คุกแก๊งมังกรไต้หวันจับเสี่ยเรียก 30 ล้าน

คุกคนละ 3 ปี แก๊งมังกรไต้หวัน-รวมหัวโจรคนไทย จับเสี่ยเจ้าของกิจการสิ่งทอกับครอบครัวเรียกค่าไถ่ 30 ล้าน

ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 16 พ.ย. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอำพล แซ่หว่าง อายุ 21 ปี, นายศราวุธ แซ่หยาง อายุ 24 ปี, นายเฉิน จื้อ เหวิ่น อายุ 24 ปี ชาวไต้หวัน, นายสมุทร หยางยิง อายุ 29 ปี, นายจาง จา หลุน หรือ ต้าเกอ อายุ 31 ปี ชาวไต้หวัน และนายชิงฉาง แซ่หลี อายุ 27 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ นำตัวเด็กมาโดยใช้อุบายหลอกลวง ใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขัง เป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กายฯ ,แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน,บุกรุก,ร่วมกันกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไปและ ร่วมกันลัก ทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 2 มี.ค.53 ระบุความผิดสรุปว่า

เมื่อระหว่างวันที่ 1-14 ธ.ค.52 ต่อเนื่องกันเลยทั้งหกกับพวกที่หลบหนีอีก 2 คน ได้ร่วมกันนำตัวนายเติ้น ลี่ เหวย (TENG LI WEI )อายุ 36 ปี นักธุรกิจสิ่งทอ ผู้เสียหายที่ 1 กับพวก รวม 5 คน โดยใช้อุบายหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นได้ร่วมกันเรียกค่าไถ่ตัวผู้เสียหายจำนวน 30 ล้านบาท  นอกจากนี้จำเลยที่ 1, 4, 6 กับพวกที่หลบหนี ยังได้ร่วมกันลักเอาโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ราคา 9,000 บาท สมุดเช็คธนาคารอาร์บีเอส ประเทศสิงคโปร์ และเอกสารหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต  ทั้งยังได้กันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายที่ 1 แล้วร่วมกันลักเอาเงินไต้หวัน 38,000 ไทเป คิดเป็นเงินไทย 38,000 บาท, เงินสิงคโปร์ 520 เหรียญ เป็นเงินไทย 13,000 บาท และเงินดอลล่าร์สหรัฐ ฯ อีก 20,000 ดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทย 660,000 บาท เสื้อผ้า, กระเป๋า อีกหลายรายการอื่น ๆ

เหตุเกิดที่แขวง-เขตวังทองหลาง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา188, 145, 309, 310, 313, 335, 362, 365 ให้จำเลยที่ 1, 4, 6 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 5,200 บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 และให้ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 7,750บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 ให้จำเลยที่ 2, 3, 5 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 711,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 4 ด้วย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ติดตามจับกุมพวกจำเลยได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งหก เรียกร้องเงินจากผู้เสียหายโดยตรงแต่เป็นการทำตามคำสั่งของผู้ต้องอีก2 คน ที่หลบหนี ซึ่งเป็นผู้วางแผน จำเลยมีหน้าที่ช่วยทวงหนี้จากผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งอาจหยิบยืมเงินจากผู้ต้องหาที่หลบหนีก็ได้ การกระทำของพวกจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่า เป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย แต่เป็นเพียงรับคำสั่งมาปฏิบัติตามเพื่อแลกกับค่าจ้างเท่านั้น และทางทำสืบโจทก์ไม่ได้นำสืบให้รับฟังได้ว่า พวกจำเลยปลอมตัวเป็นเจ้าพนักงาน อีกทั้งผลการชันสูตรจากแพทย์ของผู้เสียหายที่ 1 และ 2 แค่ได้รับบาดเจ็บระหว่างถูกคุมขัง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 6 ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพจากร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 2, 3, และ 5 ผิดฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน และร่วมกันขังผู้อื่นแต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2, 3 และ 5 ได้ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เพราะระหว่างจับกุมไม่พบทรัพย์สินของกลางที่ตัวจำเลยทั้งหก

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1, 4, 6 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นฯ จำคุกคนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 2, 3, 5 ผิดฐานบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน ให้จำคุกคนละ 3 ปี ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์