรัฐตรังกานู ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย

ส่วนเหตุรุนแรงสร้างสถานการณ์รายวันยังคงมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 02.30 น. คืนวันที่ 1 ธ.ค. พ.ต.ท.สการียา ยูโซ๊ะ รอง ผกก.สส.สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านบาเลาะ ม.6 บ้านบาเลาะ ต.ปะแสยาวอ จึงประสานขอรถดับเพลิงรวม 3 คันรุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าชาวบ้านช่วยกันดับไฟจนสงบ เหตุเกิดภายในห้องเรียนของชั้น ป. 3 และ ป. 4 เสียหายเฉพาะส่วนผนังกั้นห้องเท่านั้น ในที่เกิดเหตุพบกระสอบป่านชุบน้ำมันเบนซินตกอยู่ประมาณ 5-6 ใบโดยบางส่วนถูกไฟไหม้จนเกือบหมด จากการสอบสวนทราบว่าโรงเรียนดังกล่าวจะมีชุดรักษาความปลอดภัยและชาวบ้านคอยดูแล แต่เนื่องจากเป็นจังหวะที่ชุดรักษาความปลอดภัยเดินตรวจอาคารอื่น คนร้ายจึงฉวยโอกาสเข้ามาทางหลังโรงเรียนแล้วงัดประตูเข้าไปราดน้ำมันก่อนจุดไฟเผาแล้วหลบหนีไป

"แอบย่องตอนภารโรงไปละหมาดเผาอีกโรงเรียน"


ถัดมาเวลา 06.00 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.บุญเสริม แกล้ววาที ร้อยเวร สภ.อ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ภายในโรงเรียนบ้านไอร์โซ หมู่ 5 ต.ช้างเผือก ซึ่งเป็นโรงเรียนตามโครงการพระราชดำริ สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยใช้ทุนส่วนพระองค์ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2537 จึงพร้อมด้วย ร.ต.อ. กฤษดา วัตตธรรม สว.วิทยาการ จ.นราธิวาส นำกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองรุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าอาคารเรียนที่ถูกไฟไหม้เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวมีจำนวน 6 ห้องเรียน ซึ่งห้องเรียนที่ถูกไฟไหม้เป็นห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 4/1 ถูกไฟเผาเสียหายหมดทั้งห้อง เบื้องต้นพบหลักฐานเป็นผ้าชุบน้ำมันตกอยู่ตรงมุมห้องด้านหลังติดกับหน้าต่างห้องเรียน คาดว่าคนร้ายฉวยโอกาสช่วงที่ฝนตกหนักเมื่อคืนวันที่ 1 ธ.ค.ลอบเข้ามาวางเพลิงเผาห้องเรียนเพื่อสร้างสถานการณ์

ต่อมาเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน ร.ต.ต.นเรศ พุ่มแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ในโรงเรียนบ้านกอแนะเหนือ ริมถนนสายตันหยงมัส-รือเสาะ หมู่ 6 ต.ตันหยงมัส จึงประสานขอรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลตันหยงมัสรวม 2 คันรุดไประงับเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้ภายในห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 โดยมีชาวบ้านกำลังช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้นักเรียนซึ่งทำจากไม้ออกมาอย่างโกลาหล ใช้เวลาร่วม 45 นาทีเพลิงจึงสงบ เผาห้องเรียนเสียหายไป 1 ห้อง เบื้องต้นพบร่องรอยคนร้ายงัดหน้าต่างมุมห้องด้านหลัง แอบปีนเข้ามาในห้องเรียน นำเอกสารและหนังสือเรียนมากองสุมไว้กลางห้องก่อนจุดไฟเผา โดยฉวยโอกาสช่วงที่นักการภารโรงออกไปละหมาดที่มัสยิดบุกเข้ามาวางเพลิง สำหรับโรงเรียนที่เกิดเหตุได้หยุดสอนมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว เพราะครอบครัวเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ต่างอพยพไปอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ในเวลาไล่เลี่ยกันได้เกิดเพลิงไหม้บ้านร้างริมถนนสายตันหยงมัสระแงะ หมู่ 1 บ้านปราซางี ต.บาสะโต อ.ระแงะ ทาง ร.ต.ต.นเรศ พุ่มแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ ได้รุดไปตรวจสอบพบบ้านไม้ 2 ชั้นถูกเผาวอดหมดทั้งหลัง คาดเป็นฝีมือกลุ่มโจรใต้ต้องการสร้างสถานการณ์ก่อกวน



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์