ยิงทิ้งไก่-เปรม ท่าตะโกคาดฆ่าปิดปาก

สังหารโหด "ไก่-เปรม ท่าตะโก" สองขาใหญ่ในพื้นที่วัดท่าตะโก เมืองย่าโม ตำรวจระบุตรวจประวัติพบคดีโชกโชนและมีหมายจับนับไม่ถ้วน คาดถูกเพื่อนร่วมแก๊งฆ่าปิดปาก ในขณะที่แม่เชื่อ่ ลูกถูกตำรวจสังหาร วอนขอความเป็นธรรม


เหตุยิง 2 ขาใหญ่แห่งวัดท่าตะโกดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา  โดย พ.ต.ท.กัมปนาท  ฐาตุจิรางค์กุล สารวัตรใหญ่ สภ.จอหอ อ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบศพผู้เสียชีวิตที่ศาลาทางหลวง บริเวณทางแยกเข้าบ้านหนองออก หมู่ 10 ต.จอหอ อ.เมือง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง
 
 โดยที่เกิดเหตุอยู่นอกศาลาทางหลวง หรือจุดรอรถโดยสารประจำทาง บริเวณช่วงหลักกิโลเมตรที่ 10-11 ริมถนนเลี่ยงเมือง ตอนสามแยกปักธงชัย-จอหอ ท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีแสงสว่างข้างทาง พบศพชายไทยวัยรุ่น จำนวน 2 ศพ อายุประมาณ 25-30 ปี ถูกสังหารโหด มีบาดแผลถูกจ่อยิงในลักษณะเผาขน เข้าที่บริเวณศรีษะ เลือดไหลนองพื้น ซึ่งน่าจะเพิ่งเกิดเหตุได้ประมาณ 30 นาที โดยศพแรกนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อแขนยาวสีแดง กางเกงขาสามส่วนลายพราง สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ศพที่สองนอนหงาย สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นลายแดงฟ้า สวมรองแตะ ทั้งสองศพจะถูกใช้ผ้าผูกปิดตาไว้ ตรวจสอบบริเวณที่พบศพ ไม่พบร่องรอยใดๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับรูปคดี หรือบ่งบอกจะมีการต่อสู้ และมีการเคลื่อนย้ายศพมาทิ้งแต่อย่างใด

  ในขณะที่ จนท.ตำรวจ กำลังรอแพทย์เวรนิติเวช และ จนท.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาตรวจสอบ เก็บหาพยาน หลักฐาน ตามกระบวนทางกฏหมาย ได้มีหญิงไทย ทราบชื่อภายหลังคือนางฐิติกรรณ  เจริญชัยรุ่งเรือง อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 428 หมู่ 12 ต.ด่านคล้า  อ.โนนสูง จ. นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าลูกชายคือนายสิโรจน์  สำราญกลาง อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตสวมเสื้อสีน้ำตาล ถูกฆ่า จึงรีบเช่าเหมารถรับจ้างมาดูศพ ยืนยันเป็นลูกชายจริง  ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 20 วันที่ผ่านมา จากนั้นได้เดินทางไปหางานทำกับเพื่อนชายวัยไล่เลี่ยกัน โดยบอกกับตนว่าได้เช่าบ้านพักในเขต อ.สูงเนิน นครราชสีมา จากนั้นได้หายหน้าไปอย่างไร้ร่องรอย โดยเพื่อนๆ ระบุว่าถูกจนท.ตำรวจจับตัวไป จนกระทั่งรับแจ้งว่าลูกชายถูกสังหารเสียชีวิต จึงได้รีบเดินทางกลับออกไปทันที

 เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 8 ธ.ค. มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับขี่รถกระบะและรถเก๋ง รวม 4 คัน ไปยังบ้านเช่าของลูกชายที่บ้านสลักได ตรงข้ามกับเขตอุตสาหกรรมนวนคร ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เดิมลูกชายมีอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดทั่วไปและเมื่อปี 2550 เคยถูกตำรวจจับกุมในคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์กับเพื่อนและถูกศาลพิพากษาจำคุกปีเศษที่เรือนจำกลางนครราชสีมา หลังจากออกจากเรือนจำก็มาขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดอีกครั้งและมาประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บเอ็นขาขวาขาด จึงไปพักรักษาตัวกับเพื่อนที่ อ.สูงเนิน เพื่อรอให้เพื่อนฝากงานในเขตอุตสาหกรรมนวนครให้เมื่อหายป่วย แต่เมื่อบ่ายวันที่ 8 ธ.ค.53 ก็มาถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าเป็นตำรวจขับขี่รถเก๋งและรถกระบะมา 4  คัน เข้ามาจับตัวลูกชายเเละเพื่อนขึ้นรถไปโดยบอกว่าจะนำไปตัวไปสอบสวนที่ที่สถานีตำรวจ หลังจากนั้นทราบข่าวพยายามติดต่อกับลูกชายทางโทรศัพท์มือถือแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และได้ไปตามหาที่สภ.ต่างๆก็ไม่พบตัว จนในที่สุดก็มาพบศพลูกชายถูกมัดตายิงทิ้งอย่างโหดเหี้ยมดังกล่าว จึงอยากวอนให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจภูรภาค 3 ช่วยเร่งรัดสืบสวนคดีการสังหารโหดลูกชายและเพื่อนในครั้งนี้และขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของฉันด้วยหากลูกฉันทำผิดอะไรก็ควรให้กระบวนการยุติธรรรมที่มีอยู่ในบ้านเมืองเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่มาฆ่าคนทิ้งแบบนี้"นางฐิติกรรณ กล่าว

