หลักฐานมัด ร.ต.อ. ยิงนาวาเอกดับ

ที่แท้มือปืน น.อ.กองทัพเรือดับบนถนนรัชดาฯ เป็น ร.ต.อ. รองสว.สส.โรงพักห้วยขวาง เคยก่อคดียิงคนขับแท็กซี่ในท้องที่ สน.วังทองหลางมาก่อน สาเหตุจากขับรถปาดกัน 


พฐ. ตรวจหัวกระสุนและปลอกระสุนพบว่ายิงมาจากปืนของผู้กองหัวหน้าสายสืบรายนี้ทั้ง 2 คดี แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธและไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด “ภาณุพงศ์” ชี้ ถึงผู้ต้องหาปฏิเสธแต่ยืนยันมีหลักฐานเอาผิดได้ อีกทั้งตรวจสอบประวัติพบว่าเคยยิงรถของแฟนสาวในท้องที่ สน.บางเขนมาด้วยเพราะเป็น  คนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ บช.น. สั่งให้ออกจากราชการแล้ว
    
ที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 พ.ย. พล.ต.อ. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ. พล.ต.ต. สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พฐ. ร่วมกันตรวจสอบวิถีกระสุนในคดีคนร้ายยิง น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ ในท้องที่ สน.ห้วยขวาง โดยเจ้าหน้าที่ พฐ. นำรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา สีเทาดำ ทะเบียน ลษ 4811 กรุงเทพมหานคร ที่ น.อ. วุฒิชัย ผู้ตายเป็นคนขับ และรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน ช 5913 กรุงเทพมหานคร ของ ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง ขับ กับรถโฟล์คกอล์ฟสีเขียว ซึ่งเป็นรถตัวอย่างที่พยานเห็นว่าเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุมาเปรียบ  เทียบวิถีกระสุน ทิศทางการยิง โดยใช้เวลาตรวจสอบ 1 ชม. 
    
พล.ต.ท.จรัมพร เปิดเผยว่า จากการนำอาวุธปืนของ ร.ต.อ.เจษฎา ผู้ต้องสงสัยมาตรวจสอบพบว่าเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกันกับคดีที่ยิงโชเฟอร์แท็กซี่ในซอยจำเนียร   เสริม ถนนประชาอุทิศ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ท้องที่ สน.วังทองหลาง โดยโชเฟอร์แท็กซี่ให้การว่า รถที่ใช้ก่อเหตุคือรถโตโยต้าอัลพาร์ดสีดำ จึงนำปลอกกระสุนที่ตกบริเวณที่ปัดน้ำฝนของ     รถแท็กซี่มาตรวจเปรียบเทียบกับปืนของ ร.ต.อ.เจษฎา พบว่าเป็นการยิงจากปืนกระบอกเดียวกัน จึงนำหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับเลขที่ 2590/2553 ให้จับกุม ร.ต.อ.เจษฎา ในข้อหาพยายามฆ่าแล้ว ส่วนรถอัลพาร์ดของ ร.ต.อ.เจษฎายังพบว่าเป็นรถ     หนีภาษีด้วย 
    
หลังจากนั้นในตอนบ่ายวันเดียวกัน ที่ บช.น. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จรัมพร ผบช.สพฐ. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ อายุ 27 ปีรอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง ผู้ต้องหาพยายาม ฆ่าโชเฟอร์แท็กซี่ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง และเกี่ยวพันคดีฆ่า น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา 
    
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า คดียิง น.อ.วุฒิชัย เสียชีวิต พยานในที่เกิดเหตุให้การว่ารถยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นรถเก๋งยี่ห้อโฟล์ค รุ่นกอล์ฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้าน หลัง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุด   ต่าง ๆ แล้วไม่พบรถยนต์รุ่นดังกล่าว ซึ่งขัดกับคำให้การของพยาน แต่ด้วยความละเอียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น. 1 ตรวจสอบพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ จึงติดตามสืบสวนต่อจนทราบ ว่า รถต้องสงสัยเป็นของ ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง ตำรวจจึงใช้อำนาจทางการปกครองเรียกตัวมาสอบสวนเบื้องต้น ซึ่ง ร.ต.อ.เจษฎาปฏิเสธ อีกทั้งเมื่อนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักเพื่อหาอาวุธปืนก็ไม่พบ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเชื่อว่า ร.ต.อ.เจษฎา น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ เพราะในช่วงเวลาใกล้เคียงกับตอนเกิดเหตุได้ขับรถตู้ผ่านที่เกิดเหตุด้วย และหลบหนีเข้าซอยนาทอง
    
