โจรใต้ควบ จยย.บอมบ์ใต้

"คาดไม่อีกไม่กี่วันสามารถชี้ภาพรวมได้"


ในขณะที่หลายฝ่ายยังคงใช้ความพยายามคลี่คลายและยุติปัญหาไฟใต้ ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ย. พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นรายวันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบต่อแนวทางแก้ปัญหา

ที่เน้นสันติวิธีเหตุร้ายที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องที่กลุ่มก่อความไม่สงบตอบโต้การปฏิบัติงานของรัฐบาล ขณะที่อีกส่วนหนึ่งอาจจะปฏิบัติการโดยใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว และในช่วงนี้ เป็นช่วงที่กำลังปรับเปลี่ยนการทำงานขององค์กร ซึ่งจะมี ศอ.บต.เข้ามาทำงาน ได้สั่งการให้นายประกิจ ประจนปัจจนึก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจการดำเนินงานของรัฐบาล มีทั้งนโยบาย แผนการปฏิบัติการ การปรับองค์กร การเตรียมความพร้อมของคนที่จะลงไปทำงาน คาดว่าอีกไม่กี่วันน่าจะสามารถทำความเข้าใจและชี้แจงภาพรวมเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้

"เน้นใช้หลักสันติวิธี"


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า คงใช้ มาตรการในทางสันติวิธีเป็นหลัก แต่จะดูแลให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนผู้ก่อปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่า มาตรการป้องกันการก่อเหตุร้ายรายวันยังทำได้ไม่ดีพอใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ก็อย่างที่เรียนว่ารออีกสักพักหนึ่งก็จะชี้แจงรายละเอียดได้ เมื่อถามว่า มีคนเสียชีวิตทุกวัน จะทำอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ก็ต้องรอ เพราะการทำงานกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงปรับเปลี่ยน ถ้าไม่ปรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวก็ทำลำบาก

ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค วันเดียวกัน นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เท่าที่ดูแนวทางของรัฐบาลสอดคล้องกับข้อเสนอของ กอส. ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้พูดกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า จะใช้ข้อเสนอของ กอส. แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเลือกข้อไหน เพราะมีอยู่ หลายสิบข้อ เมื่อถามว่า การที่นายกรัฐมนตรีเริ่มต้นด้วยการขอโทษประชาชนในพื้นที่จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายอานันท์กล่าวว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้น แต่ไม่ได้ หมายความว่าเมื่อขอโทษแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย เชื่อว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เองก็คงทราบดี หลักการของความสมานฉันท์ สิ่งแรกคือต้องเปิดเผยความจริงทั้งหมด และการให้อภัย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยความจริงทั้งหมด ทั้งความจริงจากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากความผิดพลาดหรือความไม่เข้าใจลึกซึ้งของรัฐบาลเก่า พอมาถึงจุดที่ 2 คือการขอโทษ ซึ่งก็หวังว่าสิ่งต่อไปคือการให้อภัย

"เป็นแค่คนจำนวนน้อย ต้องเร่งสร้างความเข้าใจคนส่วนมาก"


เมื่อถามว่า แม้ว่ารัฐบาลพยายามเสนอแนวทางสันติ แต่ดูเหมือนเป้าหมายการก่อความไม่สงบไม่ได้ลดลง นายอานันท์กล่าวว่า อาจจะไม่ลด แต่ถือว่าเป็นคนจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบจากคนไทยพุทธที่มีอยู่ 3 แสนคน คนไทยมุสลิม 1 ล้าน 5 แสนคน หากมีคนแค่ 2-3 พันคน หรือหมื่นคนที่ยังขัดขืนรัฐอยู่ ก็ถือว่าค่อนข้างน้อยมาก แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่เข้าใจรัฐบาลที่แท้จริง และให้ความร่วมมือมากกว่า เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่แรงขึ้นคิดว่าเกิดจากอะไร นายอานันท์กล่าวว่า เกิดจากนโยบาย ที่ผิดพลาดและมาตรการที่ค่อนข้างรุนแรงในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อรัฐบาลก็ยังคั่งค้างอยู่ ทำให้ คนส่วนใหญ่ไม่มาอยู่ฝ่ายรัฐบาล เพราะไปเห็นพฤติกรรมในอดีตที่สร้างความไม่ยุติธรรมในสังคม ทั้งเจ้าหน้าที่และขบวนการสอบสวน เพราะไปเก็บเขา ไปอุ้มเขา ไปโต้ตอบอย่างรุนแรง ไปจับคนผิด สร้างพยานหลักฐานเท็จ ความเคียดแค้นในสิ่งที่ทำไปคงหายไปไม่ได้ในวันเดียว แม้จะเปลี่ยนรัฐบาล จริงๆแล้วต้องมองว่ารัฐบาลชุดนี้รับกรรมรัฐบาลชุดที่แล้วมากกว่า

นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึง ความคืบหน้าการตั้งสภาที่ปรึกษา ศอ.บต. ว่า ต้องให้เวลาผอ.ศอ.บต. ที่กำลังรวบรวมบุคลากรที่จะเข้าไปช่วยงาน โดยสรรหาผู้ที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน และการตั้งคณะอนุกรรมการต้องมีหลายชุด เพื่อมาร่วมทำงานทั้งเรื่องอาชีพ ศาสนา สังคม และวัฒนธรรม เมื่อได้บุคลากรทั้งหมดแล้ว จึงจะตั้งสภาที่ปรึกษา โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคมช. กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้หลังการฟื้น ศอ.บต.ขึ้นมาว่า ขณะนี้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. เข้าใจเกี่ยวกับงานและมีความคุ้นเคยกับทหารค่อนข้างมาก เรื่องการประสานงานไม่น่ามีปัญหา ส่วนเรื่องโครงสร้างก็ไม่มีปัญหาอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ การฟื้น ศอ.บต. เพียง 1 เดือนคงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ โครงสร้างและนโยบายต่างๆทาง ศอ.บต.กำลังดำเนินการอยู่ คิดว่าต้องรอเวลาสักระยะ เมื่อถามว่า การจัดตั้งกองร้อยทหารพรานเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องใช้เวลาเท่าใด พล.อ.สนธิตอบว่า ไม่นาน ขณะนี้มีตัวบุคคลอยู่แล้วซึ่งได้อนุมัติในหลักการไปแล้ว เหลือแต่เรื่องงบประมาณเท่านั้นซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติแล้ว คิดว่าปลายเดือน ธ.ค.นี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย

"เสนอให้ค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนครูใต้ คนละ 1,000 บาท"


ผู้สื่อข่าวรายงานในการประชุม ครม.วันเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการได้เสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนแก่ครูอัตราจ้างใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย จำนวน 3,695 คน คนละ 1,000 บาทต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2549 เป็นต้นไป โดยเบิกจ่ายจากงบบุคลากรของส่วนราชการ ทั้งนี้ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา มีข้าราชการครูย้ายออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก จนสถานศึกษาขาดแคลนบุคลากรผู้สอน

ส่วนเหตุการณ์รุนแรงยังคงมีเกิดขึ้นเป็นรายวันโดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 พ.ย. ร.ต.ท.หมัดอุเสน เหมาะสนิ ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณหน้าร้านขายชาไข่มุก ของนางวัชรา เพชรอภิรักษ์ เลขที่ 190-192 เยื้องสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เติม อินทะสะระ ผกก. ไปตรวจสอบ พบรถ จยย.ซูซูกิ คริสตัล สีแดง ที่คนร้ายใช้เป็น จยย.บอมบ์ ถูกแรงระเบิดแหลกทั้งคัน และรถยนต์ที่จอดบริเวณนั้นถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายอีกหลายคัน ส่วนร้านชาไข่มุก กับร้านข้างเคียงถูกแรงระเบิดเสียหายรวม 5 คูหา พบชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือกับซิมการ์ดของมาเลเซีย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

"คนร้ายใช้ จยย.เป็นพาหะระเบิด"


ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิธารน้ำใจช่วยลำเลียงส่ง รพ.สุไหงโก-ลก จำนวน 18 ราย และเสียชีวิต 2 ราย คือ พลทหารนิเวศน์ มัครัตน์ อายุ 22 ปี สังกัดร้อย ร.6011 ฉก.39 และนายมะสาเหะ ยา อายุ 23 ปี ชาวบ้านบ้านตือระ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 16 คน คือ 1. จ.ส.อ.สุรัตน์ สังฆ์ขรินทร์ 2. พลทหารอาเพนดี มะเย็ง 3. พลทหารเกรียงไกร แก้วเกตุ 4.นายครองทรัพย์ โพสาคำ 5. น.ส.ปราณี ยูโซ๊ะ 6. นายไข่ เขียวหลี 7. นายอับดุลกอเด็ม รับไทรทอง 8. นายพัด สุวรรณะ 9. นายอามีซี บินเจ๊ะสือแม 10. นางรอแปอะ เจ๊ะแว 11. นายอรุณ สุวรรณะ 12. นางมาลีญานา เงาะ 13. น.ส.มีนา ชาวพม่า 14. น.ส.นิภาพร แซ่อ๋อง 15. นายเมือง นิลวิจิตร และ 16. นางพิมพ์ ไชยศรี

สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทหาร ร้อย ร.6011 ฉก.39 กำลังเดินหาซื้อเสบียงที่ร้านค้าริมถนนที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านที่มาซื้อของล้มระเนนระนาด สอบพยานเปิดเผยว่า ก่อนหน้าเกิดระเบิดเห็นคนร้ายขี่รถ จยย.คันดังกล่าวมาจอดแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถกระบะบึ่งหนีไป เพียวชั่วครู่ก็เกิดระเบิดขึ้น คาดว่าคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องติดกับรถ จยย.ขี่มาจอด แล้วจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือหมายสังหารหมู่เจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับผู้ต้องสงสัยได้ 3 คน ชื่อนายนายดาโอ๊ะ อาแว บ้านอยู่ ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง นายอัศวิน ไชยสุมาน และนายอดุลย์ มะดาโอ๊ะ อยู่เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส พร้อมรถปิกอัพอีซูซุ สีขาว ทะเบียน บง 9185 นราธิวาส คุมตัวไว้สอบสวน

"รวบคนร้าย กะวางระเบิดตู้โทรศัพท์สร้างสถานการณ์"


ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.พิทักษ์ เอียดแก้ว ผกก.กลุ่มงานสืบสวน บก.ภ.จ.ยะลา พร้อมพวก ออกตรวจในเขตเทศบาลนครยะลา รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีวัตถุต้องสงสัยวางไว้บนกระถางต้นไม้หน้าร้านลุคอิน เลขที่ 12/1 หัวมุมถนน ณ นคร ต.สะเตง จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดมาเก็บกู้ พบเป็นผ้าอุปกรณ์เครื่องวัดความดันโลหิตที่เสียแล้วกับสายไฟ ไม่มีวัตถุระเบิดแต่อย่างใด คาดว่ามีคนนำมาวางเพื่อสร้างสถานการณ์

ตอนสายวันเดียวกัน ร.ต.ท.ทุรัตน์ เที่ยงชัย รอง สวส.สภ.อ.กาบัง จ.ยะลา ช่วยราชการ สภ.อ.เมืองยะลา กับพวก ออกตรวจมาถึงบริเวณด้านหลังกองกำกับการ ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เขตเทศบาลนครยะลา พบชายวัยรุ่นสะพายกระเป๋าเป้สีดำมีท่าทางพิรุธ จึงเข้าตรวจค้น ทราบชื่อนายอาลาดิน มะลอ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 4 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ภายในกระเป๋าพบระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 1 กก. เงินไทยและเงินมาเลเซียจำนวนหนึ่ง เอกสารบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เอกสารปลุกระดม และรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีดำคาดแดง ทะเบียน กษฉ 203 นราธิวาส สอบสวนให้การว่า จะมาก่อเหตุลอบวางระเบิดที่ตู้โทรศัพท์ ใกล้กับร้านขายข้าวแกงด้านหลัง กก.ภ.จ. ยะลา ในช่วงเที่ยงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับประทานอาหาร แต่ถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน

"คนร้ายก่อเหตุต่อเนื่อง ลอบยิง และเผาบ้าน"


บ่ายวันเดียวกัน นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ นอภ.ยะหา จ.ยะลา พร้อมผู้นำท้องถิ่น ได้เข้าเจรจากับกลุ่มชาวบ้านประมาณ 80 คน ที่มารวมตัวกันที่มัสยิดสะป๋อง หมู่ 3 ต.ปะแต เพื่อเรียกร้องให้ย้ายเจ้าหน้าที่ ตชด.4402 ประจำที่โรงเรียน ตชด.โรงงานยาสูบ 2 โดยอ้างว่าได้ยิงบ้านของนายอาแว ดือราแม เพราะโกรธแค้นที่ ตชด.ถูกยิงเสียชีวิตไป 2 นาย และเชื่อว่าเป็นฝีมือของนายอาแว โดยเรียกร้อง 2 ข้อ คือให้ถอนกำลัง ตชด.ออกไป และให้จับกุมคนร้ายมาลงโทษ ส่วนผลการเจรจาตกลงกันได้โดยทางการจะชดใช้ค่าเสียหายซ่อมบ้านให้แก่นายอาแว และให้นายอาแวไปแจ้งความเพื่อสืบจับคนร้าย ระหว่างเจรจามีกลุ่มชายกว่า 10 คน ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ใช้ผ้าปิดอำพรางใบหน้าปักหลักในมัสยิดตะโกนบอกไม่ยอม ต่อมาได้สลายตัวไป

ต่อมาเวลา 18.45 น. ได้มีคนร้ายคาดว่าเป็นพวกโจรใต้ลอบวางเพลิงเผาบ้านไม่มีเลขที่ เขตเทศบาล ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ของนางสุวลัย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นบ้านของชาวไทยพุทธเพียงหลังเดียวในละแวกดังกล่าววอดเสียหายทั้งหลัง ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน เนื่องจากนางสุวลัยเจ้าของบ้านได้อพยพหนีไปอยู่ที่อื่น ขณะเดียวกัน มีคนร้ายก่อเหตุเผายางรถยนต์บริเวณหน้า รร.บ้านต้นแซะ หมู่ 5 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน และพื้นที่ใกล้เคียง 2 จุด ต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยบนสะพานข้ามคลองมาแจ ได้ใช้ ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย พบเป็นระเบิดปลอม

"คนร้ายดักซุ่มรัวอาก้าลูกซองถล่มรถพรุน"


ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 08.30 น. ขณะ ด.ต.อำนาจ สุขกาญจนะ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สื่อสาร กก.ภ.จ.ปัตตานี ขับรถกระบะยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน บง 7472 ยะลา ไปทำงาน ถึงบริเวณสามแยก หมู่ 2 ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง ถูกคนร้ายดักใช้ปืนอาก้าและปืนลูกซองยิงถล่มถูกตัวถังรถปรุพรุน ยางล้อหลังแตก หลังถูกยิง ด.ต.อำนาจได้ลงมาใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จนคนร้ายเผ่นหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบตะปูเรือใบและกล่องวัตถุต้องสงสัยวางทิ้งไว้บนถนน เมื่อเก็บกู้พบเป็นเพียงก้อนหิน ไม่พบระเบิดแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 17.00 น. ขณะที่นายสมพงศ์ นโสรส อายุ 34 ปี สมาชิก อบต.บ้านนอก อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ขี่รถ จยย.ออกจากที่ทำงานมุ่งหน้ากลับบ้าน ถึงหมู่ 6 ต.ดอน อ.ปะนาเระ ถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ไล่ประกบยิงบาดเจ็บสาหัส นำส่ง รพ.ปะนาเระ


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์