 ต่อมาเมื่อช่วงสายวันที่ 9 ธ.ค. พ.ต.ท.กัมปนาท  ฐาตุจิรางค์กุล สารวัตรใหญ่ สภ.จอหอ อ.เมือง นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบข้อมูลรายชื่อผู้ตายอีกคนคือ  นายเปรม แต่ยังไม่ทราบชื่อจริง อายุวัยไล่เลี่ยกันกับนายไก่ ท่าตะโก  ทั้งสองเป็นวัยรุ่นย่านวัดท่าตะโก เขตเทศบาลนคร นครราชสีมา จากการตรวจสอบภูมิหลัง นายศิโรจน์ หรือไก่   และ นายเปรม เป็นขบวนการคนร้าย ที่รู้จักกันในฉายาในหมู่วัยรุ่นว่า " ไก่ ท่าตะโก " และ "เปรม ท่าตะโก " มีพฤติการณ์พัวพันกับการกระทำผิดกฏหมาย หลายกรรมหลายวาระ ตามที่ผู้เสียหายระบุ และการซัดทอดของเพื่อนในแก๊งคนร้าย โดยกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ยาเสพติด ชีวิต และร่างกาย มาอย่างโชกโชน หลายคดีที่เกิดขึ้นในเขต อ.เมือง ฯ จะมีทั้งสอง พัวพันอยู่หลายครั้ง

 โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ขอศาลจังหวัดนครราชสีมา อนุมัติออกหมายจับอยู่หลายพื้นที่ พร้อมระดมกำลังออกติดตามจับกุมตัวมานานกว่า 6 เดือน แต่ทั้งสองก็มิได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย จะหนีไปกบดานรอเรื่องเงียบ แล้วจะกลับมาประกอบเหตุในความผิดในลักษณะเดิมซ้ำอีก จากการสอบปากคำพยานแวดล้อม ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ยานพาหนะสัญจรผ่านไปมา และ เป็นผู้ที่แจ้งเหตุ ระบุพบเห็นรถตู้สีขาวมาจอดที่ศาลาริมทาง ซึ่งสภาพแวดล้อมมืด ไม่มีแสงสว่างข้างทางจึงเป็นอุปสรรคในการจดจำรูปพรรณ สันฐานของคนร้าย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด จึงได้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น การฆ่าตัดตอน ในขบวนการคนร้าย ที่ตกลงกันในเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว หลังจากทั้งหมดได้ประกอบเหตุมา หรือ เกรงผู้เสียชีวิตทั้งสอง จะนำข้อมูลความลับไปเปิดโปง จึงถูกลวงมาฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทางลับ จนท.มีเบาะแส เพื่อนร่วมแก๊งค์ จะติดตามผู้ที่ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนนายเปรม ผู้ตายอีกราย จนท.ได้พยายามติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน

  ด้านพ.ต.อ.วชิรวิชญ์  กฤษฤทธิ์ศักย์  รองผบก.ภ.นครราชสีมาเปิดเผยภายหลังตรวจที่เกิดเหตุว่าจากการตรวจสอบประวัติผู้ที่เสียชีวิตคือนายสิโรจน์  สำราญกลาง  มีฉายาว่า "ไก่ ท่าตะโก" และเพื่อนที่ยังไม่ทราบชื่อ พบว่าทั้งสองมีประวัติพัวพันคดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์โดยนายสิโรจน์ เคยก่อเหตุในเขต อ.เมืองนคราชสีมาและ อ.สูงเนินมาหลายครั้ง และเคยถูกจับกุมและศาลตัดสินจำคุกมาแล้วเมื่อปี 2550  เมื่อกลับออกมาก็ยังยังยึดอาชีพเดิมอีก ซึ่งเป็นไปได้ว่าทั้งสองคนอาจจะถูกเพื่อนร่วมแก๊งหักหลังเรื่องการเเบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็เป็นได้ ส่วนกรณีที่มารดาของผู้ตายสงสัยว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็เป็นสิทธิของญาติที่จะตั้งข้อสงสัยได้ ซึ่งตำรวจก็จะเร่งรัดสืบสวนคดีนี้อย่างเต็มที่และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์