ถึงแม้ว่ารถยนต์ของ ร.ต.อ.เจษฎา จะไม่ใช่รถยนต์ที่พยานระบุ แต่ทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบวิถีกระสุนทำให้เชื่อได้ว่า กระสุนที่ยิงออกมาไม่น่าจะมาจากรถยนต์ยี่ห้อโฟล์ค แต่น่าจะมาจากรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด มากกว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ พฐ. ได้ตรวจสอบหัวกระสุนและปลอกกระสุนที่ยิง น.อ.วุฒิชัย พบว่าตรงกับเหตุการณ์คนร้ายใช้รถยนต์      โตโยต้า อัลพาร์ด เช่นกัน ติดป้ายทะเบียนไม่ทราบตัวอักษร 1818 กรุงเทพมหานคร ใช้   อาวุธปืนยิงคนขับแท็กซี่รายหนึ่ง ในท้องที่ สน.วังทองหลาง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าว
    
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง จึงรวบรวมหลักฐานขอให้ศาลอาญาอนุมัติหมายจับเลขที่ 2590/2553 ให้จับกุม ร.ต.อ.เจษฎา ในข้อหาพยายามฆ่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมานี้ และได้จับกุมตัวทันที สิ่งที่สำคัญคือ หัว กระสุนกับปลอกกระสุนที่ยิงคนขับแท็กซี่ ไปตรงกันกับปลอกกระสุนที่ยิง น.อ.วุฒิชัย แต่ถึงแม้ว่าตำรวจจะไม่พบอาวุธปืนแต่หัวกระสุนและปลอกกระสุนรวมถึงประจักษ์พยานบุคคลยืนยันว่าผู้กระทำผิดในคดีของ สน.ห้วยขวาง คือ ร.ต.อ.เจษฎา ซึ่งหลักฐานทั้งหมดตรวจ  สอบโดยหลักนิติวิทยาศาสตร์ และยืนยันว่า   เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานด้วยความรอบคอบ 
    
“ผมในนามของตำรวจขอแสดงความเสียใจกับญาติของ น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ ที่ต้องจบชีวิตลง และผู้กระทำผิดเป็นข้าราช การตำรวจที่ทำหน้าที่สอบสวนสืบสวน โดย มูลเหตุทั้งสองคดีเชื่อว่ามาจากการไม่พอใจเรื่องขับรถยนต์ เนื่องจากตรวจสอบประวัติของ ร.ต.อ.เจษฎา รวมถึงสอบถามผู้บังคับบัญชาทราบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ และยังมีข่าวว่าเคยใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ของอดีตแฟนสาวในท้องที่ สน.บางเขน ซึ่งตำรวจ  จะสืบสวนในเรื่องดังกล่าวต่อไป สำหรับผู้ต้องหา บช.น. ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว พร้อมกับให้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ที่ สน.วังทองหลาง และให้ สน. ห้วยขวาง ไปอายัดตัวในคดียิง น.อ.วุฒิชัย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ต้องหาที่จะให้การ แต่ตำรวจก็มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่จะเอาผิดได้” รอง ผบ.ตร.กล่าวในตอนท้าย
    
ผู้สื่อข่าวรายงานมาด้วยว่า ก่อนแถลงข่าว ร.ต.อ.เจษฎา ถูกนำตัวเข้าไปสอบสวนยังห้องทำงาน ผบช.น. มี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ร่วมสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด โดย ร.ต.อ.เจษฎาที่สวมแว่นตาดำอำพรางใบหน้าไม่มีท่าทีสลดหรือ เสียใจกับการกระทำของตัวเองแต่อย่างใด แต่มีสีหน้าที่เรียบเฉย และสูบบุหรี่แทบ   จะมวนต่อมวนทีเดียว โดยการแถลงข่าว พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ไม่ได้นำตัวผู้กองปืนโหดมาร่วมแถลงด้วย


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์